เติมความหอมเศษไม้ใบหญ้าเพิ่มค่าสร้างรายได้มหาศาล

ดอกไม้ ใบหญ้า พฤษาพรรณ ความสวยงามตามธรรมชาติ มีเสน่ห์ในตัวเอง ถูกจับมาแต่งแต้มสีสัน เติมความหอมจากหัวน้ำหอมชั้นดี ใส่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบพิเศษ เพิ่มคุณค่าให้กับดอกไม้ใบหญ้าแห้งไร้ค่ากลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ที่สำคัญสร้างรายได้กว่าปีละ 150 ล้านให้กับ กลุ่มบริษัท botanique จนถึงทุกวันนี้

นายพูลพัฒน์ โลหชิตรานนท์ เจ้าของกิจการ botanique เล่าว่า ได้เริ่มทำสินค้าประเภท Potpourri (เครื่องหอมเก็บไว้ในกระปุก) เมื่อ 15 ปีก่อน เริ่มมาจากการที่เราได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อยทำให้ได้รู้จักสินค้าประเภทนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าพันธุ์พืชที่นำมาใช้เป็นพันธุ์พืชที่พบได้ในบ้านเรา และปกติไม่เคยมีใครนำมาใช้ประโยชน์อะไร จึงเกิดความคิดว่าเราควรจะส่งออกในสิ่งที่เรามีและยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรบ้านเราให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย เป็นที่มาของ botanique

สำหรับ Potpourri เป็นการนำผลิตภัณฑ์ตามธรรมชาติมาผ่านขั้นตอนการทำกลิ่นทำสีการนำไปใช้เพียงแค่วางไว้ในห้อง เป็นของแต่งบ้าน กลิ่นก็จะออกมาเอง ในบ้านเราไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก จะนิยมมากในประเทศแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพราะในบ้านเขาจะมีอากาศเย็น ทำให้ต้องปิดบ้านมิดชิดจึงมักจะเกิดกลิ่นอับภายในบ้านได้ หรือ บางครั้งมีกลิ่นอาหารตกค้างอยู่ ดังนั้น บ้านในต่างประเทศนิยมที่จะนำผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมมาช่วยให้ห้องมีกลิ่นหอมขึ้น

การทำผลิตภัณฑ์ Potpourriทางบริษัทจะคัดเลือกวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ 100% โดยพิจารณาจากรูปฟอร์มที่สวยงาม และต้องมีจำนวนที่มากพอเป็นหลัก 4-5 พันตันขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันวัตถุดิบที่เลือกใช้มีทั้งที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และเกษตรกรปลูกขึ้นมา ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ที่ผ่านมา มีการใช้วัตถุดิบไปแล้ว 200-300 ชนิด และเรายังมีโอกาสช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอ และทุเรียน เพราะทางบริษัทได้รับซื้อผลส้มโอและทุเรียนที่ไม่ได้ขนาดเป็นผลอ่อน โดยให้ราคาที่แพงกว่าราคาที่ขายปกติ เช่น ถ้าเกษตรกรขายผลแก่ได้ราคากิโลกรัมละ 20 บาท แต่เรารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 60 บาท เกษตรกรไม่ต้องดูแลมาก และจำนวนที่เราใช้มากพอที่จะช่วยเหลือเกษตรกรในภาวะที่ผลผลิตล้นตลาดได้

ขั้นตอนการผลิต เมื่อเราได้วัตถุดิบที่ต้องการแล้วนำมาผ่านขบวนการอบแห้ง ทำสีและกลิ่น โดยกลิ่นหอมที่ได้มาจากน้ำหอมที่นำเข้ามาประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตน้ำหอมชื่อดังของฝรั่งเศส โดยในส่วนของการเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตทางบริษัทได้ลงทุนไปกว่า 15 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นโรงงานแห่งหนึ่งที่มีความทันสมัยที่สุดในประเทศขณะนี้

นอกจากนี้ จุดขายของ botanique อยู่ที่รูปแบบ จึงต้องอาศัยทีมดีไซน์มาช่วยออกแบบรูปแบบใหม่ออกมาอยู่เรื่อย ปีหนึ่งจะมีแบบใหม่ประมาณ 2-3 ครั้ง การออกแบบจะดูเทรนด์ต่างประเทศด้วยว่าช่วงนั้นนิยมสีอะไร โดยที่สินค้าจะออกเป็นคอลเลคชั่นตามฤดูกาล เพราะลูกค้าต่างประเทศจะเลือกสินค้าตามฤดูกาล เช่น ฤดูร้อนสีสันสดใส หรือ คริสมาสต์โทนสีทึบ เป็นต้น

สำหรับมูลค่าตลาดของ Potpourri อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท มีการโตปีละประมาณ 10% ตลาดมากกว่า 50% อยู่ในประเทศแถบยุโรป ปัจจุบันมีผู้ผลิตรายใหญ่ในเมืองไทยประมาณ 3-4 ราย ส่วนการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ คุณภาพของเราสามารถสู้ได้ เพราะมาตรฐานการผลิตของเรามีคุณภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ดังในต่างประเทศ

นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า ล่าสุด ได้ออกแบรนด์ใหม่ Femme Fatale ที่เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยจำลองสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวผู้หญิง อย่างเช่น ชุดชั้นใน กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง หรือ ไม้แขวนเสื้อ ผลงานชุดนี้ ต้องการนำเสนอความเซ็กซี่ของผู้หญิงในแบบต่างๆ ตามสีสันที่นำเสนอ อาทิเช่น สีชมพู สีแดง และสีดำ เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่น และวัยทำงาน