ในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ของคนไทย เสื้อลายดอกสีสดใส หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เสื้อสงกรานต์” จะได้รับความนิยมสวมใส่อย่างสูง โดยแหล่งผลิต และขายส่งสินค้าเกือบทั้งหมดมาจากย่านโบ๊เบ๊ในกรุงเทพฯ ก่อนจะกระจายไปขายทั่วประเทศ ซึ่งหนึ่งในกิจการเสื้อดังกล่าว คือ ร้าน “ธรรมาภรณ์” ธุรกิจของผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่สร้างจุดเด่นด้วยลาดลายผ้าเน้นความเป็นไทย จนก้าวสู่เบอร์หนึ่งในวงการ
ภรหทัย มานะส่งเสริม เจ้าของร้าน “ธรรมาภรณ์” ผู้ผลิตเสื้อสงกรานต์ เล่าที่มาที่ไปของธุรกิจ เกิดจากครอบครัวทำธุรกิจขายส่งเสื้อสำเร็จรูปมานานหลายสิบปี ส่วนใหญ่เป็นแบบตามตลาดนิยมทั่วๆ ไป กระทั่ง ราว 5-6 ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ภาครัฐรายหนึ่งว่าจ้างผลิตเสื้อเกี่ยวกับความเป็นไทย เพื่อให้พนักงานในหน่วยงานใส่ ซึ่งเวลานั้น ยังไม่มีใครผลิตเสื้อลายดอกขายมาก่อน ทำให้ต้องคิดสร้างสรรค์แบบขึ้นด้วยตัวเอง โดยแบบแรก คือ ลายดอกทานตะวัน
หลังจากเสื้อลายดอกตะวันเริ่มออกตลาด ได้ผลตอบรับอย่างสูง จึงต่อยอดด้วยการออกแบบลวดลายอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย รวมแล้วมีมากกว่าร้อยแบบ โดยการออกแบบจะดึงเอาของดีของเด่น และวัฒนธรรมแต่ละภาค และแต่ละจังหวัด มาถ่ายทอดลงเป็นลายผ้าให้มีเรื่องราวความเป็นมา สามารถบอกเล่าได้ โดยให้ชื่อสินค้าว่า “เสื้อวัฒนธรรมไทย”
“ดิฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือ และเห็นว่า ความเป็นไทยๆ มันมีเสน่ห์เฉพาะตัว ถึงจะไม่ได้เรียนมาด้านศิลปะ แต่การออกแบบก็จะพยายามสังเกตจากสิ่งที่อยู่รอบตัว หรือบางทีก็ไปถ่ายรูปจากสถานที่จริงด้วยตัวเองมาบวกกับจินตนาการ แล้วให้คอนเส็ปท์กับนักออกแบบว่าเราต้องการอย่างไร”
สำหรับจุดเด่นเสื้อสงกรานต์ร้าน “ธรรมาภรณ์” นั้น เจ้าของธุรกิจ อธิบายว่า อยู่ที่การใช้ผ้าคอตตอน 100% ในขณะที่ร้านอื่นๆ นิยมใช้ผ้าแมมเบิด หรือผ้า TC อีกทั้ง มีลายแปลกๆ เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง พิมพ์ด้วยหมึกที่ซักแล้วสีไม่ตก รวมถึงการตัดเย็บที่ได้รูปทรง และราคาไม่แพง ขายส่งตัวละ 120 บาท
กลุ่มลูกค้าของเสื้อวัฒนธรรมไทยทั้งหมด คือ ตลาดในประเทศ โดยจะมีตัวแทน มารับซื้อจากหน้าร้านที่บริเวณโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ไปขายต่ออีกที ซึ่งปัจจุบัน กระจายขายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ หากวัดในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกรดเดียวกัน ร้าน “ธรรมาภรณ์” นับเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่ง
“ถ้าเป็นเสื้อลายดอกผ้าคอตตอน เราไม่มีคู่แข่งโดยตรง ส่วนใหญ่จะเป็นรายย่อยๆ ที่ทำเลียนแบบ ส่วนเสื้อบาติก ราคาก็แพงตัวละ 500 บาท เป็นงานแฮนด์เมด ลูกค้าจะเป็นคนละตลาดกัน ส่วนเสื้อลายดอกที่ตัดด้วยผ้าแมมเบิด ก็จะเป็นกลุ่มราคาถูกไปเลย”
ภรหทัย เผยว่า ปัญหาสำคัญที่สุดของธุรกิจ หนีไม่พ้น ถูกลอกเลียนแบบ คิดแบบใหม่ขึ้นมาเมื่อใด จะถูกเลียนแบบออกมาขายแข่งในเวลารวดเร็ว การป้องกันที่ทำอยู่ในเวลานี้ ทุกลายผ้าใหม่จะขอหนังสือรับรองลิขสิทธิ์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา และตกลงกับโรงงานผลิตผ้าว่า ห้ามนำลายของร้านไปขายให้เจ้าอื่น
นอกจากนี้ จะขายส่งแบบใหม่ให้กับตัวแทนต่างจังหวัดก่อน รวมถึง ที่ป้ายโลโก้เสื้อ และชายเสื้อจะมีอักษรระบุลิขสิทธิ์ไว้ ทว่า การป้องกันต่างๆ เหล่านี้ เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุเท่านั้น จึงอยากฝากให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ มีจิตสำนึกที่จะสร้างผลงานเป็นของตัวเองมากกว่า
“ทุกวันนี้ มีแต่คนจะคอยจ้องก๊อปปี้ บางที ก็ท้อเหมือนกัน เพราะเราอุตสาห์คิด บางทีลงทุนเดินทางไปถ่ายรูปจากสถานที่จริง มาทำเป็นแบบ แล้วก็โดนก๊อปปี้ไป ทั้งที่จริงคนไทยคิดเองได้ รอบตัวเรา มันยังมีอะไรอีกมากมายให้หยิบมาสร้างเป็นลายต่างๆ ก็อยากให้ทุกคนได้ออกแบบตามแนวคิดเป็นของตัวเอง ”
ด้วยสีสันอันสดใส เสื้อลายดอกจะได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ เจ้าของร้าน อธิบายว่า ยอดขายของร้านจะสูงเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม กระทั่งถึงเมษายน หลังจากนั้น ช่วงที่เหลือของปี จะเป็นเวลาสำหรับทำสินค้าเก็บไว้เป็นสต๊อก ประกอบกับคิดหาลายใหม่ๆ เตรียมขายในช่วงหน้าสงกรานต์ของปีถัดไป
สำหรับปีนี้ (2549) กระแสเสื้อสีเหลืองได้รับความนิยมมาก จากเดิมปีก่อนๆ สีแดงจะเป็นที่นิยมสูงสุด โดยร้านฯ เตรียมรับปีนี้ ด้วยเสื้อฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี พื้นสีเหลือง มีลายดอกพุทธรักษา กับตัวกระต่าย สื่อถึงปีพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนกระเป๋าเสื้อปักเป็นตัวกระต่ายเช่นกัน พร้อมอักษร “เรารักในหลวง” ขายส่งในราคาตัวละ 140 บาท
ภรหทัย เผยว่า การผลิต จะกระจายงานตัดเย็บให้กับกลุ่มแม่บ้านต่างๆ ในชุมนุม เพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอาชีพให้กับคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งกำไรต่อตัว หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เหลือประมาณ 10% เท่านั้น แต่ยอมรับได้ เพราะขายในปริมาณมาก
ทั้งนี้ มองแนวโน้มธุรกิจ ยังก้าวไปได้อีกไกล เพราะคนไทยหันกลับมาให้ความสำคัญกับความเป็นไทยมากขึ้น และตราบใดที่วันสงกรานต์ยังเป็นวันสำคัญของคนไทย เสื้อลายดอกร้าน “ธรรมาภรณ์” ก็ยังเหมาะจะสวมใส่ในเทศกาลแห่งความสุขและมงคลนี้เสมอ
* * * * * * *
โทร.0-1442-6806 , 0-2281-3264
