“THE เกี๊ยวกรอบ ทอฟฟี่แก๊งค์” เมนูอาหารไทยในแบบเกี๊ยวทอด

เกี๊ยวกรอบรูปแบบใหม่ ในนาม “THE เกี๊ยวกรอบ ทอฟฟี่แก๊งค์” ชูจุดเด่นไส้อาหารไทย 4 รสชาติจัดจ้าน ประยุกต์จากเมนูหลักนำมาเป็นของกินเล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยวางตลาดจับลูกค้าวัยรุ่นและคนทำงาน

จันทกาญจน์ คล้อยสาย เปิดเผยว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบทำ และชอบกินอาหารไทยรสจัด ทว่า อาหารไทย ต้องกินเป็นอาหารหลัก ทำให้เกิดความคิดอยากประยุกต์อาหารไทยออกมาในรูปแบบใหม่ๆ สามารถกินเล่นเป็นของว่างคล้ายสแน็กได้

และเนื่องจากตัวเอง ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด อยู่ที่บริษัท เอ็ม – มิกซ์ จำกัด ( M- MiXED CO.,LTD.) ซึ่งมีคุณพฤติพล ประชุมผล เป็นเจ้าของ ซึ่งดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ไอศกรีมน้ำเต้าหู้ กับไอศกรีมฝอยทอง จึงนำแนวคิดดังกล่าว หารือกับคุณพฤติพล เพื่อพัฒนาต่อเป็นธุรกิจ โดยตกลงว่า ทางบริษัท จะเป็นผู้ออกทุนให้ โดยทำธุรกิจในนามของบริษัทฯ แต่ตัวเธอในฐานะเจ้าของไอเดีย ถ้าในอนาคตธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จ จะได้รับผลประโยชน์ในการร่วมทุน และปันส่วนกำไร

เมื่อตั้งแนวทางว่า จะทำอาหารไทยเพื่อทานเล่น จึงลองผิดลองถูกหลายรูปแบบ ในที่สุดมาลงตัวที่เกี๊ยวทอด เพราะทำได้ง่าย และสามารถเก็บรักษารสชาติเดิมๆ ของอาหารไทยไว้ได้ ส่วนการห่อเกี๊ยว เป็นรูปแบบของการห่อทอฟฟี่ ซึ่งการห่อแบบนี้ ช่วยให้เก็บไส้ไว้ได้อย่างดี ไม่แตกเวลาทอด และเมื่อทอดแล้ว เนื้อแป้งจะกรอบ ส่วนเนื้อไส้จะนุ่ม รวมถึง รูปแบบการห่อดังกล่าว ยังนำมาใช้ทำตลาดได้ด้วย อันเป็นที่มาของชื่อ “THE เกี๊ยวกรอบ ทอฟฟี่แก๊งค์”


“เราคิดกันว่า จะห่อเกี๊ยวอย่างไรให้ของเราแตกต่างจากเจ้าอื่น ทำให้ลองหลายๆ แบบ จนมาลงตัวที่ทอฟฟี่ เพราะนอกจากจะทอดแล้วได้คุณสมบัติที่ต้องการ รูปแบบทอฟฟี่ ยังตรงกับกลุ่มลูกค้าที่วางไว้ คือ วัยรุ่น และคนทำงานบริษัท ซึ่งมักจะชอบอมทอฟฟี่ และมักมีทอฟฟี่พกติดตัวกันอยู่แล้ว”

จุดเด่นของ “THE เกี๊ยวกรอบ ทอฟฟี่แก๊งค์” อยู่ที่ไส้เกี๊ยวที่เป็นอาหารไทย 4 รส ได้แก่ หมูผัดกระเทียมพริกไทย ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำกุ้งน้ำข้น และผัดไทยทรงเครื่อง ซึ่งสูตรทั้งหมด จันทกาญจน์เป็นผู้คิดค้นด้วยตัวเอง จากการลองถูกลองผิด โดยใช้กรรมวิธีแปรรูปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการคั่วแห้ง อบ และนึ่ง เน้นรสชาติเผ็ดจัด ส่วนวัตถุดิบเกี๊ยวรับมาจากโรงงานผลิตเส้นบะหมี่แห่งหนึ่ง

ในด้านการทอด จะใช้น้ำมันปาล์ม ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับอาหารทอด โดยเกี๊ยวกรอบแต่ละรส ก็ใช้เวลาทอดต่างกัน เหมาะสมตักขึ้นเมื่อใด จะดูที่สีของไส้ อย่างรสหมูกระเทียม จะออกสีเขียวเล็กน้อย รสปูผัดผงกะหรี่ออกแดง ส้ม รสต้มยำกุ้งไส้จะออกสีแดงชัดเจน ส่วนผัดไทยทรงเครื่อง จะเห็นถั่วลิสง หรือเต้าหู้ที่อยู่ข้างใน

ทั้งนี้ กำหนดไว้ว่า จะพยายามเปลี่ยนน้ำมันทุกวัน ทว่า หากช่วงขายไม่ดีนัก จะมีการกรองน้ำมันมาช่วย อย่างไรก็ตาม อย่างมากจะใช้ไม่เกิน 3 วัน ส่วนน้ำจิ้มนั้น ทำมาจากส่วนผสมหลายๆ ชนิด อาทิ น้ำส้มสายชู พริก น้ำตาล งา เป็นต้น รสชาติออกเผ็ด หวาน

จันทกาญจน์ เผยว่า ทุนที่บริษัทฯ ลงใช้ในการทำธุรกิจนี้ ประมาณ 200,000 บาท เป็นค่าทดลองผลิต ออกแบบแนวทาง และทดลองตลาด โดยปัจจุบันมีช่องทางตลาดอยู่ในห้างเดอะมอลล์ สาขารามคำแหง วางราคาขายไว้ที่ 25 บาท มี 12 ชิ้น ผลจากการขายมาประมาณ 3 เดือน มียอดขายเฉลี่ยประมาณวันละ 800 บาท เมื่อหักต้นทุนเหลือกำไรประมาณ 500 บาท

ด้านแผนในอนาคต ทางบริษัทฯ กำลังจะขยายสาขาด้วยตัวเองอีกราว 2 แห่ง และคาดว่า ในสิ้นปีนี้ อยากจะขยายไปได้ประมาณ 10 สาขา เน้นในทำเล อาทิ ย่านมหาวิทยาลัย หน้าโรงเรียนชื่อดังต่างๆ และตลาดนัดของวัยรุ่น เป็นต้น ส่วนการพัฒนาตัวสินค้าเกี๊ยวกรอบ จะพยายามเพิ่มไส้ใหม่ๆ ขึ้นมาเสริมเสมอ ที่มองไว้ขณะนี้ อาจทำเกี๊ยวกรอบไส้ลาบ และต่อไปจะทำให้ได้ 7 วัน 7 ไส้ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการกินหลากหลายตามใจชอบ

ส่วนการทำตลาดประชาสัมพันธ์นั้น เนื่องจากไม่อยากจะใช้งบสูง เพราะถ้าทุ่มในส่วนนี้ ผลกระทบจะต้องเพิ่มไปที่ราคาขายปลีก ทำให้ตั้งว่า จะเน้นทำการประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย เช่น ให้ลูกค้าที่เดินผ่านได้ทดลองชิม แล้วให้เกิดกระแสบอกต่อปากต่อปาก และถ้าต่อไป ธุรกิจทำกำไรสูงขึ้น ก็จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์ด้านอื่นๆ เสริมเข้าไป

เธอ กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ทุกวันนี้ คนจำนวนไม่น้อย หันมาให้ความสนใจกับการกินอาหารเพื่อสุขภาพ ทว่า คนส่วนใหญ่ก็ยังกินอาหารแบบตามใจปาก ดังนั้น แม้ว่า เกี๊ยวกรอบจะเป็นอาหารที่มีไขมันสูง กินมากแล้วอ้วน แต่ถ้าทำได้อร่อย เชื่อว่า ตลาดน่าจะพอไปได้ เพราะคนทั่วไปก็ยังอยากลองชิม