ไวน์โอทอปเมืองสุราษฎร์ฯ จอดสนิท กว่า 90% ผลิตแล้วขายไม่ออก ภาครัฐเตรียมแผนปี 49 ขยายตลาด โดยเฉพาะท่าเทียบเรือ พร้อมปรับปรุงตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
นายสมศักดิ์ สงนุ้ย พัฒนาการจังหวัดสุราษฏร์ธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี มีจำนวนประมาณ 394 รายการ ซึ่งอยู่ในระดับ 3-5 ดาว จำนวนประมาณ 33 รายการ ส่วนที่เหลือ 361 รายการนั้นอยู่ในระดับ 1-2 ดาว
โดยก่อนหน้านี้คณะทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งประกอบไปด้วย ศูนย์ส่งเสริมการส่งออก เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และพัฒนาการจังหวัด ได้ติดตามวิเคราะห์สินค้าโอทอปภายในจังหวัดว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร และได้ประเมินผลงานทุกเดือน ซึ่งทราบว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นกลุ่มเล็กๆ และคุณภาพไม่ได้มาตรฐานแถมบรรจุภัณฑ์ไม่เป็นที่ดึงดูดใจสำหรับผู้บริโภค รูปแบบการนำเสนอสินค้าไม่ประทับใจ โดยเฉพาะไวน์ของกลุ่มเกษตรกรต่างๆจำนวนกว่า 30 กลุ่มนั้นสินค้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายนั้นจอดสนิทแทบจะขายสินค้าไม่ได้เลย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องเร่งปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนคือการวิเคราะห์สินค้าในเรื่องของบรรจุภัณฑ์และแผนการตลาด เพราะสินค้าโอทอปส่วนใหญ่ของจังหวัดสุราษฏร์ธานีนั้น เป็นสินค้าที่รู้จักเฉพาะภายในท้องถิ่นหรือตำบลนั้นๆ ไม่ได้ขยายตลาดออกนอกพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัดหรือต่างจังหวัดเลย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจ สินค้าโอทอป โดยเฉพาะไวน์ที่ได้รับการคัดสรรสุดยอด ระดับจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งมีกลุ่มผู้ผลิตประมาณกว่า 30รายการ ขณะนี้ต้องหยุดการผลิตลงเนื่องจากผลิตแล้วขายไม่ออกกว่า 90% ไม่ว่าจะเป็นไวน์ชาโต เดอ ตาปี ของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราสินปุน อ.พระแสง ไวน์ชิมคองโป กลุ่มเกษตรกรทำสวนตำบลคลองปราบ อ.บ้านนาสาร ขุนเลไวน์ กลุ่มเกษตรกรทำสวนขุนทะเล อ.เมือง ไวน์ศรีวิชัย กลุ่มแม่บ้านเขาหัวควาย อ.พุนพิน ไวน์ ชาโต เดอ ธารทิพย์ กลุ่มเกษตรกรทำสวนยางพาราเคียนซา อ.เคียนซา ไวน์พนม กลุ่มเกษตรทำสวนพนม อ.พนม ไวน์ชาโต เดอ ชโลดม สหกรณ์เคดิตยูเนียนบ้านนาเดิม อ.บ้านนาเดิม เภาทองไวน์ กลุ่มสหกรณ์การเกษตรชัยบุรี จำกัด อ.ชัยบุรี ไวน์ร้อยเกาะ กลุ่มจัดไร่นาวัดประดู่ อ.เมือง ไวน์ลาคลอเรีย กลุ่มผู้ผลิตไวน์กล้วยหอมทอง อ.ท่าชนะ ไวน์เดอเวียง กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทำสวน อ.เวียงสระ เป็นต้น
นายสมศักดิ์ ยังเผยต่อว่า ในปีนี้ 2549 จะต้องหาร้านค้าหรือสถานที่ที่จะรับสินค้าโอทอป เพื่อวางจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้เจรจาเพื่อหาที่วางจำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะตามท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก –เกาะสมุย ,สถานีขนส่ง นอกจากนี้จะต้องมีการศึกษาทำเลที่ตั้งศูนย์สินค้าโอทอปใหม่และพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การขยายตลาดในห้างสรรพสินค้า และโรงแรมต่างๆภายในจังหวัด พร้อมทั้งขยายและสร้างช่องทางการขายสินค้าใหม่ ๆ ปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ผลิต และส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์
นางนวลศรี สุวรรณษี ประธานกลุ่มแม่บ้านกันหลา ซึ่งผลิตไวน์ชาโต เดอ ตาปี ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ตำบลสินปุน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางพัฒนาชุมชนอำเภอพระแสงได้แนะนำให้จัดตั้งกลุ่มแม่บ้านเพื่อผลิตไวน์ขึ้นมาจำหน่าย ตามนโยบายเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองของรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อสร้างอาชีพหารายได้เสริม โดยทางภาครัฐจะสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และมีสำนักงานเกษตรอำเภอพระแสงเป็นผู้ดูแล แนะนำให้ความรู้ทุกขั้นตอนเกี่ยวการผลิตไวน์ ตั้งแต่กรรมวิธีการผลิตการหมักบ่ม การเก็บรักษา การบรรจุลงภาชนะ รวมทั้งหาสถานที่เพื่อวางจำหน่ายให้
ต่อมาจึงได้รวมตัวตั้งกลุ่มประมาณ 30 คน เพื่อผลิตไวน์กล้วยหอม สับปะรด ไวน์ลูกหว้า ภายใต้แบรนด์เนม ไวน์ ชาโต เดอ ตาปี โดยบรรจุขนาด 1 ลิตร ราคาขายขวดละ 50 บาท ขนาดบรรจุ 0.75 ลิตร ราคา 40 บาท และขนาดบรรจุ 0.375 ลิตรราคา 20 บาท ในช่วงแรกเอาขวดภาชนะที่บรรจุจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นขวดเหล้า ขวดเบียร์ เป็นต้น โดยผลิตครั้งละ 800-1,000 ลิตร และได้วางจำหน่ายตามสถานที่ราชการ ห้างร้านต่างๆ ปรากฏว่าสินค้าในช่วงแรกนั้นขายแทบไม่ได้เลย
ต่อมาจึงได้ให้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้เพื่อความสวยงามสะดุดตาผู้พบเห็น เน้นรูปทรงขนาดกะทัดรัด สีสันดูสดใสเป็นธรรมชาติเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และได้บรรจุขนาดเท่าเดิม ส่วนราคาจำหน่ายนั้นเหมือนเดิม โดยออกขายตามบู้ทงานเทศกาลต่างๆ ตามที่จังหวัดได้เชิญไปออกร้านค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป ปรากฏว่ายอดจำหน่ายยังแย่เหมือนเดิมขายแทบไม่ได้เลย ปัจจุบันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ได้กลับไปทำอาชีพที่ตัวเองถนัด เพราะเห็นว่ามีรายได้มากกว่า
นายสมศักดิ์ สงนุ้ย พัฒนาการจังหวัดสุราษฏร์ธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี มีจำนวนประมาณ 394 รายการ ซึ่งอยู่ในระดับ 3-5 ดาว จำนวนประมาณ 33 รายการ ส่วนที่เหลือ 361 รายการนั้นอยู่ในระดับ 1-2 ดาว
โดยก่อนหน้านี้คณะทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งประกอบไปด้วย ศูนย์ส่งเสริมการส่งออก เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และพัฒนาการจังหวัด ได้ติดตามวิเคราะห์สินค้าโอทอปภายในจังหวัดว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร และได้ประเมินผลงานทุกเดือน ซึ่งทราบว่าส่วนใหญ่นั้นเป็นกลุ่มเล็กๆ และคุณภาพไม่ได้มาตรฐานแถมบรรจุภัณฑ์ไม่เป็นที่ดึงดูดใจสำหรับผู้บริโภค รูปแบบการนำเสนอสินค้าไม่ประทับใจ โดยเฉพาะไวน์ของกลุ่มเกษตรกรต่างๆจำนวนกว่า 30 กลุ่มนั้นสินค้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายนั้นจอดสนิทแทบจะขายสินค้าไม่ได้เลย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องเร่งปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนคือการวิเคราะห์สินค้าในเรื่องของบรรจุภัณฑ์และแผนการตลาด เพราะสินค้าโอทอปส่วนใหญ่ของจังหวัดสุราษฏร์ธานีนั้น เป็นสินค้าที่รู้จักเฉพาะภายในท้องถิ่นหรือตำบลนั้นๆ ไม่ได้ขยายตลาดออกนอกพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัดหรือต่างจังหวัดเลย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจ สินค้าโอทอป โดยเฉพาะไวน์ที่ได้รับการคัดสรรสุดยอด ระดับจังหวัดสุราษฏร์ธานี ซึ่งมีกลุ่มผู้ผลิตประมาณกว่า 30รายการ ขณะนี้ต้องหยุดการผลิตลงเนื่องจากผลิตแล้วขายไม่ออกกว่า 90% ไม่ว่าจะเป็นไวน์ชาโต เดอ ตาปี ของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราสินปุน อ.พระแสง ไวน์ชิมคองโป กลุ่มเกษตรกรทำสวนตำบลคลองปราบ อ.บ้านนาสาร ขุนเลไวน์ กลุ่มเกษตรกรทำสวนขุนทะเล อ.เมือง ไวน์ศรีวิชัย กลุ่มแม่บ้านเขาหัวควาย อ.พุนพิน ไวน์ ชาโต เดอ ธารทิพย์ กลุ่มเกษตรกรทำสวนยางพาราเคียนซา อ.เคียนซา ไวน์พนม กลุ่มเกษตรทำสวนพนม อ.พนม ไวน์ชาโต เดอ ชโลดม สหกรณ์เคดิตยูเนียนบ้านนาเดิม อ.บ้านนาเดิม เภาทองไวน์ กลุ่มสหกรณ์การเกษตรชัยบุรี จำกัด อ.ชัยบุรี ไวน์ร้อยเกาะ กลุ่มจัดไร่นาวัดประดู่ อ.เมือง ไวน์ลาคลอเรีย กลุ่มผู้ผลิตไวน์กล้วยหอมทอง อ.ท่าชนะ ไวน์เดอเวียง กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทำสวน อ.เวียงสระ เป็นต้น
นายสมศักดิ์ ยังเผยต่อว่า ในปีนี้ 2549 จะต้องหาร้านค้าหรือสถานที่ที่จะรับสินค้าโอทอป เพื่อวางจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้เจรจาเพื่อหาที่วางจำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะตามท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ อ.ดอนสัก –เกาะสมุย ,สถานีขนส่ง นอกจากนี้จะต้องมีการศึกษาทำเลที่ตั้งศูนย์สินค้าโอทอปใหม่และพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การขยายตลาดในห้างสรรพสินค้า และโรงแรมต่างๆภายในจังหวัด พร้อมทั้งขยายและสร้างช่องทางการขายสินค้าใหม่ ๆ ปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ผลิต และส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์
นางนวลศรี สุวรรณษี ประธานกลุ่มแม่บ้านกันหลา ซึ่งผลิตไวน์ชาโต เดอ ตาปี ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ตำบลสินปุน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางพัฒนาชุมชนอำเภอพระแสงได้แนะนำให้จัดตั้งกลุ่มแม่บ้านเพื่อผลิตไวน์ขึ้นมาจำหน่าย ตามนโยบายเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองของรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อสร้างอาชีพหารายได้เสริม โดยทางภาครัฐจะสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และมีสำนักงานเกษตรอำเภอพระแสงเป็นผู้ดูแล แนะนำให้ความรู้ทุกขั้นตอนเกี่ยวการผลิตไวน์ ตั้งแต่กรรมวิธีการผลิตการหมักบ่ม การเก็บรักษา การบรรจุลงภาชนะ รวมทั้งหาสถานที่เพื่อวางจำหน่ายให้
ต่อมาจึงได้รวมตัวตั้งกลุ่มประมาณ 30 คน เพื่อผลิตไวน์กล้วยหอม สับปะรด ไวน์ลูกหว้า ภายใต้แบรนด์เนม ไวน์ ชาโต เดอ ตาปี โดยบรรจุขนาด 1 ลิตร ราคาขายขวดละ 50 บาท ขนาดบรรจุ 0.75 ลิตร ราคา 40 บาท และขนาดบรรจุ 0.375 ลิตรราคา 20 บาท ในช่วงแรกเอาขวดภาชนะที่บรรจุจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นขวดเหล้า ขวดเบียร์ เป็นต้น โดยผลิตครั้งละ 800-1,000 ลิตร และได้วางจำหน่ายตามสถานที่ราชการ ห้างร้านต่างๆ ปรากฏว่าสินค้าในช่วงแรกนั้นขายแทบไม่ได้เลย
ต่อมาจึงได้ให้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้เพื่อความสวยงามสะดุดตาผู้พบเห็น เน้นรูปทรงขนาดกะทัดรัด สีสันดูสดใสเป็นธรรมชาติเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้า และได้บรรจุขนาดเท่าเดิม ส่วนราคาจำหน่ายนั้นเหมือนเดิม โดยออกขายตามบู้ทงานเทศกาลต่างๆ ตามที่จังหวัดได้เชิญไปออกร้านค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป ปรากฏว่ายอดจำหน่ายยังแย่เหมือนเดิมขายแทบไม่ได้เลย ปัจจุบันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ได้กลับไปทำอาชีพที่ตัวเองถนัด เพราะเห็นว่ามีรายได้มากกว่า