เมื่อการจัดสวนกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นของผู้ที่มีบ้านเดี่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการเพิ่มความร่มรื่น และเย็นสบายให้กับตัวบ้าน ดังนั้นการเลือกสรรพันธุ์ไม้ จึงต้องมีการเอาใจใส่เป็นพิเศษ ซึ่งบางคนชื่นชอบบรรยากาศร่มรื่นคล้ายป่า จึงต้องอาศัยการนำพืชจำพวก มอส ไร เข้ามาประดับตกแต่ง แต่ปัญหาหลักคือการมอสไม่เจริญเติบโต หรือต้องใช้การดูแลเป็นพิเศษ แต่ขณะนี้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหัวใส ที่นำสปอร์ของมอสมาเพาะ และนำมาโปะลงบนวัสดุต่างๆ ที่เจ้าของไม่จำเป็นต้องรดน้ำเป็นเวลา 10 ปี มอสก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้
รัตนา วงศ์จำปา ผู้จัดการบริษัท คำปันมอส จำกัด ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกของประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจและส่งออกมอสโดยใช้กรรมวิธีพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น (ลิขสิทธิ์) ที่สามารถเพาะเลี้ยงมอสบนภาชนะได้ทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นดินเผา สแตนเลส หิน และไม้ เป็นต้น ซึ่งพันธุ์มอสที่เพาะเลี้ยงได้คือ พันธุ์ซูนะ (Suna Moss) และ ไฮน์ (Hai Moss) โดยเป็นผลงานการคิดค้นของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น
“การทำธุรกิจนี้เป็นความบังเอิญ ที่เรากับสามีที่เป็นชาวญี่ปุ่น ไปบังเอิญไปพบมอส ชนิดนี้ ของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกบ้านของนักวิทยาศาสตร์ปลูกอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ทำในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง ซึ่งเราก็มองว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้น่าจะนำมาต่อยอด และซื้อลิขสิทธิ์ มาจำหน่ายในไทยได้ โดยขั้นตอนการขอซื้อลิขสิทธิ์ ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะนักวิทยาศาสตร์ท่านนั้น ไม่ได้คิดค้นน้ำยา เพื่อนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ แต่สุดท้ายก็ยินยอม เพราะเล็งเห็นประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ”
หลังจากนั้นจึงได้เริ่มเพาะสปอร์ มาโปะลงบนดินเผา ซึ่งถือเป็นวัสดุที่มอสเจริญเติบโตได้ดี โดยทางรัตนา จะเป็นผู้ออกแบบเอง และจ้างชาวบ้านปั้นด้วยถือ ในรูปทรงต่างๆ ให้เหมาะกับการนำไปตกแต่งบ้านและสวน โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชีย เช่น ซาอุดิอาระเบีย ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อไปในลักษณะของแผ่นตาข่ายเพื่อนำไปทำเป็นกรอบรูป หรือนำไปโปะลงบนภาชนะที่ต้องการ ส่วนการทำตลาดในไทย รัตนา ต้องการหาตัวแทนจำหน่าย เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ข้อดีของมอส ที่เกิดจากการนำสปอร์มาเพาะเลี้ยง และนำไปโปะลงบนภาชนะ จะสามารถนำไปตั้งได้ทั้งในที่ร่ม และที่กลางแจ้ง เนื่องจากมอสพันธุ์นื้ สามารถทนความร้อนได้ถึง 50 องศาเซลเซียส และความหนาวเย็นได้ถึง -30 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงยังไมมีการคลายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งผลให้บริเวณที่ปลูกมอสชนิดนี้จะทำให้อุณหภูมิเย็นขึ้นประมาณ 3 องศาเซลเซียส และที่สำคัญจุดเด่นของการปลูกมอสโดยใช้สปอร์ และน้ำยาที่คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษ จะทำให้มอสดำรงชีวิตอยู่ได้ 10 ปี โดยไม่ต้องรดน้ำ
“ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของเราไป จะชอบมากในเรื่องที่ไม่ต้องรดน้ำถึง 10 ปี ก็ไม่ตาย เพราะที่ผ่านมาหากนำมอสจริงมาปลูก จะต้องดูแลเป็นพิเศษ และอยู่ได้ไม่นาน แต่นี่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ช่วยให้โลกเย็นขึ้น 3 องศาเซลเซียส หากทุกบ้านพร้อมใจกันปลูก ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของวัสดุที่นำมาใช้ การออกแบบ โดยเริ่มต้นที่ 120-9,500 บาท”
สำหรับกรรมวิธี จะเริ่มจากการนำสปอร์ของมอสมาผสมกับน้ำยา 3 ชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้สปอร์เจริญเติบโต และถือเป็นการให้อาหารกับมอส ทำให้มีชีวิตอยู่ได้ถึง 10 ปี โดยไม่ต้องให้น้ำ แต่หากต้องการให้มอสเจริญเติบโตลูกค้าต้องให้น้ำภายใน 2 ปีแรก ทั้งนี้การเพราะเลี้ยงสปอร์ จนเกิดเป็นมอสสีเขียว จะใช้เวลาประมาณ 5 เดือน ก็เริ่มออกจำหน่ายได้ ส่วนในเรื่องของคู่แข่ง จะเป็นผู้ประกอบการที่ทำมอสเทียม ซึ่งอาจจะทำให้ลูกค้าไม่เข้าใจ และคิดว่าผลิตภัณฑ์ของ คำปันมอส เป็นมอสเทียมไปด้วย ดังนั้นอุปสรรคใหญ่ คือเรื่องการชี้แจงให้ลูกค้าเข้าใจว่าเป็นมอสแท้ ที่สามารถอยู่ได้ 10 ปีโดยไม่ต้องรดน้ำ
นี่คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่รักในการจัดสวน และนักออกแบบตกแต่ง ที่มีทางเลือกใหม่ และลูกเล่นให้กับลูกค้า ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นอกจากช่วยเพิ่มความสบายสะดวก ในการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ในสวนแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับโลกใบนี้ได้อีกด้วย
***สนใจติดต่อ 0-5343-4645, 0-5343-3019 หรือที่ www.kampanmoss.com***