xs
xsm
sm
md
lg

ทัวร์ฟาร์ม “ศิริรัตน์” เปิดกลยุทธ์ปลาทองไทยสู่สากล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น และสีสันสะดุดตาของ “ปลาทอง” จึงเป็นสัตว์นิยมเลี้ยงของคนจำนวนมาก และสำหรับวงการเพาะพันธุ์ปลาทอง การควบคุมคุณภาพมาตรฐานให้มีศักยภาพส่งป้อนตลาดปลาสวยงาม และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักได้นั้น ผู้เพาะพันธุ์ต้องสั่งสมประสบการณ์มากพอจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าช่ำชอง และหนึ่งในนั้นคือฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาทอง “ศิริรัตน์” ใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่ก้าวไปไกลถึงขั้นเป็นผู้ส่งออกปลาทอง และเป็นที่รู้จักกันดีของผู้คนในวงการปลาสวยงาม

ด้วยความชื่นชอบในการเลี้ยงปลาทองเพื่อความเพลิดเพลิน ทำให้ “ประวิทย์ ยิสารคุณ” เจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาทองศิริรัตน์ มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีอยู่ในตลาดปลาสวยงาม และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผันตัวเองจากผู้ซื้อมาเป็นผู้ผลิต โดยใช้ความล้มเหลวในการเพาะพันธุ์ปลาทองรุ่นแรกที่มีขนาดไม่ได้มาตรฐาน มาเป็นแรงผลักดันในการเรียนรู้ บวกด้วยประสบการณ์มากกว่าสิบปี จนกระทั่งพัฒนาขึ้นเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาทองระดับประเทศ ที่นำชื่อของภรรยามาตั้งเป็นชื่อฟาร์ม

ปลาทองในฟาร์มฯมีหลากหลายสายพันธุ์ และหลายราคา ตั้งหลักสิบถึงหลักแสน มีทั้ง ปลาทองในตระกูลสิงห์ ฮอลันดา รักเร่ ลูกโป่ง เป็นต้น ส่วนสายพันธุ์ยอดฮิตของผู้ซื้อ คือ สิงห์สยามและสิงห์ญี่ปุ่น เพราะมีสรีระที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มีเขี้ยวยื่นมาข้างหน้า ลำตัวอ้วน หลังโค้งงอและลักษณะการว่ายน้ำที่คล้ายท่าวิ่งของหมู รวมถึงเป็นสายพันธุ์ที่ฟาร์มฯศึกษาและพัฒนาตั้งแต่ยุคบุกเบิกของการเลี้ยงปลาทอง จนเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของฟาร์มฯไปแล้ว

เจ้าของฟาร์มฯ ชี้ว่า ตลาดปลาทองโดยทั่วไปแบ่งเป็นตลาดระดับบน กลาง และล่าง ซึ่งฟาร์มศิริรัตน์ผลิตปลาทองป้อนตลาดทั้ง 3 ระดับ โดบกลุ่มลูกค้าของตลาดระดับบนโดยมาก จะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย สิงคโปร์และคนไทยบางส่วน ซึ่งลูกค้าจะติดต่อผ่านนายหน้ามาเอง ในขณะที่ลูกค้าระดับกลางและล่างนอกเหนือไปจากคนไทยแล้ว จะมาจากปากีสถาน บังคลาเทศและยุโรปบางส่วน

ฤดูกาลที่มียอดขายปลาทองมากที่สุดจะอยู่ในช่วงต้นฤดูฝนจนถึงปลายฤดูหนาว โดยระดับตัวละ 50 -200 บาท เป็นปลาที่ขายดีที่สุด ส่วนช่วงชะลอตัว อยู่ในช่วงต้นเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนมิถุนายน โดยยอดขายที่ฟาร์มยังไม่หักค่าใช้จ่าย เฉลี่ยต่อปี ประมาณ 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ จุดเด่นของปลาจากฟาร์มศิริรัตน์ นอกเหนือจากคุณภาพของปลาฯ แล้ว ยังมาจากชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับ ในฐานะนักบุกเบิกฟาร์มปลาทองแห่งแรกในบ้านโป่ง ราชบุรี ที่กลายมาเป็นแหล่งความรู้ให้กับนักเพาะพันธุ์ปลารุ่นใหม่

สำหรับหลักในการคัดเลือกและผสมพันธุ์ ประวิทย์ กล่าวว่า จะคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ที่มีลักษณะโครงสร้างทางกายภาพแข็งแรง และมีลักษณะโดดเด่น สวยงาม ส่วนการเพาะเลี้ยงลูกปลาทองจะเริ่มขึ้นเมื่อแม่ปลาฯวางไข่ หลังจากนั้นทางฟาร์มจะแยกพ่อ-แม่ปลาออกไป เมื่อลูกปลาออกจากไข่ภายใน 3-4 วันถัดมา เราจะให้ไรแดงเป็นอาหาร จากนั้นจะคัดลูกปลาฯที่ตรงตามลักษณะขั้นพื้นฐานลงเลี้ยงในบ่ออนุบาล

ประวิทย์ยังแนะนำถึงเทคนิคในการเลี้ยงปลาว่า หากต้องการให้ปลาโตเร็ว ต้องให้อาหารในปริมาณและเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องควบคุมความหนาแน่นของจำนวนปลากับขนาดของบ่อให้สมดุล และตรวจสภาพน้ำในบ่อปลาให้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในประเทศไทยจะทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่าย

สำหรับภาพรวมของศักยภาพทางการแข่งขันปลาสวยงามของไทย กับต่างประเทศนั้น ประวิทย์ให้มุมมองไว้ว่า หากเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น หรือสิงคโปร์แล้ว คุณภาพของไทยไม่ได้ด้อยกว่า อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์ กล่าวคือ ปลาฯของไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น ซึ่งวัยเจริญพันธุ์จะอยู่ในช่วง 8 เดือนถึง 1 ปี แต่จะมีสรีระเท่ากับปลาที่มีอายุ 2 ปีของญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่า แม้แต่สิงคโปร์ยังซื้อปลาทองของไทยไปขายต่อ

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ยังไม่สามารถส่งออกปลาทองได้มากเท่ากับประเทศคู่แข่ง เพราะไทยมีบริษัทส่งออกปลาฯ น้อยกว่า และมีความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดที่ด้อยกว่า รวมทั้งประเทศคู่แข่งมักจะพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการเพาะเลี้ยงปลาฯอยู่เสมอ

“การที่จะยืนอยู่ในวงการนี้ได้อย่างยั่งยืน จะต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า สิ่งที่ควรยึดถือมากกว่าราคา คือคุณภาพ ปลาฯที่เราส่งให้กับลูกค้าต้องไม่เสียหายเลยหรือเสียหายน้อยที่สุด และไม่ควรผลิตปลาฯตามกระแสนิยมมากเกินไป เพราะหากผลิตช้าเกินกว่าเวลาที่กระแสนิยมนั้นๆอยู่ในตลาด จะยากต่อการขาย”

ประวิทย์กล่าวถึงเป้าหมายต่อไปของฟาร์มฯว่า จะเน้นให้ความสำคัญกับตลาดปลาทองระดับกลางและล่างมากขึ้น เพราะสถานการณ์ผู้ผลิตในตลาดบนขณะนี้ ขยายตัวมากกว่าความต้องการซื้อ มีการแข่งขันที่สูง และมีแนวโน้มว่า ตลาดปลาสวยงามยังสามารถขยายตัวต่อไปยังคนกลุ่มกว้างขึ้น เนื่องจากช่วยให้ผู้เลี้ยงคลายเครียด ไม่ต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยงมาก และไม่ส่งเสียงรบกวน ซึ่งเหมาะเป็นกิจการผ่อนคลายจากแรงกดดันในชีวิตประจำวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น