เมื่อกระแสของสมุนไพรมาแรง ไม่เว้นแม้แต่วงการแพทย์ที่หลายคนเริ่มหันมารับประทานยาสมุนไพรกันมากขึ้น ภายใต้ความเชื่อที่ยาฝรั่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ส่งผลให้ยาระบายอย่าง “ชา...เทวี” ติดตลาดมายาวนานกว่า 20 ปีทั้งๆ ที่ไม่มีการทำตลาดอย่างจริงจัง จนเมื่อมาถึงยุคของคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารก็เริ่มเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ทันสมัยและให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้มากขึ้น
ดวงรัตน์ ชัยวัฒนเมธิน รองผู้จัดการฝ่ายการผลิต เล่าว่า ตนเองได้คลุกคลีอยู่ในวงการยาแผนโบราณมาตั้งแต่เกิด โดยเฉพาะยาระบายภายใต้แบรนด์ “เทวี” ที่เป็นธุรกิจของครอบครัวมายาวนานถึง 20 ปี โดยที่ไม่ใช้กลยุทธ์ทางด้านการประชาสัมพันธ์เลย แต่กลับสามารถทำให้ติดตลาดได้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องของการขับถ่าย และเปอร์เซ็นต์การจำหน่ายก็มีอัตราเพิ่มขึ้นๆ ส่งผลทำให้ทางเจ้าของชาเทวีมั่นใจในเรื่องคุณภาพของสินค้า โดยในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเกิดจาก การที่ผู้เป็นมารดาคืออาจารย์ศิริลักษณ์ ชัยวัฒนเมธิน ได้เปิดกิจการร้านขายยาชื่อ ทองพันชั่ง ที่ขายเฉพาะสมุนไพรไทยเท่านั้น
จนกระทั่งมีลูกค้าได้นำผลิตภัณฑ์มาจากประเทศเยอรมัน มาให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยบอกว่าเป็นสินค้าสมุนไพรที่ทางต่างประเทศนิยมใช้เพื่อลดความอ้วน จึงได้ศึกษาจากสินค้านั้น และพยายามค้นคว้า จนรู้สูตรว่ามาจากสมุนไพรตัวไหน จึงได้ลองปรุง และปรับปรุงสูตร โดยเพิ่มสมุนไพรบางตัวเข้าไป เพื่อให้ได้ผลดีมากขึ้น จนได้สูตรยาที่มีสรรพคุณช่วยระบาย โดยที่ไม่ปวดท้อง และสามารถควบคุมการระบายได้ ซึ่งส่วนผสมหลักคือ “มะขามแขก”
“สรรพคุณทางโบราณที่เราได้มาเรียกว่า “รู้ปิดรู้เปิด” เพราะร่างกายคนเราถ้าไม่มีการไม่มีการระบายออก อาหารเก่าก็จะสะสมมากขึ้น ทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ตามมา เช่น ริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ เป็นต้น”
ทั้งนี้การทดลองสูตรที่ผ่านมาผู้เป็นแม่ได้ใช้ตัวเองเป็นคนทดลองสรรพคุณของยาเองทั้งหมด เนื่องจากโดยส่วนตัวมารดามักจะมีปัญหาท้องผูกอยู่บ่อยครั้ง มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ จนท้องโตมากขึ้นผิดปกติ และตัวร้อนมีไข้ ก็ไปซื้อยาแผนปัจจุบันมารับประทาน ซึ่งก็ต้องหยุดไปเพราะกลัวเกิดผลข้างเคียง จึงหันมารับประทานส้มครั้งละมากๆ แทน ประมาณ 1-2 กิโลกรัม แต่ก็ท้อ จนต้องกลับไปรับประทานยาเคมีอย่างเดิม จนกระทั่งได้มาเจอสมุนไพรไทยและได้คิดค้นพัฒนาจนได้สูตรของยาระบายที่ลงตัว ซึ่งไม่ทำให้มวนท้อง จึงคิดที่จะสร้างความสุขจากการรับประทานยาตัวนี้ให้กับผู้อื่นบ้าง จึงเริ่มทำเป็นธุรกิจโดยวางจำหน่ายตามร้านขายยาในรูปแบบของชาชงซอง และปัจจุบันนี้ได้พัฒนาอออกมาในรูปแบบของยาเม็ดเพื่อความสะดวกในการพกพา
เมื่อธุรกิจนี้ได้ดำเนินมายาวนานกว่า 20 ปีแล้ว ก็ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคให้ผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ธุรกิจนี้บ้าง ทำให้ ดวงรัตน์ วัย 23 ปี ผู้เป็นลูกสาวที่เลือกเรียนทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ด้านเครื่องกลอาหาร โดยมีแนวคิดเพื่อต้องการเข้ามาดูด้านการผลิตให้กับโรงงาน รวมถึงการดูแลในเรื่องการตลาดและการออกโรดโชว์ โดยล่าสุดดวงรัตน์ กำลังศึกษาต่อด้านเภสัชกรรมแผนไทย เพื่อต้องการเป็นเภสัชกรทางด้านสมุนไพร
ทั้งนี้ ดวงรัตน์ กล่าวว่า เมื่อตนเองได้เข้ามาบริหารงานและดูแลด้านการตลาดของชาเทวี โดยตรง ทำให้เริ่มปรับเปลี่ยนในเรื่องของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นอันดับแรก ซึ่งจะต้องประกอบด้วยหลายๆ ส่วน เช่น การพัฒนารูปแบบของแพคเกจให้มีความทันสมัย และให้สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายที่จากเดิมเป็นผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการระบาย มาเป็นกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น รวมถึงการปรับรูปแบบในรูปของชาชงแบบซอง เป็นยาระบายอัดเม็ดเพื่อสะดวกในการพกพา และเหมาะกับวัยที่ทุกคนต่างเร่งรีบในยุคปัจจุบัน
“จากเดิมที่พ่อแม่ได้ทำตลาดมาก่อนหน้านี้คือการทำตลาดแบบป่าล้อมเมือง โดยมุ่งเน้นตลาดในต่างจังหวัดก่อนโดยที่ในขณะนี้ยังไม่มีคนรู้จักยาชนิดนี้เลย ซึ่งก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น หลังจากนั้นก็เริ่มมาบุกตลาดที่กรุงเทพฯ เน้นวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าที่เป็นของคนไทย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้สูงวัย และผู้มีปัญหาเรื่องการระบาย แต่เมื่อในถึงในยุคปัจจุบัน เราต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นโดยใช้สรรพคุณของตัวยาที่นอกจากที่ช่วยในเรื่องของการระบายแล้ว ยังสามารถลดความอ้วนได้อีกด้วย โดยเจาะกลุ่มของคนกับกลุ่มวัยรุ่น และถือเป็นโอกาสดีที่ขณะนี้ชาเทวีได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นยาสามัญประจำบ้านได้ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของเราเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น”
ปัจจุบันชาเทวีได้ทำตลาดและจำหน่ายในต่างประเทศด้วย เช่น ดูไบ, โอมาน, ซาอุดิอาระเบีย, บาห์เรน, ไนจีเรีย อียิปต์, มาเลเซีย, เขมร, ลาว, เวียดนาม และสหรัฐฯ เป็นต้น โดยคาดยอดขายภายในปลายนี้เพื่อขึ้นอีก 30% และตั้งเป้าให้แบรนด์ของชาเทวีติดอันดับ 1 ใน 3 ประเภทของยาระบายที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด
***สนใจติดต่อ 0-2277-3200***