xs
xsm
sm
md
lg

“เข่ง บ้านทนง” เรียบง่าย แต่ขายดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เดิมบ้านทนง หมู่ 6 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จะทำประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก พอหมดฤดูเก็บเกี่ยว ชาวบ้านก็จะอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้มีรายได้อื่นๆ มาเสริม ในที่สุด รายจ่ายก็สูงกว่ารายรับ ทำให้ต้องไปก่อหนี้สิน กลายเป็นปัญหาสำเร็จรูปของชาวนาไทย

กระทั่ง เมื่อประมาณปี พ.ศ.2541 หลังสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวเข้ายุ่งฉางเรียบร้อยแล้ว มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันปรึกษาหารือ อยากจะหากิจกรรมทำเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว ซึ่งอาชีพที่พวกเขาเลือก เป็นของง่ายๆ ที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง นั่นคือ การสาน “เข่ง”


สุทิน ทองคำ แกนนำผู้ก่อตั้งกลุ่มจักสานไม้ไผ่ เล่าให้ฟังว่า ที่ชาวบ้านสนใจสานเข่ง เพราะในท้องถิ่นบ้านทนง มีวัตถุดิบไม้ไผ่จำนวนมาก และการแปรรูปด้วยการสานก็ไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องจักร โดยชาวบ้านเริ่มต้นศึกษาความรู้ด้วยการไปดูการสานเข่งปลาทู ที่จังหวัดสระแก้ว

และหลังจากทำออกตลาด ก็ขายดีต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการในตลาดสดแถบจังหวัดภาคอีสาน อาทิ ร้อยเอ็ด , บุรีรัมย์ และนครราชศรีมา เป็นต้น เหตุทำให้ลูกค้าเลือกซื้อเข่งของบ้านทนง เนื่องจากฝีมือการทำที่ละเอียด สานด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ซื้อแล้วใช้งานได้นานกว่า 1 ปี โดยไม้ไผ่ที่สานไว้ไม่มีขึ้นรา หรือหลุดออกจากกัน และด้วยฝีมือซึ่งเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ทำให้สินค้าของกลุ่ม ได้รับคัดสรรเป็นโอทอประดับ 4 ดาว ของจังหวัดด้วย

“จุดเด่นของเข่ง กลุ่มจักไม้ไผ่ บ้านทนง อยู่ที่ความแข็งแรงทนทาน สวยงาม ใช้งานได้นาน ไม่มีเชื้อรา ไม่มีสารพิษ และเราก็จะทำขนาดให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ความต้องการของลูกค้า เพราะบางรายก็จะซื้อไปใส่ปลาทู กับซื้อไปใส่นึ่งขนมจีบ ซาลาเปา ซึ่งเราก็ปรับปรุงให้ตรงความต้องการของเขา” สุทิน อธิบาย และเล่าต่อถึงขั้นตอนการผลิตสินค้าว่า

“ไม้ไผ่ที่เราใช้ คือ ไม้ไผ่ตง อายุประมาณ 1 ปี โดยจะหาซื้อได้ตามพื้นที่จังหวัดของเราเอง แล้วนำมาทิ้งไว้ประมาณ 3-5 วัน แล้วเราก็เข้ากระบวนการผลิตตามขั้นตอนของภูมิปัญญาชาวบ้านเลย คือ นำไม้มาผ่าตามขนาดเข่งที่ลูกค้ากำหนด นำไปแช่น้ำเกลือ และตากให้แห้ง โดยไม้ทุกชิ้น ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ด้วยการนำมาขัดเกลาลบเสี้ยนทุกชิ้น แล้วจึงนำส่วนประกอบต่างๆ มาสานเป็นเข่งที่เรียบร้อย”

ผู้ก่อตั้งกลุ่ม เล่าว่า จากเดิมมีสมาชิกก่อตั้ง 75 คน ทุกวันนี้ เพิ่มจำนวนเป็น 142 คน คือ คนทั้งหมู่บ้านทำอาชีพนี้ สร้างรายได้เสริมเฉลี่ยแล้ว ต่อครัวเรือนประมาณ 3,000 – 4,000 บาทต่อเดือน ส่วนอุปสรรคในการประกอบอาชีพ มาจากราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ไม้ไผ่ที่เดิม ซื้อขายในราคา ต้นละ 25 บาท ทุกวันนี้ เพิ่มเป็นต้นละ 40-50 บาท

ทั้งนี้ การผลิตสินค้ายังทำตามคำสั่งซื้อ ราคาขายอยู่ที่ ใบละ 1 บาท ต่อวันครอบครัวหนึ่งจะทำได้ประมาณ 300 เข่ง นอกจากนั้น ยังมีลูกค้าตามโรงแรม ซื้อเพื่อไปแปรรูปเป็นของตกแต่งสถานที่ อาทิ โคมไฟ เป็นต้น

สุทิน เผยต่อว่า ปัจจุบันมีกลุ่มอาชีพชุมชนจากจังหวัดต่างๆ สนใจเข้ามาศึกษาวิธีการทำ กับเชิญตนให้ไปเป็นวิทยากรอบรมความรู้ให้อยู่เสมอ โดยส่วนตัวแล้ว มีความยินดีที่จะเผยแพร่ เพราะอาชีพนี้ นอกจากไม่ต้องลงทุนเครื่องจักรแล้ว ยังมีตลาดรองรับอีกมาก ทว่า มีข้อแม้ว่า จะไม่มาทำขายในพื้นที่ทับซ้อนกับกลุ่ม ป้องกันปัญหาแย่งลูกค้ากันเอง

* * * * * *

โทร.044-531-062 , 0-6875-1301
กำลังโหลดความคิดเห็น