สุทัศน์ ชยันต์เกียรติ ริเริ่มผลิตเค้กตรังแบรนด์ “สินโอชา” เมื่อปี 2516 เนื่องจากอยากสร้างสมบัติสร้างงานเพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน โดยปรับปรุงเค้กตรังให้เป็นสูตรแบบฝรั่ง จากการที่ได้ไปเรียนทำเบเกอรี่ที่ UFM และพยายามพัฒนาสูตรและอุปกรณ์ในการทำเค้กต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยให้มีคุณภาพทัดเทียมกับของต่างชาติ
หลังจากทำเค้กตรังขายมาเรื่อยๆ ประมาณปี 2525 สุทัศน์ก็เปิดร้านกาแฟสไตล์ยุโรปขึ้น เพราะเห็นว่าคนตรังมักจะทานกาแฟกับปาท่องโก๋หรือจาก้วย จึงอยากให้ลองเปลี่ยนมาทานกาแฟกับเค้ก ถือเป็นร้านกาแฟแบบฝรั่งร้านแรกใน จ.ตรัง
สุทัศน์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจตอนนั้นไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งเจอวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้กำไรลดลงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ท้อ เพราะว่าถ้าท้อ แล้วจะถอย
“ตอนนั้นคนตรังไม่จับจ่ายซื้อของเลย ร้านเราก็ตกต่ำ หนี้สินก็เยอะ ก่อนหน้านั้นอาจมีการลงทุนบ้าง ไปซื้อโน่นซื้อนี่ ต้องผ่อนชำระเป็นงวดๆ จังหวัดตรังอยู่ได้ด้วยยางพาราเท่านั้นเอง ไม่มีผลไม้ ไม่มีปาล์ม แต่ก่อนผมทำขนมปังไส้ คล้ายๆ ฟาร์มเฮ้าส์ แต่ตอนนี้ผลิตขนมปังแถวเกรดต่ำกว่าฟาร์มเฮ้าส์ ผมศึกษาแล้วว่า ยังไงคนภาคใต้ก็ยังจนอยู่ แต่ว่าฟาร์มเฮ้าส์มีตลาดสูง ซึ่งก็ยังมีอยู่ ถ้าหากเป็นระดับสูง ก็จะเป็นพวกขายหน้าร้าน อย่างเอสแอนด์พี อย่างเราก็ทำตลาดล่าง อย่างร้านน้ำชาเอาขนมปังไปชุบไข่แล้วปิ้ง”
“จริงๆ แล้วชื่อเสียงของเราไม่ได้เสียไปด้วย ก็ให้กำลังใจคนในครอบครัว คนที่มาทำงานกับเรา ว่าต้องอดทน ตรงนั้นถือเป็นวิกฤติที่มากที่สุดที่เคยเจอ” สุทัศน์ กล่าว
“สินโอชา” เพิ่งจดทะเบียนบริษัทและตั้งโรงงาน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 เป็นที่แรกที่ทำเค้กตรังในรูปแบบบริษัท ซึ่งเมื่อเป็นบริษัทแล้วการทำงานก็มีความเป็นระบบมากขึ้น พนักงานมีสวัสดิการ มีกฎระเบียบ ทำให้งานที่ทำออกมาได้มาตรฐาน มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
ด้านเปล่งแสง ชยันต์เกียรติ บุตรชายคนที่สอง และผู้ดูแลด้านการตลาด กล่าวถึงการตลาดของ “สินโอชา” ว่า เมื่อปี 2545 พ่อคิดจะพัฒนาบรรจุภัณฑ์สูญญากาศ เพื่อให้เค้กเก็บได้นานขึ้นออกมา พอทำได้ก็มองแค่ตลาดภาคใต้ก่อนในตอนแรก แต่ตนมาคิดงานต่อ ทำยังไงให้ไปได้ทั่วประเทศ
“พอดีได้เซลล์คนหนึ่งบอกว่าไม่ได้ยากอะไร เดินไปเรื่อยๆ ขายไปเรื่อยๆ มืดที่ไหน ค้างที่นั่น เพราะว่าเค้กเราอยู่ได้ 30-45 วัน แต่การันตีไว้ที่ 15–20 วัน ผมไปทำตลาดกรุงเทพฯ ประมาณปีกว่า เกือบ 2 ปีแล้ว ตอนนี้ตลาดก็คงที่แล้ว”
“ตลาดที่กรุงเทพฯ จะเป็นขนาดเล็ก 1 ปอนด์ แนวทางการตลาด พอเริ่มมีคู่แข่งก็คิดว่าจะฉีกไปยังไง ผมมานั่งคิดว่าแต่ละจังหวัดมันจะมีงานประจำปี งานเทศกาลต่าง ๆ ทุกจังหวัด หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป เราก็จะออกไปขายตามเทศกาล และอาจจะเอาสินค้าอย่างอื่นไปขายด้วย เป็นของฝากจากภาคใต้ อย่างไข่เค็ม เพื่อให้มันเลี้ยงตัวได้ เพราะเค้กอย่างเดียวไม่พอ บางงานไข่เค็มขายดี บางงานน้ำพริกขายดี”
การขายตามงานเทศกาลต่างๆ นั้น เปล่งแสง จะประเมินงานต่องาน โดยออกงานเดือนละ 2 ครั้ง ส่วนการวางตามร้านต่างๆ นั้น ตอนนี้มีวางขายทั่วประเทศประมาณ 200 แห่ง แต่ยังไปไม่ถึงอีสานใต้ อย่างเส้นเดชอุดม เพราะกำลังซื้อน้อย ส่วนสายเหนือจะหยุดที่กำแพงเพชร
“สถานที่จัดจำหน่าย ต้องดูเกรดของลูกค้าตรงนั้น ต้องมีเกรดหน่อย อย่างปั๊มเล็ก ๆ เราก็ไม่วาง เพราะว่าสินค้าของเราราคาค่อนข้างสูง”
เปล่งแสง กล่าวต่อว่า ตอนนี้ที่ตรังมีคนทำเค้กประมาณ 50 ราย แต่ที่ทำเป็นธุรกิจจริงจัง มีเพียงประมาณ 10-15 รายเท่านั้น คู่แข่งที่เจอพบว่ามีของจังหวัดอื่นๆ ด้วย เช่น นครศรีธรรมราช แต่ของจังหวัดตรังคนจะให้ความเชื่อถือมากกว่า
โดย “สินโอชา” จะเน้นขายความเป็นเค้กจังหวัดตรัง พอพูดถึงเค้กจังหวัดตรัง คนที่อื่นจะไม่รู้หรอกว่าใครเป็นเจ้าแรก เรื่องราวเป็นยังไง จึงพยายามเอา “สินโอชา” วางเป็นเจ้าแรก ให้ผู้บริโภคกินเรื่อยๆ จนติดใจ สร้างพฤติกรรมการกินให้กับตลาดทั่วประเทศ ถ้าคนรุ่นใหม่จะซื้อเค้กเป็นของฝาก ก็ต้องหยิบเค้ก “สินโอชา” ขึ้นมา
ด้านการบริหารงาน เปล่งแสง เปิดเผยว่า เป็นระบบครอบครัว เวลาทำงานก็มานั่งคุยกันว่าจะทำยังไง แต่อยากได้คนดีมีฝีมือมาทำงาน บางทีก็ต้องหยุดบทบาทกันบ้าง เช่น ถ้าอยากได้เซลล์เก่งๆ เข้ามา ก็ต้องหยุดออกไปขายเอง เพื่อให้ได้คนเก่งเข้ามาทำงาน เพราะถ้าเก่งหมดทุกอย่าง แล้วถ้าวันหนึ่งเป็นอะไรไป โรงงานก็ต้องปิด เป็นการคิดเผื่อไว้
“ถ้าผมตายโรงงานต้องปิด แสดงว่าโรงงานยังไม่ดี ต้องให้เด็กคิดเป็น รู้จักขาย เพราะเราไปกู้เขามาแล้ว 6–7 ล้านบาทในการทำโรงงานนี้”
เปล่งแสง กล่าวถึงเป้าหมายต่อไป ว่า ตั้งใจว่าจะทำร้านสินโอชา รูปแบบใหม่ เป็นการรวมของดีจังหวัดตรัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ที่นี่จังหวัดตรัง” ทุกอย่างของจังหวัดตรังอยู่ในร้านนี้ ของฝาก อาหารเช้า วัฒนธรรม ประเพณี เอามาตกแต่งฝาผนัง เป็นตัวแทนของจังหวัดตรัง “สินโอชา” จะเป็นแบรนด์ของขนมเค้ก อนาคตอาจทำเต้าส้อ ก็จะใช้อีกแบรนด์หนึ่ง
“ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ ปรับขนาดใหม่ การเพิ่มผลิตภัณฑ์ คงต้องรอให้เศรษฐกิจนิ่ง ตอนนี้ก็พัฒนาเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายไปก่อน โดยในวันที่ 2–11 กันยายน จะไปออกงานที่ขอนแก่น และวันที่ 12-18 กันยายน ก็จะไปเชียงใหม่ต่อ” เปล่งแสง กล่าว
ติดต่อ "สินโอชา" โทร. 075-211191, 0-1894-2934 Fax. 075-218987