จากของสะสม กลายมาเป็นสิ่งจุดประกายในการเริ่มต้นธุรกิจ ด้วยแม็กเนตส์ธรรมดา ที่ชอบซื้อสะสมไว้มากมาย เมื่อครั้งเดินทางไปต่างประเทศ จึงคิดทำออกมาในสไตล์ของตนเอง และได้นำไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ เป็นที่เป็นที่ชื่นชอบ ทำให้ในที่สุดได้ก่อเกิดเป็นธุรกิจที่ทำด้วยใจรัก และมีความสุขกับงานที่ตนเองทำ
สุวลักษณ์ พยัคฆันตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คราฟท์ คอลเลคติเบิลส์ จำกัด เล่าว่า จากเดิมตนเองทำงานประจำ แต่เมื่อมีภาระต้องเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน จึงคิดหางานทำที่บ้านเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ จึงได้เริ่มสำรวจความชอบของตนเองที่เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ มักจะซื้อแม็กเนตส์ เป็นที่ระลึกของประเทศนั้นๆ มาเก็บสะสมไว้ ซึ่งเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ในเมืองไทยยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ทำธุรกิจเช่นนี้ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นแนวคิดในการทำธุรกิจแม็กเนตส์จากเรซิ่น
“ธุรกิจนี้เกิดจากความบังเอิญก็ว่าได้ เพราะเพียงแค่เรามีแนวคิดที่จะทำแม็กเนตส์ แต่ไม่มีความรู้ในการทำเรซิ่นธุรกิจนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อเราได้มีโอกาสไปเรียนรู้จากคนรู้จักในการทำเรซิ่น ทำให้ความฝันในการดำเนินธุรกิจเป็นจริง ซึ่งในช่วงแรกเราใช้โมลด์จากสิ่งของที่เป็นของจริงล้วนๆ อย่าง กล้วยหอม สตรอเบอรี่ เราก็ได้นำผลไม้จริงมาเป็นพิมพ์ และหล่อเรซิ่นมารูปผลไม้ต่างๆ และนำไปแจกเพื่อนๆ ก็ได้รับคำชื่นชม รวมถึงเพื่อนๆ ยังสั่งให้ทำเพื่อนำไปจำหน่ายต่ออีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เองทำให้เราคิดที่จะทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง”
เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้ดี มีออเดอร์เพิ่มมากขึ้น การใช้เวลาในช่วงเย็นหลังเลิกงานเริ่มทำไม่ทัน สุวลักษณ์ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ โดยต้องการมีเวลาเลี้ยงลูกได้อย่างเต็มที่ และออกมาทำธุรกิจที่ตนเองรักอย่างจริงจัง จึงเริ่มเริ่มมองหาช่างปั้น เพื่อเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า
“เราทำธุรกิจนี้โดยเริ่มจากความที่ไม่มีความรู้ในเรื่องศิลปะเลย อาศัยใจรักในงานที่ทำอย่างเดียว ทำให้เราจำเป็นต้องหาช่างปั้น ช่างลงสี ในผลิตภัณฑ์ เพราะสินค้าเราส่วนใหญ่จะเป็นงานแฮนด์เมด ใช้การลงสีทีละอัน ซึ่งตรงจุดนี้ ถือเป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะชื่นชอบ เพราะแสดงถึงความเป็นงานแฮนด์เมดอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้รูปแบบผลิตภัณฑ์จะเริ่มจากงานง่ายๆ อย่างผักผลไม้ ที่มีสีสัน และรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่อมาเมื่อทำรูปแบบนี้ไปได้สักระยะ ก็มองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของแนวคิดในการทำธุรกิจนี้ที่ต้องการทำเป็นของที่ระลึก เป็นสัญลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ และของประเทศไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อกลับไปเป็นของฝากได้
หลังจากได้ช่างปั้น ช่างออกแบบ ทำให้สินค้ามีความโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะแม็กเนตส์ ที่ระลึกของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณราชวราราม รวมถึง ช้างไทย และต้มยำกุ้ง และโชคก็เข้าข้าง เมื่อสินค้าไปโดนใจชาวต่างชาติ ที่ต้องการให้ออกแบบเป็นของที่ระลึกของประเทศนั้นๆ เช่น หอไอเฟล ประตูชัย ของประเทศฝรั่งเศส ขึ้น ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นในการพลิกแพลงสินค้าไปในรูปแบบอื่นๆ แต่ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์เดิม โดยได้คำแนะนำจากลูกค้าชาวต่างชาติที่มาสั่งผลิตสินค้านั่นเอง
“เราได้ไอเดียจากลูกค้าชาวต่างชาติเยอะ อย่างช่วงแรกที่เราทำเป็นแม็กเนตส์ ก็มีมาสั่งให้เราทำตามแบบของแต่ละประเทศให้ แต่พอมาช่วงหลัง ก็เริ่มมีแบบใหม่ๆ เข้ามา เช่น ลูกแก้ว จาน และกรอบรูป เราจึงลองทำแบบที่เป็นของเราเอง ทั้งของไทยและต่างประเทศ โดยเชื่อว่าคนไทยบางคนก็ชื่นชอบการเก็บของที่ระลึกของประเทศอื่นบ้างเช่นกัน ซึ่งสัดส่วนลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวประมาณ 60-70% แต่ในช่วงที่ผ่านมามีการลอกเลียนแบบกันเยอะ เราจึงเน้นตลาดส่งออกให้มากขึ้น เช่น ประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอิตาลี เป็นต้น”
สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเป็นแม็กเนตส์ ที่แบ่งออกเป็นชุด เช่น ชุดท่องเที่ยวไทย ชุดท่องเที่ยวต่างประเทศ ชุดไฮไลต์ ประกอบด้วย แมวไทย ช้างไทย ต้มยำกุ้ง และชุดผักผลไม้ เป็นต้น โดยราคาเริ่มต้นที่ 40-70 บาท (แม็กเนตส์) หลังจากนั้นจึงได้การพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเรื่อยๆ โดยทำแม็กเนตส์เรซิ่นเลียนแบบสีทองเหลือง, จานตั้งโชว์, และลูกแก้ว เป็นต้น
สุวลักษณ์ ยังกล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจของที่ระลึกว่า ขณะนี้แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายที่ทำธุรกิจด้านนี้ แต่หากผู้ที่มีความตั้งใจจริงและพยายามหาความแตกต่าง และโดดเด่นสินค้า เชื่อได้ว่าโอกาสเติบโตในธุรกิจนี้สูง โดยอาศัยอานิสงค์นโยบายของรัฐบาลที่มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
***สนใจติดต่อ 0-2503-2993, 0-2984-1144 หรือที่ www.craftcollectibles.com***