ขึ้นชื่อว่า “เซาน่า” (Sauna) ถิ่นกำเนิดอยู่ไกลถึงประเทศอิตาลี ที่ได้เริ่มนำแหล่งความร้อนจากธรรมชาติ มาต่อยอดเพื่อลดอาการเจ็บปวดตามร่างกาย จนความล้ำหน้าทางวิทยาศาสตร์เริ่มเข้ามามีบทบาททำให้ความร้อนที่ใช้รักษาอาการเจ็บปวดดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะ “เซาน่า เวล” ที่ได้นำคลื่นอินฟราเรด มาเป็นความร้อนในการเซาน่า โดยที่ไม่อันตรายต่อผิวหนัง และใช้งานง่ายเหมาะกับการทำเซาน่าด้วยตัวเองในบ้าน

นายสมพงษ์ ศิริกายน รองประธานบริษัท ควอลิตี้ซีนดีเคท จำกัด ผู้คิดค้นประกอบห้องเซาน่าจากไม้สนไม่มีตา เล่าว่า การเซาน่าในประเทศไทยเป็นที่รู้จักมานานหลายปี แต่ก็มีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ที่จากเดิมเป็นการใช้หินภูเขาไปนำมาเผา และใช้นำราดเพื่อให้เกิดไอน้ำ เพื่อใช้ในการเซาน่า แต่วิธีนี้เมื่อนำมาใช้ในไทยกลับต้นทุนสูงเนื่องจากหินภูเขาไฟหายากและมีราคาแพง ส่งผลให้คนไทยประยุกต์ใช้หินชนิดอื่นแทน ไม่เว้นแม้แต่การใช้ไอน้ำจากหม้อหุงข้าวที่ถือว่าอันตรายมาก
ทั้งนี้ทางเซาน่าเวล ได้ศึกษาเทคโนโลยีในการนำคลื่นอินฟราเรดมาใช้ในการเซาน่า ซึ่งคลื่นอินฟราเรดจะมีขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถซึมลึกลงไปสู่ผิวหนัง ทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิต เนื่องจากอนุมูลอิสระในร่างกายมีการสั่นไหวและขับเหงื่อออกมา รวมถึงการขับสารพิษ และไขมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
“ที่ผ่านมาคนไทยยังไม่เข้าใจวิธีการทำเซาน่าที่ถูกวิธี คิดเพียงทำอย่างไรก็ได้ โดยใช้ความร้อนให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา และวิธีการจะยุ่งยาก และพื้นที่ที่ใช้ทำเซาน่าก็จะเกิดการเปียกระหว่างการทำซาวน่า แต่เมื่อเราได้นำคลื่นอินฟราเรดมาใช้ในการทำเซาน่า จะไม่เกิดการเปียกชื่นภายในห้องที่ทำ ซึ่งห้องเซาน่าภายใต้แบรนด์ “เซาน่าเวล” ของเราจะปูพรมที่พื้น และสามารถติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อฟังเพลง ให้ลูกค้าผ่อนคลายได้ ซึ่งอุณหภูมิภายในห้องจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส นั่งนานประมาณครึ่งชั่วโมง เท่ากับกับการวิ่ง 6 กิโลเมตร เลยทีเดียว”
หลังจากที่นายสมพงษ์ คิดที่จะนำคลื่นอินฟราเรดมาใช้ในการเซาน่าแล้ว ก็เริ่มคิดนำเข้าตู้อบเซาน่าจากประเทศเข้ามาจำหกน่ายในไทยด้วย แต่เมื่อไปดูสินค้าจากต่างประเทศอย่างจริงจังแล้ว ก็พบว่าไม่เหมาะกับคนไทย โดยเฉพาะสภาพอากาศของไทยที่แตกต่างจากประเทศในแถบยุโรปมาก ที่ห้องอบเซาน่าของต่างประเทศจะตั้งอุณหภูมิไว้สูงมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นอยู่ตลอดเวลา และราคาจะสูงมาก ไม่เหมาะกับการทำตลาดในไทย
ทำให้นายสมพงษ์คิดออกแบบห้องอบเซาน่าเอง ที่ต้องถอดประกอบและเคลื่อนย้ายได้ง่าย โดยเริ่มจากการการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศสวิซเซอร์แลนด์คือ ไม้สนไม่มีตรา คุณภาพเกรดเอ โดยจะเป็นไม้สนคัดคุณภาพเป็นอย่างดีตั้งแต่การเตรียมเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นเวลา 30 ปี และนำมาผ่านการอบเพื่อไล่ความชื้น ทำให้ไม้ที่นำมาทำเป็นห้องอบเซาน่าปลอดสารพิษโดยสิ้นเชิง และปลอดภัยกับผู้ที่สูดดม

“เราคิดห้องอบเซาน่าจากไม้สนเองทั้งหมด ที่สามารถถอดประกอบได้ง่ายและรวดเร็วโดยใช้เวลาประกอบไม้จำนวน 7 ชิ้น ใช้เวลาเพียง 15-30 นาทีเท่านั้น พร้อมมีความแข็งแรงทนทาน ด้วยการเทคโนโลยีอินเตอร์ ล็อค น็อกดาวน์ โดยราคาเริ่มต้นที่ 85,000 บาท เป็นห้องขนาด 1 คน ราคา 155,000 บาท ห้องขนาด 2 คน และราคา185,000 บาท ขนาด 4 คน ซึ่งห้องเซาน่าทุกขนาดจะติดตั้งเครื่องเสียง เครื่องปรับอุณหภูมิ และเครื่องตั้งเวลาอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ”
ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ตามโรงพยาบาล ที่แพทย์จะซื้อไปใช้ในคลินิก เพื่อใช้ในการบำบัดรักษา เนื่องจากทางเซาน่าเวลได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ที่ให้เป็นตู้บำบัดรักษา และได้ตรารับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมด้วย โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับโรคผิวหลัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน และโรคแผลกดทับ เป็นต้น ที่สามารถรักษาให้หายได้ หากเข้าห้องเซาน่าเป็นประจำ และตามเวลาที่กำหนด
ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งคือ ลูกค้าตามบ้านที่พักอาศัย เนื่องจากมีความสะดวกในการใช้งาน และไม่เปลืองพื้นที่ในการวาง โดยเฉพาะไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางมาให้บริการตามร้านสปา ซึ่งข้อดีของการบำบัดด้วยตู้เซาน่า จะส่งผลทางอ้อมกับผู้ใช้บริการด้วยคือทำให้นอนหลับได้สนิท และช่วยลดความเครียดจาการทำงาน เนื่องจากคลื่นอินฟราเรดช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ต่อไปจะทำใช้เครื่องผลิตโอโซน เพื่อเป็นการเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้ใช้บริการอีกทางหนึ่ง โดยตั้งเป้าการเปิดเติบโตของธุรกิจนี้จะต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทุกๆ ปี ซึ่งขณะนี้เซาน่า เวล ได้ทำการส่งออกไปยังประเทศฟินแลนด์ สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมัน และดูไบ โดยสามารถผลิตได้ 50 ตู้/เดือน และมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในทุกๆ เดือน
***สนใจติดต่อ 0-2281-7117, 0-2282-6793-6 หรือที่ www.saunawell.com***
นายสมพงษ์ ศิริกายน รองประธานบริษัท ควอลิตี้ซีนดีเคท จำกัด ผู้คิดค้นประกอบห้องเซาน่าจากไม้สนไม่มีตา เล่าว่า การเซาน่าในประเทศไทยเป็นที่รู้จักมานานหลายปี แต่ก็มีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ที่จากเดิมเป็นการใช้หินภูเขาไปนำมาเผา และใช้นำราดเพื่อให้เกิดไอน้ำ เพื่อใช้ในการเซาน่า แต่วิธีนี้เมื่อนำมาใช้ในไทยกลับต้นทุนสูงเนื่องจากหินภูเขาไฟหายากและมีราคาแพง ส่งผลให้คนไทยประยุกต์ใช้หินชนิดอื่นแทน ไม่เว้นแม้แต่การใช้ไอน้ำจากหม้อหุงข้าวที่ถือว่าอันตรายมาก
ทั้งนี้ทางเซาน่าเวล ได้ศึกษาเทคโนโลยีในการนำคลื่นอินฟราเรดมาใช้ในการเซาน่า ซึ่งคลื่นอินฟราเรดจะมีขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถซึมลึกลงไปสู่ผิวหนัง ทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิต เนื่องจากอนุมูลอิสระในร่างกายมีการสั่นไหวและขับเหงื่อออกมา รวมถึงการขับสารพิษ และไขมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
“ที่ผ่านมาคนไทยยังไม่เข้าใจวิธีการทำเซาน่าที่ถูกวิธี คิดเพียงทำอย่างไรก็ได้ โดยใช้ความร้อนให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา และวิธีการจะยุ่งยาก และพื้นที่ที่ใช้ทำเซาน่าก็จะเกิดการเปียกระหว่างการทำซาวน่า แต่เมื่อเราได้นำคลื่นอินฟราเรดมาใช้ในการทำเซาน่า จะไม่เกิดการเปียกชื่นภายในห้องที่ทำ ซึ่งห้องเซาน่าภายใต้แบรนด์ “เซาน่าเวล” ของเราจะปูพรมที่พื้น และสามารถติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อฟังเพลง ให้ลูกค้าผ่อนคลายได้ ซึ่งอุณหภูมิภายในห้องจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส นั่งนานประมาณครึ่งชั่วโมง เท่ากับกับการวิ่ง 6 กิโลเมตร เลยทีเดียว”
หลังจากที่นายสมพงษ์ คิดที่จะนำคลื่นอินฟราเรดมาใช้ในการเซาน่าแล้ว ก็เริ่มคิดนำเข้าตู้อบเซาน่าจากประเทศเข้ามาจำหกน่ายในไทยด้วย แต่เมื่อไปดูสินค้าจากต่างประเทศอย่างจริงจังแล้ว ก็พบว่าไม่เหมาะกับคนไทย โดยเฉพาะสภาพอากาศของไทยที่แตกต่างจากประเทศในแถบยุโรปมาก ที่ห้องอบเซาน่าของต่างประเทศจะตั้งอุณหภูมิไว้สูงมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นอยู่ตลอดเวลา และราคาจะสูงมาก ไม่เหมาะกับการทำตลาดในไทย
ทำให้นายสมพงษ์คิดออกแบบห้องอบเซาน่าเอง ที่ต้องถอดประกอบและเคลื่อนย้ายได้ง่าย โดยเริ่มจากการการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศสวิซเซอร์แลนด์คือ ไม้สนไม่มีตรา คุณภาพเกรดเอ โดยจะเป็นไม้สนคัดคุณภาพเป็นอย่างดีตั้งแต่การเตรียมเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นเวลา 30 ปี และนำมาผ่านการอบเพื่อไล่ความชื้น ทำให้ไม้ที่นำมาทำเป็นห้องอบเซาน่าปลอดสารพิษโดยสิ้นเชิง และปลอดภัยกับผู้ที่สูดดม
“เราคิดห้องอบเซาน่าจากไม้สนเองทั้งหมด ที่สามารถถอดประกอบได้ง่ายและรวดเร็วโดยใช้เวลาประกอบไม้จำนวน 7 ชิ้น ใช้เวลาเพียง 15-30 นาทีเท่านั้น พร้อมมีความแข็งแรงทนทาน ด้วยการเทคโนโลยีอินเตอร์ ล็อค น็อกดาวน์ โดยราคาเริ่มต้นที่ 85,000 บาท เป็นห้องขนาด 1 คน ราคา 155,000 บาท ห้องขนาด 2 คน และราคา185,000 บาท ขนาด 4 คน ซึ่งห้องเซาน่าทุกขนาดจะติดตั้งเครื่องเสียง เครื่องปรับอุณหภูมิ และเครื่องตั้งเวลาอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ”
ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ตามโรงพยาบาล ที่แพทย์จะซื้อไปใช้ในคลินิก เพื่อใช้ในการบำบัดรักษา เนื่องจากทางเซาน่าเวลได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ที่ให้เป็นตู้บำบัดรักษา และได้ตรารับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมด้วย โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับโรคผิวหลัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน และโรคแผลกดทับ เป็นต้น ที่สามารถรักษาให้หายได้ หากเข้าห้องเซาน่าเป็นประจำ และตามเวลาที่กำหนด
ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งคือ ลูกค้าตามบ้านที่พักอาศัย เนื่องจากมีความสะดวกในการใช้งาน และไม่เปลืองพื้นที่ในการวาง โดยเฉพาะไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางมาให้บริการตามร้านสปา ซึ่งข้อดีของการบำบัดด้วยตู้เซาน่า จะส่งผลทางอ้อมกับผู้ใช้บริการด้วยคือทำให้นอนหลับได้สนิท และช่วยลดความเครียดจาการทำงาน เนื่องจากคลื่นอินฟราเรดช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ต่อไปจะทำใช้เครื่องผลิตโอโซน เพื่อเป็นการเพิ่มความสดชื่นให้กับผู้ใช้บริการอีกทางหนึ่ง โดยตั้งเป้าการเปิดเติบโตของธุรกิจนี้จะต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทุกๆ ปี ซึ่งขณะนี้เซาน่า เวล ได้ทำการส่งออกไปยังประเทศฟินแลนด์ สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมัน และดูไบ โดยสามารถผลิตได้ 50 ตู้/เดือน และมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในทุกๆ เดือน
***สนใจติดต่อ 0-2281-7117, 0-2282-6793-6 หรือที่ www.saunawell.com***