“ชัยยศ ผลชำนัญ” หนุ่มจาก จ.ชัยภูมิ นำความเป็นไทย มาประยุกต์เป็นเสื้อยืด สไตล์เก๋ มีความเป็นตัวเอง ในชื่อ “ลายไทย” (Line THAI) เป็นอีกหนึ่งเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จ จากจุดเล็กๆ เงินลงทุนแค่หลักพันบาท ก้าวเป็นธุรกิจเงินแสนที่มีขยายเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมจะสานฝันสร้างแบรนด์คนไทยให้ก้าวไปเคียงข้างแบรนด์ดังระดับโลก
เดิมหนุ่มจากชัยภูมิคนนี้ เปิดบริษัททำโมเดลบ้าน และอาคาร แต่เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 จึงต้องปิดกิจการลง จากนั้น ก็เปลี่ยนไปทำอาชีพต่างๆ แต่ไม่ได้จริงจัง กระทั่งเมื่อปี 2544 ลูกพี่ลูกน้องเปิดร้านขายสินค้าตกแต่งบ้านสไตล์แปลกๆ อยู่ในสวนลุมไนท์บาซาร์ เขาจึงได้เข้ามาช่วยดูแลหน้าร้าน
ทว่า เนื่องจากสินค้าที่รับมา ขายไม่ดี ลูกค้านักท่องเที่ยวไม่สนใจ เพราะของเหล่านั้นหาได้ทั่วๆ ไป ประกอบกับราคาแพง เขาเลยเกิดความคิดทำสินค้าของตัวเอง เป็นเสื้อยืดโดยมีเอกลักษณ์เด่น สื่อเอาความเป็นไทยออกมาเสนอ ซึ่งได้การตอบรับที่ดี จากแค่คนดูหน้าร้าน จึงหักเหเป็นเจ้าของธุรกิจเสียเอง
“ผมอยากทำอะไรสักอย่าง เลยคิดว่า ทำเสื้อดีกว่า เพราะง่าย และใช้ทุนไม่มาก ตอนที่คิดจะสกรีนรูปอะไรดี ก็มาสะดุดที่ลายไทย ทั้งที่เมื่อก่อน ผมเป็นคนไม่ได้สนใจเกี่ยวกับไทยๆ เลย มองว่า เชยด้วยซ้ำ แต่มีอยู่วันหนึ่ง ผมเดินผ่านบ้านที่จัดงานวันเกิดอยู่ กำลังร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู เลยสงสัยทำไมเราคนไทย ต้องร้องเพลงฝรั่ง ผมเลยคิดว่า จะประยุกต์ลายไทยที่ใครๆ บอกว่า เชย มาให้วัยรุ่นชอบ ใส่แล้วดูเท่ ไม่เหมือนใคร”
เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนชอบงานศิลปะประยุกต์ และต้องการจะให้เสื้อของเขา โดดเด่นกว่าเสื้อที่พิมพ์ภาพไทยขายอยู่ทั่วไป ชัยยศ จึงเน้นการออกแบบความเป็นไทยให้ดูทันสมัย โดยตัดละเอียดบางส่วนออกไป เริ่มจากตัวละครโขนจากเรื่อง “รามเกียรติ์” กับลายไทยต่างๆ เน้นผ้าสีโทนเรียบๆ อาทิ ดำ ขาว น้ำเงิน เป็นต้น ตัดกับสีที่พิมพ์อย่างเหมาะสม ประกอบกับการจัดวางลวดลายให้ดูแปลกใหม่
“การออกแบบผมจะเอาตัวเองแทนลูกค้าว่า ถ้ามีเสื้อแบบนี้ เขาอยากใส่ไหม ประกอบกับศึกษางานลายไทยจริงจัง แล้วเลือกใช้ให้เหมาะ ซึ่งต่างจากงานช่วงๆ แรก ที่ผมจะเอาลายต้นฉบับมาพิมพ์ลงไปเลย ซึ่งจะมีลายละเอียดมาก มองแล้วมันเป็นไทยเกินไป เหมือนกับเสื้อที่พิมพ์ลายไทยขายตามประตูน้ำ ทำให้ผมมาเน้นลายที่คนรุ่นใหม่อยากใส่จริงๆ ”
ส่วนชื่อแบรนด์ “ลายไทย” (Line THAI) ชัยยศ บอกว่า เป็นชื่อแรก และชื่อเดียวที่นึกถึง เพราะสื่อได้ตรง และความหมายครอบคลุม ซึ่งถึงทุกวันนี้ เขามั่นใจว่า แบรนด์ดังกล่าว เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีความฝันว่า ในอนาคตอยากให้แบรนด์นี้ เป็นสื่อนำความเป็นไทยถ่ายทอดสู่สายตาชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ เสื้อตัดเย็บด้วยผ้าคัตตอน 20 ราคาขายปลีกตัวละ 199 บาท มีแบบกว่า 100 แบบ นอกจากลายเกี่ยวกับโขน กับลายไทยแล้ว เขายังนำอักษรไทย และตัวเลขไทยมาเป็นแบบด้วย กลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนไทยด้วยกันเอง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ตามด้วยลูกค้าญี่ปุ่น และชาวตะวันตก มียอดจำหน่ายมากกว่า 20,000 ตัวต่อเดือน ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายหลายแห่ง อาทิ หน้าร้านของตัวเองที่ ซอย 7 โซนอยุธยา สวนลุมไนท์บาซาร์ ห้างเดอะมอลล์ทุกสาขา มาบุญครอง ตัวแทนจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น
ชัยยศ อธิบายหลักการทำธุรกิจส่วนตัวให้ฟังว่า ค่อยๆ ก้าวอย่างระวัง ใช้ทุนส่วนตัวเริ่มต้นแค่หลักพัน เมื่อสินค้าเริ่มได้รับความนิยมจึงเพิ่มการผลิตทีละน้อย การตลาดระยะแรก ฝากขายที่โจหลุยส์ เธียเตอร์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าคุ้นเคย ส่วนการขายส่งใช้ระบบตัดเงินสด แม้ว่าจะได้กำไรน้อยกว่าระบบฝากขาย แต่ตัดปัญหาการเก็บเงิน โดยจะให้สิทธิ์ตัวแทน 1 รายต่อ 1 จังหวัดเท่านั้น เพื่อให้ผู้ร่วมเป็นพันธมิตรไม่เกิดปัญหาแย่งคู่กันเองภายในจังหวัด
ส่วนปัญหาสินค้าเลียนแบบนั้น เขาสะท้อนว่า เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ที่เริ่มต้นธุรกิจนี้ ยังไม่มีใครทำเสื้อยืดในรูปแบบนี้มาก่อน แต่ปัจจุบัน มีเจ้าอื่นทำสินค้ารูปแบบใกล้เคียงออกมาแข่งหลายราย ซึ่งช่วงแรกกังวลปัญหาดังกล่าวมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรียนรู้ว่า ถ้าแบรนด์เข้มแข็ง สินค้ามีคุณภาพ และพัฒนาเสมอ ก็ไม่ต้องสนใจว่า ใครจะมาเลียนแบบ
“คู่แข่งที่ออกมา ส่วนมากเขาอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่ได้ทำจากใจ ส่วนใหญ่จะคิดแต่ละขายอย่างเดียว ทำให้ไม่มีคอนเซ็ปท์ของตัวเอง การแก้ปัญหา คือ เราทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด รักษาคุณภาพ และออกแบบใหม่ๆ ต่อเนื่อง และจากที่ผมทำมาก่อน ลูกค้าติดแบรนด์ของ “ลายไทย” แล้ว พอเห็นของเลียนแบบก็คิดว่า เป็นเสื้อของเราอีก ช่วยโปรโมทไปในตัว”
ชัยยศ เผยว่า ในอนาคตจะพัฒนาสินค้าตัวอื่นๆ ออกมาอีกให้ครบวงจร โดยตั้งเป้าเป็น “ออฟฟิศ ดีไซน์” เน้นการออกแบบ และใช้แบนด์ในการสร้างมูลค่าสินค้า จ่ายให้โรงงานผลิต ซึ่งจะเป็นการทำธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
“ผมตั้งเป้านี้ มาตั้งแต่แรก ที่อยากให้แบรนด์นี้ นำสินค้าที่สื่อความเป็นไทยไปอยู่เคียงข้างกับแบรนด์ดังๆ ของต่างชาติ โดยผมอยากเป็น “ออฟฟิศ ดีไซน์” เหมือนกับแบรนด์ดังๆ เช่น ไนกี้ ที่ใช้แค่แบรนด์ กับการออกแบบ และคุ้มคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องผลิตเอง ก็ขายได้ทั่วโลก”
************************
โทร.0-9168-9309