ฟื้นเสน่ห์หอมน้ำปรุงไทย ต่อยอดสร้างรายได้ชุมชน

เมื่อกล่าวถึงน้ำหอม ผู้คนคงคิดถึง น้ำหอมยี่ห้อดังนำเข้าจากต่างประเทศ วางขายในห้างสรรพสินค้า หารู้ไม่ว่าด้วยภูมิปัญญาคนไทย มีการผลิตน้ำหอมกลิ่นไทยๆ ที่เรียกว่า “น้ำปรุง” ใช้กันมาเป็นเวลาช้านาน โดยนำไม้หอม หรือดอกไม้พื้นบ้านมาเป็นหัวน้ำหอมคุณภาพชั้นดี จนบางกลิ่นต่างชาติยังต้องขอสูตร อย่างน้ำหอมกลิ่นอิลัง อิลัง (Ylung-ylung) ที่หลายคนชื่นชอบ ก็ทำมาจากดอกกระดังงาไทยนี่เอง


ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของน้ำปรุงไทย ผศ.ไศลเพชร ศรีสุวรรณ อาจารย์ประจำ แผนกเทคโนโลยีการศึกษา คณะคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จึงมีความคิดจะพลิกฟื้นศาสตร์แห่งการทำน้ำปรุงขึ้น เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น

ผศ.ไศลเพชร ระบุว่า วิธีสกัดหัวน้ำหอมของไทย ทำได้หลายวิธี แต่วิธีง่าย และเป็นที่นิยม คือ สกัดด้วยแอลกอฮอล์ นำวัตถุดิบซึ่งเป็นไม้หอม ดอกไม้พื้นบ้านของไทยที่ต้องการสกัด อาทิ ใบเตย กระดังงาไทย ลีลาวดี กุหลาบ มะลิ ปีบ จำปา ใส่ลงในขวดแก้ว แล้วเทแอลกอฮอล์ใส่จนท่วมวัตถุดิบ ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เท่านี้ก็จะได้หัวน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ หรือการสกัดด้วยน้ำมัน แม้ต้นทุนสูงกว่าสกัดด้วยแอลกอฮอล์ แต่สกัดด้วยวิธีนี้ สามารถดูดกลิ่นของวัตถุดิบได้ดีกว่า

และเมื่อได้หัวน้ำหอมแล้ว นำมาปรุงด้วยกลิ่นต่างๆ ตามความพอใจ เช่น กลิ่นน้ำมันจันทน์เทศ หรือน้ำมันกระดังงาไทย เมื่อปรุงเสร็จ รอให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วจึงนำมาบรรจุขวดแก้ว เป็นอันสมบูรณ์

เจ้าของแนวคิด เผยต่อว่า จากการทดลองกลิ่นของน้ำปรุงสามารถติดทนนานได้ทั้งวัน สามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิตู้เย็นไว้ได้นานกว่า 3 ปี และต้นทุนการผลิตก็ไม่สูง เพราะวัตถุดิบที่นำมาผลิตหัวน้ำหอม ล้วนเป็นพืช หรือดอกไม้พื้นบ้านที่หาได้ง่ายแทบทั้งสิ้น จะมีในส่วนที่ต้องลงทุนคือแอลกอฮอล์ และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น พิมเสน และหัวน้ำหอมที่จะนำมาปรุงกลิ่นเพิ่มเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงคิดว่าน่าจะส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าประจำท้องถิ่นได้

ทั้งนี้ ได้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ด้วยการสอนวิธีการผลิตแก่นักศึกษาในสถาบัน เพื่อออกจำหน่ายเป็นรายได้เสริม และยังเผยแพร่สู่ชุมชน หากกลุ่มแม่บ้าน หรือประชาชนผู้ใดสนใจ ขอติดต่อได้โดยตรงที่ โทร.0-2549-3188 ,01-829-3725