“มัทฉะ กรีนที” ร้านอาหารและเครื่องดื่มชาเขียว เกิดจากคนรุ่นใหม่ที่เห็นโอกาสการทำธุรกิจจากกระแสชาเขียวฟีเวอร์ในไทย จึงร่วมหุ้นกับชาวญี่ปุ่นทำธุรกิจร่วมกันในรูปแบบทีคาเฟ่ (tea café) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น เน้นการตกแต่งในบรรยากาศท่ามกลางไร่ชา
และเพื่อการแจ้งเกิดธุรกิจและแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ ล่าสุดได้ตัดสินใจขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เจาะตลาดผู้พิศมัยการดื่มชาซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงตามกาแฟมาติดๆ ชูความแตกต่างด้วยด้วยรสชาติของชาเขียวและอาหารว่างสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งเป้าปีแรกขยายสาขาแฟรนไชส์ได้ไม่น้อยกว่า 30 สาขา
พรนภา ชัยเจริญลักษณ์ ผู้จัดการ บริษัท มัทฉะ กรีนที (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มชาเขียวแบรนด์ “มัทฉะกรีนที” กล่าวว่า แฟรนไชส์มัทฉะ กรีนที เกิดจากการที่ตัวเองมีโอกาสได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้ได้เห็นเทรนด์ของธุรกิจทีคาเฟ่ซึ่งภายในจะจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มประเภทชาเขียวเท่านั้น ประกอบกับคุณพ่อมีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่นซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับไร่ชาเขียวอยู่ทำให้มีโอกาสได้วัตถุดิบในราคาที่ถูกกว่า ตนจึงสนใจเปิดธุรกิจร่วมกับทางญี่ปุ่นในลักษณะของหุ้นส่วนร่วมกัน
“ในขณะที่ตลาดทางประเทศญี่ปุ่นทีคาเฟ่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากแค่เฉพาะในโตเกียวก็มีรูปแบบของทีคาเฟ่ถึง 30 กว่าร้าน นอกจากนี้ รูปแบบร้านน้ำชาดังกล่าวกำลังจะเข้ามาแทนที่ร้านกาแฟในญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ในประเทศไทยที่ผ่านมายังไม่มีผู้ประกอบการรายใดคิดจะทำทีคาเฟ่ ซึ่งตนเชื่อว่าต่อไปทีคาเฟ่จะเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคคนไทยที่ไม่นิยมบริโภคกาแฟ เพราะปัจจุบันร้านกาแฟมีการกระจายตัวอยู่มาก ในขณะที่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปนัดเจอกันที่ร้านกาแฟกันมากขึ้นทำให้ผู้บริโภคที่ไม่ทานกาแฟไม่มีทางเลือกมาก”
นอกจากนี้ การเข้ามาของมัทฉะ กรีนที ยังเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาดอีกด้วย เพราะรูปแบบของขนมที่ไม่ใช่ขนมเค้ก หรือคุกกี้เหมือนร้านทั่วไป แต่เป็นข้าวปั้นในแบบต่างๆ และข้าวปั้นบางชนิดยังมีส่วนผสมของชาเขียวด้วย โดยชาที่ใช้สำหรับชงหรือเป็นส่วนผสมในอาหารจะเป็นชาเขียวมัทฉะและเซ็นฉะ ซึ่งชาเขียวมัทฉะส่วนใหญ่จะใช้สำหรับในพิธีชงชาญี่ปุ่นซึ่งรสชาติของชาเขียวมัทฉะนั้นปัจจุบันยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทย เพราะที่ผ่านมาคนไทยเคยแต่บริโภคชาเขียวทั่วไป
ด้านเมนูอาหารและน้ำดื่มภายในร้านจะเป็นเมนูที่นำมาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น อย่างโอนิกิริหรือข้าวปั้นสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งจะกินกับซุป, ทาโกะยากิ ,โอโกโนมิยากิ, เต้าหูทอดห่อข้าวซูชิ, ขนมญี่ปุ่นดังโก หรือเครื่องดื่มอย่างชามัทฉะฟองน้ำเต้าหู้, ชามัทฉะผสมมิ้นต์ ,ใบมัทฉะต้นร้อน ฯลฯ
สำหรับการตกแต่งร้านมัทฉะ กรีนทีจะตกแต่งให้เป็นเสมือนกับการเข้ามานั่งอยู่ในไร่ชาที่มีที่นั่งแบบสบายๆ ประมาณ 3-4 โต๊ะเนื่องจากต้องการให้ผู้บริโภคเข้ามานั่งทานในร้านมากกว่าการซื้อกลับไปทานที่บ้าน และต้องการให้ร้านมัทฉะ กรีนที เป็นสถานที่นัดเจอแห่งใหม่สำหรับคนไทย ซึ่งการตกแต่งดังกล่าวจะเป็นสไตล์เดียวกับที่ตกแต่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแต่วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งจะเป็นวัสดุที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย
ส่วนกลุ่มเป้าหมายของมัทฉะ กรีนที ในช่วงแรกที่เปิดร้านจะเป็นกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย แต่ต่อมาเมื่อเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นก็เป็นกลุ่มคนที่สนใจในรสชาติของชาจริงๆ เข้ามาทาน หลังจากนั้นก็มีกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน โดยปริมาณการใช้จ่ายต่อการบริโภค 1 คนจะอยู่ที่ 100 บาท สำหรับระดับราคาการจำหน่ายเริ่มที่ 60-100 บาทขึ้นไป
โดยปัจจัยที่ทำให้ตนเองตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์เนื่องจากอยากให้คนไทยได้มีส่วนร่วมในธุรกิจดังกล่าว และการขยายในระบบแฟรนไชส์จะทำให้คนไทยมีโอกาสได้รู้จักมัทฉะกรีนทีได้เร็วขึ้น โดยแฟรนไชซีจะต้องทำความรู้จักกับมัทฉะกรีนทีและเมนูอาหารทั้งหมดอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ นอกจากนี้ ยังต้องพร้อมที่จะอธิบายสินค้าให้กับผู้บริโภคได้ ด้านการขยายสาขาแฟรนไชส์นั้นบริษัทคาดว่าปีนี้น่าจะขยายได้อย่างน้อย 30 สาขา โดยรูปแบบของร้านต้นแบบจะอยู่ที่ตึกมาลีนนท์ซึ่งจะเปิดในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนสาขาของออฟฟิศอยู่ที่เอกมัย
ด้านทำเลในการเปิดสาขาของมัทฉะ กรีนที เหมาะกับทำเลที่มีแหล่งคนทำงานและกลุ่มวัยรุ่นอาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น พื้นที่สยามสแควร์ เพราะสินค้าจัดอยู่ในระดับที่ไม่สูงและถูกจนเกินไป อย่างไรก็ดีหากแฟรนไชซีที่สนใจมีพื้นที่เป็นของตัวเองก็สามารถเจรจากับทางบริษัทได้ทันที
สำหรับกระแสของผู้บริโภคชาในปัจจุบัน พรนภามองว่าคนไทยนิยมบริโภคดื่มชาเพิ่มมากขึ้น เพราะช่วยสร้างสุขภาพ ผิวพรรณ และชะลอความแก่ แต่ยังมีคนไทยที่ไม่เข้าใจในเรื่องของชาอย่างถูกต้อง เนื่องจากคุณสมบัติของชานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องและเห็นได้อย่างชัดเจน
***************
แฟรนไชส์‘มัทฉะ กรีนที’
1.ค่าแฟรนไชส์ 350,000 บาท ระยะเวลาการทำสัญญา 5 ปี
2.ค่าสมัคร 5,000 บาท คืนให้เมื่อทำสัญญา
3.ค่าสำรวจและจัดหาสถานที่ 5,000 บาท
4.ค่าออกแบบตกแต่ง 250,000-800,000 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่
5.แฟรนไชซีต้องมีพื้นที่และทำเลที่ตั้งที่ดี บางส่วนบริษัทจะช่วยจัดหาให้
6.ต้องมีความพร้อมทางด้านเงินลงทุน และต้องยอมรับกฎเกณฑ์ ข้อตกลง และภาระผูกดันต่างๆ ที่บริษัทกำหนด
7.มีความตั้งใจในการทำธุรกิจ อดทน และมุ่งมั่น ตลอดจนการพัฒนาธุรกิจร่วมกันให้เกิดความก้าวหน้า
8.แฟรนไชซอร์จะมีการอบรม และสรรหาบุคลากรให้
9.แฟรนไชซีจะได้เครื่องหมายการค้า ป้ายไฟทั้งหมดในร้าน เครื่องชงชา สูตรเครื่องดื่มและอาหารของมัทฉะ กรีนที
* * * * * *
โทร.0-2713-2160