หมอนชาเขียวนวัตกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพ

ชาเขียวผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ปัจจุบันเข้าไปแทรกอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ ไม่เว้นแม้แต่ของใช้ อย่างหมอน เพราะชาเขียวมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นอับชื้น และชาเขียวจัดอยู่ในกลุ่มของสินค้าสปา ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงมีผู้สนใจนำชาเขียวมาทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ และหมอนชาเขียวเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากชาเขียวที่ออกมาเอาใจกลุ่มคนรักสุขภาพ และหนึ่งในนั้น เป็นผลงานของ นางสาวจุลลดา ดวงเงิน ผู้ประกอบการในโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (NEC) จากจังหวัดอุดรธานี

นางสาวจุลลดา เล่าว่า ชาเขียว เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ใช้กันมากในธุรกิจสปา ส่วนที่มาของหมอนชาเขียว เริ่มจากชาเขียวบูมมากในปี 2546 และเป็นช่วงที่เราเริ่มมองหาว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ซึ่งเกิดจากความบังเอิญ ที่ตนเองชอบดื่มชาเขียว และมักชงชาทิ้งไว้ในห้อง และพบว่ากลิ่นอับในห้องหายไป และทำให้ห้องดูสดชื่น คิดว่าน่าจะเกิดจากชาเขียว เป็นที่มาของแนวคิดการทำหมอนชาเขียว เริ่มจากการนำชามาพึ่งแดด และตัดเย็บเป็นหมอน เริ่มจากการทำกันเองภายในครอบครัว และนำสินค้าไปฝากขายตามร้าน


หลังจากนั้น มองว่า การนำมาพึ่งแดดต้องใช้เวลา และชาไม่แห้งสนิท ก็อาจจะเกิดเชื้อราได้ และการที่จะทำให้ชาเขียว มีคุณสมบัติดูดความอับชื้นได้ดี จะต้องผ่านความร้อนในระดับที่เป็นคาร์บอน จึงได้ตัดสินใจซื้อเครื่อง Activated Carbon ในราคา 300,000 บาท ทำให้ผลิตหมอนชาเขียวที่มีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้นจากเดิมอายุการใช้งาน 3 เดือนถึง 6 เดือน ปัจจุบัน ชาเขียวที่ผ่านเครื่องดังกล่าว อายุการใช้งานเพิ่มเป็น 3 ปี

โดยผ่านการทดสอบจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ และได้ออกใบรับรองเพื่อรับประกันคุณภาพความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ซึ่ง การใช้งานเพียงแต่นำออกมาพึ่งแดดทุก 6 เดือน กลิ่นก็จะกลับมาเหมือนเดิม และเนื่องจากการทำหมอนต้องใช้ชาเขียวจำนวนมาก แหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้จะมาจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยเหมามาเป็นตัน ๆ

รูปแบบของหมอน ส่วนหนึ่งจะออกแบบตามความต้องการของลูกค้า ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด โดยมีราคาตั้งแต่ 100 บาท ไปจนถึง 350 บาท กำไรต่อชิ้นประมาณ 25-30% และล่าสุด ได้มีการพัฒนารูปแบบของสินค้าเพื่อขายในช่วงเทศกาลต่างๆ ด้วย เพราะจากการที่นำไปวางขายตามร้านขายของที่ระลึกหรือร้านกิ๊ฟช้อป พบว่า ลูกค้าบางกลุ่มที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น อย่างในช่วงวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ มีหมอนรูปหัวใจ และมีข้อความ เป็นคำกลอน เพื่อให้เข้ากับเทศกาล หรือ ในช่วงเทศกาล เข้าพรรษา ลูกค้าต้องการนำหมอนไปถวายพระ มีหมอนสีเหลือง เพื่อนำไปถวายพระออกมาจำหน่ายด้วย

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจุบัน ส่งจำหน่ายตามร้านสปา และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ และร้านขายของในปั้มน้ำมัน รวมถึงการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยมีเพื่อนอยู่ในต่างประเทศ ปัจจุบันส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศอิตาลี เยอรมัน นอร์เวย์ และแคนาดา สัดส่วนการจำหน่ายในต่างประเทศ ประมาณ 30% จากกำลังการผลิตในขณะนี้ ประมาณเดือนละ 500-1,000 ใบ กำลังการผลิตในปัจจุบันจะผลิตตามออร์เดอร์ เป็นหลัก เพราะปัญหาความไม่นิ่งทางการเมือง และเศรษฐกิจ ทำให้เราไม่กล้าที่จะผลิตทิ้งไว้จำนวนมาก

“ด้านคู่แข่งในตอนนี้ มีเยอะมาก ในช่วงแรกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่พอมาในช่วงนี้ การได้เข้าอบรมในโครงการ NEC ซึ่งสอนให้เรามีความเชื่อมั่น และมุ่งมั่นตัวผลิตภัณฑ์ของเรา ถ้าเราเชื่อมั่นว่าทำสินค้ามีคุณภาพก็จะขายได้เอง ไม่ต้องกลัวในเรื่องของการแข่งขัน และการมีใบรับรองมีส่วนช่วยทำให้สินค้าของเราแตกต่างจากคนอื่นๆ”


นางสาวจุลลดา กล่าวต่อว่า ในส่วนของกำลังการผลิตในปัจจุบัน จะผลิตได้เดือนละ 1,000 ใบ มีแรงงานจำนวน 4 คน เริ่มทำหมอนชาเขียว ตั้งแต่ปี 2546 ในช่วงแรกนำฝากขาย และเก็บเงินที่หลัง ยอดขายไม่ค่อยดีนักเดือนหนึ่งขายได้ประมาณ 22-23 ใบ ปีหนึ่งประมาณ 500 ใบ ซึ่งทางร้านมักจะนำหมอนของเราวางอยู่ข้างล่างๆ ลูกค้าไม่ค่อยเห็นและประกอบกับเราไม่มีความรู้เรื่องการทำตลาด จนกระทั่งได้เข้ารับอบรมกับโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ กระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ได้เข้ารับการอบรมในปี 2549 เพราะทำธุรกิจมาประมาณ 2 ปี แต่เป็นแบบทำเอง ไม่มีความรู้ในการดำเนินธุรกิจ การทำตลาด และอยากได้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เมื่อเข้ารับการอบรมได้นำความรู้ต่างๆ มาปรับใช้กับธุรกิจ โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำบรรจุภัณฑ์ ได้ความรู้เรื่องการบัญชีทำให้ทราบจุดคุ้มทุน เพื่อให้สามารถทำตลาดได้ดีขึ้น มีการออกเอกสารวางบิลลูกค้า และได้นำระบบการจ่ายสดมาใช้ ซึ่ง ถ้าลูกค้าคนไหนจ่ายสดจะได้ลดเปอร์เซ็น

โทร. 0-9422-1203