ปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจตกแต่งรถยนต์กันมาก ส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจประดับยนต์มีการออกแบบมาหลากหลายและสวยงาม ทำให้ผู้ซื้อรถใหม่ หรือ รถยนต์เก่า นำรถมาตกแต่งด้วยอุปกรณ์ประดับยนต์กันมากขึ้น จึงมีผู้สนใจเข้ามาสู่ธุรกิจประดับยนต์ และสามารถสร้างรายได้จนร่ำรวยจากธุรกิจเล็ก ขยายใหญ่โต มีรายได้อยู่ในหลักหลายร้อยล้าน อย่างอุปกรณ์ตกแต่งประดับยนต์แบรนด์ TFP
นายวิรัตน์ เกียรติก้องไกล เจ้าธุรกิจประดับยนต์ แบรนด์ TFP เล่าว่า ได้เริ่มธุรกิจจากโรงกลึงเล็กในย่านวรจักร เมื่อ 25 ปี ก่อน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการอยู่ในย่านวรจักร เป็นย่านที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อะไหล่ รถยนต์ โดยเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจประดับยนต์ จากกันสาดรถยนต์ เมื่อ 23 ปีที่ผ่านมา และหลังจากนั้น เริ่มทำงานสแตนเลส จากการทำคิ้วครอบล้อรถยนต์ ซึ่งประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก และเริ่มผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนประดับรถยนต์อื่นๆ อีกหลายตัว
“หลังจากนั้นเริ่มทำตลาดส่งออกโดยสินค้าของเราประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้เปิดศูนย์ค้าส่งของบริษัทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น และส่งออกไปหลายประเทศ ทั้งในยุโรปและเอเชีย โดยปัจจุบันสินค้าของเราจะส่งออกประมาณ 70 % ขายในประเทศเพียง 30 % มีร้านประดับยนต์ที่เปิดในประเทศไทยจำนวน 200 ร้าน ในลักษณะของเอเย่นต์”
สำหรับสินค้าของTFP จะแบ่งออกเป็น 2 ตลาด คือ รับจ้างผลิตให้กับค่ายรถยนต์ ยี่ห้อต่างๆ และออกแบบดีไซน์ในแบบที่เป็นแบรนด์ของเราเอง โดยสัดส่วนของการผลิต แบ่งเป็นรับจ้างผลิตตามแบบให้กับค่ายรถยนต์ (OEM) 30 % และแบบที่เป็นแบรนด์ของเราเอง (AFTER MARKET) 70 % โดยวัสดุที่ใช้เป็นพลาสติก และสแตนเลส สินค้าประกอบด้วย กันสาด มือจับประตู พวงมาลัย ชุดฝาครอบลายไม้ ชายบันได คิ้วครอบล้อ เป็นต้น ใน 1 ปีทางบริษัทจะมีสินค้าที่ดีไซน์แบบใหม่ขึ้นใหม่ประมาณ 5 ครั้ง
โดยการออกแบบจะต้องศึกษาตลาดของรถยนต์ด้วย ว่าในปีนั้นมีรถยนต์รุ่นใหม่อะไรออกมา และออกแบบเพื่อรถยนต์รุ่นนั้น ทางบริษัทจะผลิตป้อนให้กับรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ดังนี้ โตโยต้า ฮอนด้า อีซุซุ ฟอร์ด มิตซูบิชิ รถในเครือ จีเอ็ม ฯลฯ การผลิตขายภายใต้แบรนด์ของTFP จะราคาถูกกว่า เพราะคุณภาพและการรับประกันสินค้าน้อยกว่า อยู่ที่ประมาณ 1 ปี การรับจ้างผลิตตามแบบให้กับค่ายรถยนต์ จะต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่า และการรับประกันสินค้ายาวนานกว่า
การแข่งขันในตลาดของอุปกรณ์ประดับยนต์ มีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากอัตราเติบโตของตลาดอุปกรณ์ประดับยนต์ ปีหนึ่ง เฉลี่ยโตถึง 20 % อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศ เราไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งกัน เพราะงานดีไซน์ที่แตกต่างกัน และสินค้าจะขายได้ต้องมีคุณภาพที่ดีราคาที่เหมาะสม แต่มองคู่แข่งที่อยู่ในต่างประเทศมากกว่า ที่มาแรง ทั้งด้านดีไซน์ และ ราคาที่ถูกกว่า ประเทศคู่แข่งที่น่ากลัว เป็นสินค้าจากประเทศไต้หวัน และ จีน ราคาจะถูกกว่า และมีดีไซน์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า สินค้าของเราส่วนใหญ่จะผลิตป้อนให้กับรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น ถึง 95% ซึ่งในส่วนของอัตราเติบโตของบริษัทในปีผ่านมาประมาณ 25 % ราคาของสินค้าของเราถือว่า ราคาอยู่ในอันดับต้น เมื่อเทียบกับ ประดับยนต์ จากบริษัทอื่นๆ ที่จำหน่ายในประเทศไทย การทำธุรกิจประดับยนต์ จะดีหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอัตราเติบโตของตลาดรถยนต์ด้วย ถ้าปีไหนตลาดรถยนต์โต ตลาดประดับยนต์ ก็จะโตตามไปด้วย ซึ่งใน 2-4 ปีย้อนหลัง ตลาดรถยนต์มีอัตราเติบโตอย่างมากในประเทศไทย ทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ ประดับยนต์ โตตามไปด้วย ซึ่ง ทำให้เราได้เห็นดีไซน์ ประดับยนต์ในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างออกมาเรื่อย
แผนการทำตลาดของบริษัท ก่อนที่จะผลิตสินค้าดีไซน์รูปแบบใหม่ออกมาจะต้องมีการวิจัยและทดสอบตลาดก่อน ที่จะนำสินค้าออกจำหน่าย เพื่อตรงตามความต้องการของลูกค้า เพราะที่ผ่านมาจะเห็นผู้สนใจและเข้ามาทำธุรกิจประดับยนต์กันมาก และมีหลายรายก็ต้องเลิกกิจการไป เพราะไม่ได้ทดสอบตลาดก่อน ส่วนการเข้ามาของธุรกิจประดับยนต์ ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการขายสินค้าแบรนด์ของตัวเอง ก่อน หลังจากนั้น ก็ไปนำเสนอค่ายรถยนต์ ถ้าคุณภาพดีถึงจะได้ผลิตให้กับค่ายรถยนต์ ซึ่งการรับจ้างผลิตไม่ใช่เรื่องง่ายต้องเป็นงานที่มีคุณภาพจริง และอยู่ในราคาที่เหมาะสม
โทร. 0-2427-8074-5