จากการเปิดตัวแฟรนไชส์รถเข็นบะหมี่ญี่ปุ่น แบรนด์ 'โอมาอิชิ' เมื่อสิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา สามารถตอบโจทย์ของบริษัท ซีรอแยลห้องเย็น อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด ที่ขยายไลน์สินค้าสู่ธุรกิจดังกล่าวได้เป็นอย่างดี จากการเข้าใช้บริการของกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และล่าง ตามที่ตั้งไว้ ด้วยเล็งเห็นฐานลูกค้าระดับนี้ค่อนข้างกว้าง ขณะเดียวกันการแข่งขันอาหารญี่ปุ่นในกลุ่มดังกล่าวยังมีไม่มากนัก
ด้วยกลยุทธ์ ทดลองตลาดด้วยการออกแฟรนไชส์รถเข็น ขยายสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมาย แต่ในแง่ของผู้ประกอบการหรือแฟรนไชซีนั้น พบว่าส่วนใหญ่ขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบการที่ดีและความรู้ในการบริหารจัดร้าน นอกเหนือจากการได้รับการอบรมจากบริษัท หวั่นส่งผลต่อการบริการและกระทบต่อแบรนด์ตามมา
สิ่งที่ปรากฏขึ้น ทำให้บริษัท เร่งดำเนินการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ตามแผนที่วางไว้ในปี 2550 เลื่อนขึ้นมาเป็นปี 2549 ในโครงการ 'เจแปนทาวน์' จ.สมุทรสาคร ที่จะเปิดตัวในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ รวมถึงการเร่งขยายสาขาในปั๊ม ปตท.เอ็กเพรส และเทสโก้ โลตัส

เร่งโมเดล 'เจแปนทาวน์' สร้างแบรนด์อะแวเนส
ชัยพิพัฒน์ พฤกษ์วัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีรอแยลห้องเย็น อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ให้บริการแฟรนไชส์บะหมี่ญี่ปุ่นโอมาอิชิ เปิดเผยว่า ได้ใช้พื้นที่ริมถนนพระราม 2 มุ่งสู่จังหวัดสมุทรสาคร เนตรมิตรพื้นที่เป็นสวนอาหารญี่ปุ่นโอมาอิชิครบวงจรตั้งแต่อาหารญี่ปุ่นที่หลากหลาย การบริการและการตกแต่งบรรยากาศด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัท เพื่อเตรียมสู่การขยายแฟรนไชส์ภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า
"จะเปิดตัวให้บริการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาหารที่นำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นทุกประเภทของโอมาอิชิ ตั้งแต่ราเมน ข้าวปั้น ปลาดิบ ของหวาน ขนมญี่ปุ่น โดยจะตกแต่งในบรรยากาศสวนญี่ปุ่น โดยต้องการให้ลูกค้าที่มารับประทานอาหารมีความรู้สึกผ่อนคลายในการเข้ามาใช้บริการ ในอนาคตมุ่งให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประจำจังหวัดสมุทรสาครที่ผู้เดินทางท่องเที่ยวลงภาคใต้ต้องแวะรับประทาน เช่นเดียวกับร้านอาหารเวียดนามแดงแหนมเนืองในจังหวัดหนองคาย"
นอกจากนี้ เจแปนทาวน์จะเป็นครัวกลางเพื่อจัดเตรียม จัดทำวัตถุดิบป้อนสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และเป็นโรงเรียนอบรมและสร้างบุคลากรที่ต้องการเข้าสู่แฟรนไชส์โอมาอิชิ เช่นเดียวกับแฟรนไชส์ระดับโลกหลายๆ แบรนด์มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนผู้ประกอบการตั้งแต่การผลิตจนถึงการบริหารจัดการธุรกิจเป็นการให้ความรู้ที่ครบวงจร ทั้งนี้พบว่าแฟรนไชซีโอมาอิชิ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ยังขาดความรู้และทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่ดี รวมถึงการสอนพนักงาน นอกเหนือจากที่บริษัทให้การอบรม ซึ่งมองว่าระยะเวลาไม่เพียงพอ เพราะการให้บริการลูกค้าในร้านอาหารญี่ปุ่นจะมีรายละเอียดที่มากกว่าร้านอาหารอื่นๆ เพราะมีเรื่องวัฒนธรรมการบริการเข้ามาเกี่ยวข้อง
"การสร้างเจแปนทาวน์ ยังเป็นการสร้างแบรนด์อะแวเนส ให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจในการเข้ามาร่วมลงทุน โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 1 จังหวัด 1 สาขาต่อไปและเป็นร้านต้นแบบให้กับผู้สนใจที่จะเข้ามาลงทุน"

รุกโลตัส-ปตท.เอ็กเพรส แจ้งเกิดเม็กเนสใหม่
ชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เร่งดำเนินการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรคือ ปั๊มน้ำมัน ปตท. เอ็กเพรส โดยสาขาแรกที่จังหวัดอยุธยาเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นข้าวและราเมน ตั้งเป้าขยายสาขาตามเป้าหมายของ ปตท.เอ็กเพรส 100 สาขาทั่วไทย ซึ่งขณะนี้ได้ขยายแล้ว 8 สาขา โดยโอมาอิชิจะเปิดตามสาขาเหล่านี้ในอีก 4 แห่งได้แก่ บางนาขาออก ถนนเอกชัยเพิ่มทรัพย์ ถนนติวานนท์และอยุธยา
"จากการเปิดให้บริการสาขาแรกที่ ปตท.เอ็กเพรส อยุธยา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เฉลี่ยยอดขาย 10,000 บาทต่อวัน คาดว่าประมาณกลางปีหรือในเดือนมิถุนายนจะเริ่มขายแฟรนไชส์ได้ โดยในช่วงแรกจะบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนบุกเบิกตลาดก่อนที่จะขายสิทธิ์ต่อไปยังแฟรนไชส์"
นอกจากนี้ได้ทยอยเปิดโอมาอิชิในฟู๊ดส์คอร์ทของเทสโก้ โลตัส ปัจจุบันมี 6 สาขา ได้แก่ บางพลี หัวหิน หลักสี่ แกลง มหาชัยและสุราษฎร์ธานี ในเบื้องต้นจะขยายครบ 20 สาขา โดยตั้งเป้ายอดขายเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายร้านค้าในฟู๊ดส์คอร์ท
ชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า การรุกขยายสาขาเพื่อนำพาแบรนด์โออิชิให้เป็นที่รู้จักในสถานที่ต่างๆ เท่ากับเป็นการยกระดับหรืออัพเกรดจากรถเข็น รวมถึงราคาขายต่อชามที่จะได้มากขึ้นไม่ใช่แค่ 35 บาทต่อชามเท่านั้น ด้วยสินค้าที่หลากหลายขึ้นสามารถตั้งราคาขายได้ตั้งแต่ 45-85 บาท กำไรก็มากขึ้น

สรุปบทเรียนรถเข็น สู่ธุรกิจอย่างมืออาชีพ
ชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า แผนธุรกิจของบริษัทเริ่มแรกนั้น ทดลองตลาดด้วยการลงทุนรถเข็นปรากฏว่ามีผู้ประกอบการจำนวนมากเข้ามาติดต่อธุรกิจ ปัจจุบันมีกว่า 40 ราย ในขณะนั้นตั้งเป้า 1 ปีแรกจำนวน 200 ราย แต่ได้ชะลอการขยายออกไป เพราะพบปัญหาที่เกิดจากผู้ประกอบการที่ยังขาดความพร้อมอีกมาก และสิ่งที่พบคือการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการบริการ ที่แฟรนไชซีส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ ส่งผลให้ระยะเวลาการคืนทุนจาก 4 เดือนขยับเพิ่มขึ้นเป็น 6 เดือนกับเงินลงทุน 85,000 บาท แต่กับยอดขายที่ตั้งไว้ 100 ชามต่อวัน ซึ่งสามารถขายได้ 80 ชามต่อวันนั้นเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
โดยบริษัทได้เข้ามาดำเนินการขยายเองเพื่อปูพรมสร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภคควบคู่ไปการความสำเร็จจากการทดลองตลาดที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลาง-ล่างให้ความนิยมในอาหารญี่ปุ่น
โดยได้ปรับเป้าการขยายสาขาจาก 200 สาขาเหลือเพียง 100 สาขา โดยคงสาขาแฟรนไชส์ไว้ที่ 38 สาขา โดยแฟรนไชซีรายใหม่นั้นต้องเข้ากระบวนการการอบรมที่เจแปนทาวน์ ทั้งนี้มุ่งพัฒนาศักยภาพแฟรนไชซี เพื่อพัฒนาสู่การลงทุนในรูปแบบซุ้มอาหารญี่ปุ่นในปั๊ม และร้านอาหารญี่ปุ่นครบวงจร เมื่อมีความพร้อมเต็มที่
"ปัจจุบันสาขาแฟรนไชส์มี 38 สาขา กระจายกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครราชสีมา นครปฐม สระบุรี ศรีษะเกษ จากเป้าที่ตั้งไว้ปีแรกขายครบ 200 สาขา แต่เนื่องจากเจอปัญหาแฟรนไชซี จึงได้ปรับเป้าเหลือ 100 สาขา รวมกับจากการขยายสาขาของบริษัทในเทสโก้ โลตัส (ฟูดส์คอร์ท) 40 สาขา ปตท. อีกประมาณ 4-5 สาขา คาดน่าจะถึง 100 สาขาตามเป้าใหม่ที่ตั้งไว้"
"ซึ่งแผนการตลาดเริ่มแรกนั้น เรามองว่าการที่ผู้ประกอบการจะมาลงทุนนั้น งบจะสูง ทำเลหายาก การหาแฟรนไชซีจะลำบาก เราจึงเป็นการลงทุนที่ไม่สูงมาก สนับสนุนให้เกิดการลงทุน เพราะปัจจุบันการลงทุนขึ้นหลักแสน ในขณะที่โอมาอิชิ 85,000 บาท คิดว่าเป็นเงินเงินที่ผู้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายกว่า โมเดลใหม่จะเป็นการต่อยอดการลงทุนโอมาอิชิในระยะเวลาเร็วขึ้น"
"จะเห็นว่าตอนนี้นโยบาย ยกแบรนด์อิมเมจ มากขึ้น รุกคืบเข้าสู่โลตัส สร้างแบรนด์อาหารญี่ปุ่น จะเป็นการสร้างแบรนด์มูลค่าโอมาอิชิมากขึ้น ขยายสาขา มาตรฐานผู้ประกอบการ ปรับลุคโอมาอิชิ เป็นลุคใหม่ ด้วยการเปิดตัวการเป็น reader price ในตลาดอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็น โมเดลขับเคลื่อนตัวเองได้ ด้วยการเปิดให้เหมาะกับมูลค่าการลงทุน จากนั้นสร้างบันไดให้ผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจจริงขยับตัวไปกับบริษัทได้ ซึ่งไม่ใช่การสกัดกันการเกิดแฟรนไชส์รถเข็นแต่เมื่อผู้ประกอบการมีความพร้อมแฟรนไชส์รถเข็นก็จะทยอยหมดไป"
ด้วยกลยุทธ์ ทดลองตลาดด้วยการออกแฟรนไชส์รถเข็น ขยายสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมาย แต่ในแง่ของผู้ประกอบการหรือแฟรนไชซีนั้น พบว่าส่วนใหญ่ขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบการที่ดีและความรู้ในการบริหารจัดร้าน นอกเหนือจากการได้รับการอบรมจากบริษัท หวั่นส่งผลต่อการบริการและกระทบต่อแบรนด์ตามมา
สิ่งที่ปรากฏขึ้น ทำให้บริษัท เร่งดำเนินการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ตามแผนที่วางไว้ในปี 2550 เลื่อนขึ้นมาเป็นปี 2549 ในโครงการ 'เจแปนทาวน์' จ.สมุทรสาคร ที่จะเปิดตัวในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ รวมถึงการเร่งขยายสาขาในปั๊ม ปตท.เอ็กเพรส และเทสโก้ โลตัส
เร่งโมเดล 'เจแปนทาวน์' สร้างแบรนด์อะแวเนส
ชัยพิพัฒน์ พฤกษ์วัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีรอแยลห้องเย็น อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ให้บริการแฟรนไชส์บะหมี่ญี่ปุ่นโอมาอิชิ เปิดเผยว่า ได้ใช้พื้นที่ริมถนนพระราม 2 มุ่งสู่จังหวัดสมุทรสาคร เนตรมิตรพื้นที่เป็นสวนอาหารญี่ปุ่นโอมาอิชิครบวงจรตั้งแต่อาหารญี่ปุ่นที่หลากหลาย การบริการและการตกแต่งบรรยากาศด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัท เพื่อเตรียมสู่การขยายแฟรนไชส์ภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า
"จะเปิดตัวให้บริการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาหารที่นำเสนอเมนูอาหารญี่ปุ่นทุกประเภทของโอมาอิชิ ตั้งแต่ราเมน ข้าวปั้น ปลาดิบ ของหวาน ขนมญี่ปุ่น โดยจะตกแต่งในบรรยากาศสวนญี่ปุ่น โดยต้องการให้ลูกค้าที่มารับประทานอาหารมีความรู้สึกผ่อนคลายในการเข้ามาใช้บริการ ในอนาคตมุ่งให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประจำจังหวัดสมุทรสาครที่ผู้เดินทางท่องเที่ยวลงภาคใต้ต้องแวะรับประทาน เช่นเดียวกับร้านอาหารเวียดนามแดงแหนมเนืองในจังหวัดหนองคาย"
นอกจากนี้ เจแปนทาวน์จะเป็นครัวกลางเพื่อจัดเตรียม จัดทำวัตถุดิบป้อนสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และเป็นโรงเรียนอบรมและสร้างบุคลากรที่ต้องการเข้าสู่แฟรนไชส์โอมาอิชิ เช่นเดียวกับแฟรนไชส์ระดับโลกหลายๆ แบรนด์มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนผู้ประกอบการตั้งแต่การผลิตจนถึงการบริหารจัดการธุรกิจเป็นการให้ความรู้ที่ครบวงจร ทั้งนี้พบว่าแฟรนไชซีโอมาอิชิ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ยังขาดความรู้และทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่ดี รวมถึงการสอนพนักงาน นอกเหนือจากที่บริษัทให้การอบรม ซึ่งมองว่าระยะเวลาไม่เพียงพอ เพราะการให้บริการลูกค้าในร้านอาหารญี่ปุ่นจะมีรายละเอียดที่มากกว่าร้านอาหารอื่นๆ เพราะมีเรื่องวัฒนธรรมการบริการเข้ามาเกี่ยวข้อง
"การสร้างเจแปนทาวน์ ยังเป็นการสร้างแบรนด์อะแวเนส ให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจในการเข้ามาร่วมลงทุน โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 1 จังหวัด 1 สาขาต่อไปและเป็นร้านต้นแบบให้กับผู้สนใจที่จะเข้ามาลงทุน"
รุกโลตัส-ปตท.เอ็กเพรส แจ้งเกิดเม็กเนสใหม่
ชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เร่งดำเนินการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรคือ ปั๊มน้ำมัน ปตท. เอ็กเพรส โดยสาขาแรกที่จังหวัดอยุธยาเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นข้าวและราเมน ตั้งเป้าขยายสาขาตามเป้าหมายของ ปตท.เอ็กเพรส 100 สาขาทั่วไทย ซึ่งขณะนี้ได้ขยายแล้ว 8 สาขา โดยโอมาอิชิจะเปิดตามสาขาเหล่านี้ในอีก 4 แห่งได้แก่ บางนาขาออก ถนนเอกชัยเพิ่มทรัพย์ ถนนติวานนท์และอยุธยา
"จากการเปิดให้บริการสาขาแรกที่ ปตท.เอ็กเพรส อยุธยา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เฉลี่ยยอดขาย 10,000 บาทต่อวัน คาดว่าประมาณกลางปีหรือในเดือนมิถุนายนจะเริ่มขายแฟรนไชส์ได้ โดยในช่วงแรกจะบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนบุกเบิกตลาดก่อนที่จะขายสิทธิ์ต่อไปยังแฟรนไชส์"
นอกจากนี้ได้ทยอยเปิดโอมาอิชิในฟู๊ดส์คอร์ทของเทสโก้ โลตัส ปัจจุบันมี 6 สาขา ได้แก่ บางพลี หัวหิน หลักสี่ แกลง มหาชัยและสุราษฎร์ธานี ในเบื้องต้นจะขยายครบ 20 สาขา โดยตั้งเป้ายอดขายเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายร้านค้าในฟู๊ดส์คอร์ท
ชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า การรุกขยายสาขาเพื่อนำพาแบรนด์โออิชิให้เป็นที่รู้จักในสถานที่ต่างๆ เท่ากับเป็นการยกระดับหรืออัพเกรดจากรถเข็น รวมถึงราคาขายต่อชามที่จะได้มากขึ้นไม่ใช่แค่ 35 บาทต่อชามเท่านั้น ด้วยสินค้าที่หลากหลายขึ้นสามารถตั้งราคาขายได้ตั้งแต่ 45-85 บาท กำไรก็มากขึ้น
สรุปบทเรียนรถเข็น สู่ธุรกิจอย่างมืออาชีพ
ชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า แผนธุรกิจของบริษัทเริ่มแรกนั้น ทดลองตลาดด้วยการลงทุนรถเข็นปรากฏว่ามีผู้ประกอบการจำนวนมากเข้ามาติดต่อธุรกิจ ปัจจุบันมีกว่า 40 ราย ในขณะนั้นตั้งเป้า 1 ปีแรกจำนวน 200 ราย แต่ได้ชะลอการขยายออกไป เพราะพบปัญหาที่เกิดจากผู้ประกอบการที่ยังขาดความพร้อมอีกมาก และสิ่งที่พบคือการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและการบริการ ที่แฟรนไชซีส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ ส่งผลให้ระยะเวลาการคืนทุนจาก 4 เดือนขยับเพิ่มขึ้นเป็น 6 เดือนกับเงินลงทุน 85,000 บาท แต่กับยอดขายที่ตั้งไว้ 100 ชามต่อวัน ซึ่งสามารถขายได้ 80 ชามต่อวันนั้นเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
โดยบริษัทได้เข้ามาดำเนินการขยายเองเพื่อปูพรมสร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภคควบคู่ไปการความสำเร็จจากการทดลองตลาดที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลาง-ล่างให้ความนิยมในอาหารญี่ปุ่น
โดยได้ปรับเป้าการขยายสาขาจาก 200 สาขาเหลือเพียง 100 สาขา โดยคงสาขาแฟรนไชส์ไว้ที่ 38 สาขา โดยแฟรนไชซีรายใหม่นั้นต้องเข้ากระบวนการการอบรมที่เจแปนทาวน์ ทั้งนี้มุ่งพัฒนาศักยภาพแฟรนไชซี เพื่อพัฒนาสู่การลงทุนในรูปแบบซุ้มอาหารญี่ปุ่นในปั๊ม และร้านอาหารญี่ปุ่นครบวงจร เมื่อมีความพร้อมเต็มที่
"ปัจจุบันสาขาแฟรนไชส์มี 38 สาขา กระจายกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต นครราชสีมา นครปฐม สระบุรี ศรีษะเกษ จากเป้าที่ตั้งไว้ปีแรกขายครบ 200 สาขา แต่เนื่องจากเจอปัญหาแฟรนไชซี จึงได้ปรับเป้าเหลือ 100 สาขา รวมกับจากการขยายสาขาของบริษัทในเทสโก้ โลตัส (ฟูดส์คอร์ท) 40 สาขา ปตท. อีกประมาณ 4-5 สาขา คาดน่าจะถึง 100 สาขาตามเป้าใหม่ที่ตั้งไว้"
"ซึ่งแผนการตลาดเริ่มแรกนั้น เรามองว่าการที่ผู้ประกอบการจะมาลงทุนนั้น งบจะสูง ทำเลหายาก การหาแฟรนไชซีจะลำบาก เราจึงเป็นการลงทุนที่ไม่สูงมาก สนับสนุนให้เกิดการลงทุน เพราะปัจจุบันการลงทุนขึ้นหลักแสน ในขณะที่โอมาอิชิ 85,000 บาท คิดว่าเป็นเงินเงินที่ผู้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายกว่า โมเดลใหม่จะเป็นการต่อยอดการลงทุนโอมาอิชิในระยะเวลาเร็วขึ้น"
"จะเห็นว่าตอนนี้นโยบาย ยกแบรนด์อิมเมจ มากขึ้น รุกคืบเข้าสู่โลตัส สร้างแบรนด์อาหารญี่ปุ่น จะเป็นการสร้างแบรนด์มูลค่าโอมาอิชิมากขึ้น ขยายสาขา มาตรฐานผู้ประกอบการ ปรับลุคโอมาอิชิ เป็นลุคใหม่ ด้วยการเปิดตัวการเป็น reader price ในตลาดอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็น โมเดลขับเคลื่อนตัวเองได้ ด้วยการเปิดให้เหมาะกับมูลค่าการลงทุน จากนั้นสร้างบันไดให้ผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจจริงขยับตัวไปกับบริษัทได้ ซึ่งไม่ใช่การสกัดกันการเกิดแฟรนไชส์รถเข็นแต่เมื่อผู้ประกอบการมีความพร้อมแฟรนไชส์รถเข็นก็จะทยอยหมดไป"