xs
xsm
sm
md
lg

ป.นงลักษณ์ ลูกชิ้นขาเก๋า งัดแผนการตลาดผ่านรถเข็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลูกชิ้นเนื้อ – หมู ในชื่อ “เกาลูน ป.นงลักษณ์” และ “ชาบู” อยู่คู่คนไทยมายาวนาน จากธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ สู่ผู้ผลิตลูกชิ้นส่งระดับประเทศ ด้วยการเน้นสร้างคุณภาพเป็นลูกชิ้นเกรดเอ ทำตลาดขายผ่านรถเข็นข้างถนน กอดคอรับผลสำเร็จทั้งคู่


ย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว หลังจากที่ “นงลักษณ์ ศรีขจรเกียรติ” ประธานกรรมการ บริษัท ป.นงลักษณ์ อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตลูกชิ้นเนื้อแบรนด์ “เกาลูน ป.นงลักษณ์” และลูกชิ้นหมู “ชาบู” จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร แล้วมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำใส ย่านธนบุรี โดยจุดเด่นของร้าน คือ ลูกชิ้นที่ผลิตเอง ซึ่งร้านดังกล่าว ได้ผลรับอย่างดีมาก สามารถขยายไปอีก 5 สาขา กระทั่ง ต่อยอดด้วยการผลิตเพื่อขายส่ง ถึงปัจจุบันมียอดผลิตลูกชิ้นประมาณ 2 ตัน/ เดือน

นงลักษณ์ กล่าวถึงจุดเด่นของลูกชิ้นของตน คือ ความสะอาด และปลอดภัย ไม่ใส่สารบอแร็ค โดยเคล็ดลับของความอร่อย มาจากการวัตถุดิบเนื้อที่สด คัดเฉพาะส่วนสะโพก นำมาจากโรงเลี้ยงที่ซื้อหากันมากว่า 10 ปี ประกอบกับกรรมวิธีการผลิต กับเครื่องจักรผลิตที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงผสมแป้งปริมาณเหมาะสม เพียงช่วยเป็นตัวประสานเนื้อ ไม่มากจนเสียรสชาติ

“กล้าการันตีว่า คุณภาพลูกชิ้นของเราเป็นระดับเกรด A+ ปลอดภัย ซึ่งอยากให้คนทั่วไปให้ความสำคัญในการเลือกกินลูกชิ้นมากกว่าปัจจุบัน ซึ่งผู้ผลิตทุกรายจะบอกว่า ของตัวเองคุณภาพดี แต่อยากให้ผู้บริโภค สังเกตจากลูกชิ้นเนื้อที่ดีต้องมีสีเหลืองอ่อน ไม่ใช่สีแดง-ดำ ซึ่งเป็นลูกชิ้นเนื้อที่ไม่สด หรือไม่ก็เกิดจากผู้ผลิตนำเนื้อกระบือมาผสม ส่วนลูกชิ้นหมู ต้องมีสีขาว เพราะลูกชิ้นหมูที่มีชมพูอ่อนๆ แสดงว่ามาจากเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงผสมอยู่”

แผนธุรกิจของลูกชิ้น ป.นงลักษณ์ฯ เน้นขายส่งในราคาประมาณ 100 บาท / กิโลกรัม ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1. ขายขาด เข้าห้างสรรพสินค้า 2. ผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยกำหนดพื้นที่ 3 จังหวัดต่อตัวแทน 1 ราย และ 3. ส่งให้ตัวแทนรถเข็น

นงลักษณ์ ขยายความถึงการขายส่งผ่านรถเข็นว่า มาจากแนวคิดต้องการเพิ่มจุดขายสินค้า เพื่อปล่อยวัตถุดิบลูกชิ้นได้มากขึ้น แต่ไม่ต้องการขายขาดแบบแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น เพราะคิดว่า ระบบดังกล่าวยังไม่เหมาะกับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าที่มักจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อรถเข็นไปสร้างอาชีพ บริษัทฯ จึงเลือกวิธีหาทำเลไว้ให้ แล้วคัดตัวแทนไปขาย โดยให้เขาลงทุนเริ่มแรกประมาณ 5,000 บาท ที่เหลือผ่อนชำระค่ารถเข็น-อุปกรณ์ อีกประมาณ 15,000 บาท (ดูตารางประกอบ) เมื่อครบกำหนดจึงได้รถเข็นเป็นของตัวเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ตัวแทนมีความตั้งใจประกอบอาชีพ นอกจากนั้น อาจให้ยืมอุปกรณ์ ซึ่งจะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ แก่ผู้มีความตั้งใจจริงแต่ไม่มีทุนเลย

ทั้งนี้ ด้วยระบบการหาตัวแทนรถเข็นดังกล่าว ทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย กล่าวคือ บริษัทฯ มีตัวแทนขายเพิ่มขึ้น โดยไม่เสียค่าจ้าง ทำให้ยอดขายวัตถุดิบลูกชิ้นเพิ่มตามไปด้วย ส่วนผู้มาเป็นตัวแทนก็มีอาชีพสร้างรายได้

“สาเหตุที่ไม่ปล่อยแบบแฟรนไชส์ไปเลย เพราะคิดว่า ยังไม่เหมาะกับคนไทย เพราะเขายังต้องการความช่วยเหลือให้อยู่รอด ถ้าเราขายรถเข็น แล้วให้เขาไปดูแลเอง ส่วนใหญ่จะล้มเหลว ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับแบรนด์เราด้วย”

เจ้าของธุรกิจ เผยว่า สำหรับผู้มาเป็นตัวแทนรถเข็น สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่บริษัทฯ โดยจะคัดเลือกจากการดูประวัติ กับความตั้งใจจริง ที่ผ่านมามีตัวแทนแล้วประมาณ 100 จุด แบ่งเป็น กทม. / ตจว. ประมาณ 20 / 80 จุด ตามลำดับ โดยเฉลี่ยต่อจุดรายได้ประมาณ 1,200 บาท/วัน เหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-25%

ส่วนการดูแลคุณภาพสาขานั้น กำหนดให้ใช้วัตถุดิบลูกชิ้น และหัวน้ำซุปผงสำเร็จรูปจากบริษัทฯ เท่านั้น อีกทั้ง กำหนดเครื่องปรุง กับขั้นตอนต่างๆ ต้องตามสูตรตายตัว รวมถึง จะตรวจสอบจากยอดสั่งวัตถุดิบของตัวแทน ถ้ารายใดยอดต่ำลงจะเข้าไปหาสาเหตุและแก้ไข ส่วนอัตราการล้มเหลวของตัวแทน ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 5%

ทั้งนี้ การคัดเลือกทำเลนั้น แนะว่าง่ายที่สุด คือ หน้าร้านสะดวกซื้อชื่อดังทุกแห่ง นอกจากนั้น จะพยายามสร้างตลาดใหม่ ที่คนทั่วไปยังมองข้าม

“ทุกวันนี้ คนจะแห่ไปเปิดที่ย่านชุมชนหนาแน่น แต่เราพยายามมองจุดที่เงียบแต่คนอาศัยเยอะ เช่น ย่านที่พักอาศัย ซึ่งยังไม่เคยมีใครไปเปิด หรือบริเวณก่อนจะถึงชุมชนหนาแน่น ซึ่งเวลานี้ เราจะเน้นเรื่องนี้ ด้วยการสร้างทีมสำรวจพื้นที่โดยเฉพาะ เพราะในทุกกรุงเทพฯ โอกาสมันยังมีอีกมาก”

ส่วนปัญหาของธุรกิจ เกิดจากลูกชิ้นของบริษัทฯ เก็บไว้ได้เพียง 10 วัน ทำให้พบปัญหาไม่สามารถขนส่งไปขายพื้นที่ไกลได้มากนัก ทว่า ขณะนี้ กำลังสร้างศูนย์กระจายสินค้า 4 แห่ง ประจำตามภาคต่างๆ ถ้าสร้างเสร็จ คาดว่า ถึงสิ้นปีนี้ จะเพิ่มตัวแทนได้กว่า 20 จุด นอกจากนี้ เตรียมขยายช่องทางตลาดอื่นๆ อาทิ เพิ่มรูปแบบลงทุนธุรกิจลูกชิ้นเสียบไม้ด้วย

* * * * * * * *

ลงทุนก๋วยเตี๋ยวเนื้อ “เกาลูน ป.นงลักษณ์” และก๋วยเตี๋ยวหมู “ชาบู”
1.วงเงินดาวน์ รถเข็น , หม้อ , ตู้
1.1. ชาบู 3,220 บาท
1.2 เกาลูน 4,320 บาท
1.3 แบบขายทั้งสอง 5,420 บาท

2.วงเงินคงค้างผ่อนชำระ
2.1 ชาบู และ เกาลูน 7,000 บาท
2.2 ขายแบบทั้งสอง14,000 บาท

3. กำหนดผ่อนชำระ ภาย ใน 5 เดือน

กำลังโหลดความคิดเห็น