‘เดอะวอฟเฟิล’ ดันชอปพรีเมียม ชนแฟรนไชส์ขนมนอก

หลังจากแฟรนไชส์ขนม “เดอะ วอฟเฟิล” ประสบความสำเร็จ ขยายสาขาในรูปแบบคีออส ได้มากกว่า 70 จุดในระยะเวลาเพียงปีกว่า ล่าสุด ต่อยอดธุรกิจ ขยายแฟรนไชส์ ในรูปแบบชอประดับพรีเมี่ยม เพื่อตอกย้ำแบรนด์ถึงความเป็นผู้นำขนมชนิดนี้ จับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่กำลังเล็งหาธุรกิจ
        

         สุพรรณี พนิตนรากุล เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ “เดอะ วอฟเฟิล” เผยว่า การขยายแฟรนไชส์ในแบบชอป ต้องการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และขยายฐานรับรองความต้องการของนักลงทุนระดับบน ที่กำลังเล็งหาธุรกิจ ในระดับเงินลงทุนสูงพอสมควร แต่ไม่ถึงหลักล้านเหมือนแฟรนไชส์แบรนด์ใหญ่ๆ จากต่างประเทศ
        
         “ตอนนี้แฟรนไชส์เราเป็นที่รู้จักว่า เป็นคีออสขายขนมวอฟเฟิลที่อร่อย ชิ้นละ 15 บาท แต่เราอยากประชาสัมพันธ์ให้ใครๆ ก็รู้จัก ในฐานะร้านขนมแบรนด์คนไทยที่เชี่ยวชาญวอฟเฟิล โดยผู้มาร่วมธุรกิจ ใช้เงินลงทุนหลักแสน ซึ่งเขาก็เห็นว่า มีโอกาสจะคืนทุน และประสบความสำเร็จได้ในเวลาไม่นาน เมื่อเทียบกับแฟรนไชส์แบรนด์ใหญ่ๆ จากต่างประเทศที่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นล้าน”
        
         รูปแบบชอปเน้นสีสันสดใส พื้นที่ประมาณ 4x4 เมตร ส่วนเมนู ได้แก่ 1. ชุด มาตรฐาน ประกอบด้วย รสต้นตำรับ , รสกลิ่นเหล้ารัม หน้าลูกเกด และรสเมเปิ้ล ราคาชิ้นละ 15 บาท ซื้อ 3 ชิ้น 39 บาท 2. ชุด เดอะลุกซ์ ประกอบด้วย รสเค็ม อบงาและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ , รสผลไม้รวม และรสเมเปิ้ล เพิ่มเม็ดแอลมอลด์ ราคาชิ้นละ 18 บาท 3 ชิ้น 49 บาท และ3. ชุด “พรีเมี่ยม” ที่จะมีขายเฉพาะในชอปเท่านั้น ประกอบด้วย รสชีสส์ , รสแฮม -ชีสส์ และรสไส้กรอก – ชีสส์ ราคาชิ้นละ 22 บาท 3 ชิ้น ราคา 59 บาท

โดยเฉลี่ย ผู้ขายจะมีกำไร ประมาณ 40-50% ต่อชิ้น (ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาทิ ค่าเช่า หรือพนักงาน ฯลฯ) นอกจากนั้น ภายในร้านยังเสริมบริการเครื่องดื่มต่างๆ ด้วย
        

       เจ้าของธุรกิจ เผยต่อว่า เตรียมเปิดร้านต้นแบบ ลงทุนด้วยตัวเอง เป็นสาขาแรกที่ห้างบิ๊กซี สาขาบางนา ในช่วงกลางเดือนนี้ (ส.ค.) ต่อจากนั้น แฟรนไชส์เปิดอีก 2 แห่ง ได้แก่ ห้างโลตัส สาขาสุขาภิบาล และโลตัส สาขาลำลูกกา ที่จะเปิดตามมาในเวลาใกล้เคียงกัน สำหรับเป้าถึงสิ้นปีนี้ คาดจะมีชอปทั้งสิ้น 10 แห่ง เน้นพื้นที่ทำเลห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
        
         “พื้นที่ห้าง กลุ่มลูกค้าจะหมุนเวียน โอกาสขายสินค้าก็กว้างไปด้วย แต่ถ้าสนใจจะไปเปิดตามสถาบันการศึกษา หรืออาคารสำนักงาน เราก็จะแนะนำว่า จุดเหล่านั้น จะเป็นลูกค้ากลุ่มเดิมๆ และขายได้เฉพาะวันธรรมดา เสาร์ - อาทิตย์ หรือช่วงปิดเทอม ขายไม่ได้นะ คุณต้องคำนวณ ถ้ามั่นใจว่า ทำเลดีจริงๆ เราก็เปิดโอกาสให้เช่นกัน”
        

         ทั้งนี้ “เดอะ วอฟเฟิล” ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับห้างเทสโก้ โลตัส เสนอพื้นที่ให้ลงชอปได้ในทุกสาขา ช่วยเป็นอีกหนึ่งทำเลทางเลือกแก่ผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ แต่อย่างไรเสีย สุดท้าย ผู้ลงทุนต้องตัดสินใจเลือกทำเลเอง ส่วนบริษัทฯ จะทำหน้าที่เพียงที่ปรึกษา และพิจารณาว่าจะปล่อยแฟรนไชส์ให้หรือไม่
        
         “เราจะไม่ไปยุ่งด้านจัดหาทำเลให้ผู้มาซื้อแฟรนไชส์เลย เพราะอยากให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับธุรกิจที่เขาจะลงทุน การทำแฟรนไชส์ให้ประสบความสำเร็จ ต้องช่วยกันทั้งสองฝ่าย ระหว่างแฟรนไชซอร์ กับแฟรนไชซี ถ้าเราทำให้หมด ความเอาใจใส่ของเขา ก็จะน้อยตามไปด้วย และถ้าเราหาทำเลให้ หากขายไม่ดี เขาก็จะปัดความรับผิดชอบมาให้เราอีก”
          
         สำหรับเงินลงทุนนั้น เจ้าของธุรกิจระบุว่า เบื้องต้นราว 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด และ ผู้ลงทุนควรมีเงินทุนสำรองหมุนเวียน ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท / เดือน ระยะคืนทุนคาดอยู่ใน 3 เดือน ส่วนกฎข้อบังคับ ต้องรับวัตถุดิบแป้งและเครื่องแต่งหน้าจากบริษัทฯ เท่านั้น ห้ามเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีก ห้ามปรับสูตร หากผิดสัญญา ขั้นแรกจะทำการตักเตือน และยกเลิกสัญญาหากไม่ปรับปรุง

        
         สุพรรณี เผยถึงการขยายแฟรนไชส์แบบคีออสที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันประมาณ 1 ปีครึ่ง มีสาขาแล้ว ประมาณ 75 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ ประมาณ 60 จุด ที่เหลือตามจังหวัดต่างๆ อัตราล้มเหลว ประมาณ 10% สาเหตุมาจากแฟรนไชส์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง หรือเจ้าของแฟรนไชส์ไม่ได้ลงมาดูแลด้วยตัวเอง ทำให้คุณภาพรสชาติขนมเปลี่ยนไป ลูกค้าเลยหนี
        
         ส่วนปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอย่างน้ำตาลสูงขึ้น สุพรรณี ระบุว่า ยังสามารถรับภาระได้ เพราะมีข้อได้เปรียบที่ผลิตแป้ง และโยเกิร์ตได้เอง เมื่อสาขาเพิ่มจำนวน กำลังผลิตเพิ่มมากขึ้นด้วย ช่วยเฉลี่ยทดแทนค่าวัตถุดิบที่สูงขึ้น จึงยังไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาขายปลีก
        
         ส่วนแนวโน้มธุรกิจ ยังเชื่อว่า วอลเฟิล สามารถแข่งขันในธุรกิจขนมได้ในระยะยาว ไม่ได้เป็นขนมนิยมตามแฟชั่นเพียงช่วงครั้งคราว ดูได้จากยอดขายไม่ลดลงแม้จะมีขนมจากต่างชาติเข้ามาบุกตลาดไทย หรือเศรษฐกิจชะลอ

ทั้งนี้ กำลังมีแผนพัฒนาสินค้าให้เก็บได้นานขึ้น เพื่อจะขยายสาขาไปต่างประเทศ ในปี 2550 วางกลุ่มเป้าหมาย เริ่มต้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน
        
         “เราเชื่อว่าสู้กับขนมต่างชาติได้ ดูจาดยอดขายช่วงโรตีบอยขยายตลาดในไทย ยอดขายเดอะวอฟเฟิลก็ไม่กระทบ และวัดจากสาขาของเราที่อยู่ย่านชาวต่างชาติ เช่น เยาวราช หัวลำโพง สีลม มีลูกค้า ทั้ง ฝรั่ง จีน บวกกับความนิยมเบเกอรี่ที่ทำหน้าร้าน มีกลิ่นดึงดูดใจลูกค้า กำลังมาแรง เราเลยมั่นใจ ขนมวอฟเฟิลน่าจะมีโอกาสไปต่างประเทศได้”

ตารางธุรกิจแฟรนไชส์ THE WAFFLE SHOP

1. งบลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 300,000 บาทขึ้นไป - ค่าสมาชิกแรกเข้า 20,000 บาท - เงินค้ำประกัน (ได้คืน) 50,000 บาท - เคาท์เตอร์ 150,000-600,000 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่) - อุปกรณ์ และวัตถุดิบ80,000บาท

2. เงินทุนหมุนเวียน ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท/เดือน

3. ระยะเวลาคืนทุน ประมาณ 3 เดือน

4. ค่ารอโยตี้ฟี 5,000 บาท/ปี

* * * โทร.0-1918-0123 , 0-9779-2500 * * *