เด็กๆ สมัยก่อนมักเล่นอยู่กับธรรมชาติ ของเล่นต่างๆ ก็มาจากต้นไม้ใบหญ้า กรวดหินดินทราย อย่างเช่นกาบของต้นหมาก เด็กๆ มักจะชอบนำมานั่งลากแข่งกันเป็นที่สนุกสนาน เป็นการละเล่นผาดโผนแบบเด็กรุ่นเก่า แต่ปัจจุบันเด็กเล่นกาบหมากคงมีน้อยแล้ว หรืออาจจะไม่มีเลย แต่ก็ใช่ว่ากาบหมากจะไร้ค่า เพราะมีคนนำมาแปรรูปเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งต่อการใช้สอยและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สุมาลี ภิญโญ กล่าวว่า เมื่อก่อนรับผิดชอบดูแลเรื่องจัดเลี้ยงอาหารขันโตก ที่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ในช่วงงานประจำปี ซึ่งการใช้จานจะมีปัญหาเรื่องตกแตกเสียหาย ใช้ใบตองมันก็อ่อนเกินไป บางครั้งก็ฉีกขาด ส่วนโฟมก็ไม่อยากใช้ เพราะมันเป็นขยะที่ย่อยสลายได้ยาก พอดีกับที่บ้านมีสวนหมาก จึงปรึกษากับแฟนว่ากาบหมากจะเอามาทำเป็นจานแบบเดียวกับโฟมได้หรือไม่ ก็คิดหาวิธีลองทำ ประกอบกับสามีเป็นช่าง จึงประดิษฐ์เครื่องปั๊มแบบขึ้น ซึ่งก็ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะออกมาใช้ได้ โดยใช้ทุนเริ่มต้นประมาณ 3-4 หมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินตนเอง
“ช่วงที่รัฐเขารณรงค์ไม่ให้มีการใช้โฟมในอุทยานแห่งชาติ เราก็เลยเอาไปเสนอ ก็ได้ออเดอร์ประจำจากเขาใหญ่และภูกระดึง พร้อมๆ กับที่ทางพัฒนาชุมชนเขาชวนให้ส่งเข้าคัดสรรโอทอป ปี 2547 ซึ่งได้ 4 ดาว เพราะเสียคะแนนแพคเกจจิ้งที่เราไม่มี แต่ปัจจุบันเรามีแพคเกจจิ้งแล้ว โดยออกแบบส่งไปให้ทางจังหวัดผลิต และจดสิทธิบัตรจานกาบหมากแล้ว จากคำแนะนำของทางจังหวัด”
นอกจากออเดอร์ประจำจากภูกระดึงและเขาใหญ่แล้ว ก็มีร้านขนมไทยและกลุ่มแม่บ้านที่ทำขนม ใน จ.นครราชสีมา ก็นำกาบหมากไปเป็นแพคเกจจิ้งด้วย โดยออเดอร์จะมีมากในช่วงเทศกาล คือตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเทศกาลสงกรานต์ มากที่สุดอยู่ที่ 4-5 พันชิ้นต่อเดือน
“ราคาขายจานกาบหมาก ถ้าเป็นแบบใส่กล่อง ขายกล่องละ 100 บาท มี 14 ชิ้น ส่วนราคาส่งถ้าสั่ง 100 ชิ้นขึ้นไป และไม่ต้องใส่กล่องบรรจุภัณฑ์ ก็คิดชิ้นละ 3 บาท”
ด้านต่างประเทศ สุมาลี กล่าวว่า มีลูกค้าจากไต้หวันที่ต้องการนำเข้า แต่ต้องทำตามรูปแบบที่เขาต้องการ คือเป็นคล้ายๆ ถาดหลุม เพื่อใช้ใส่อาหารบุฟเฟต์ในร้านอาหาร โดยตอนนี้แฟนของสุมาลีกำลังออกแบบเครื่องปั๊มอยู่
ซึ่งโดยปกติสุมาลีจะช่วยกันทำสองคนกับแฟน แต่ถ้าออเดอร์เยอะก็มีแรงงานชาวบ้านบ้าง กำลังการผลิตอยู่ที่ 250 ชิ้นต่อคนต่อวัน โดยกาบหมากจะคัดเลือกกาบที่สวย ไม่ขึ้นรา อบด้วยความร้อน 100 องศา เพื่อไล่ความชื้นออกให้หมด ก่อนนำไปขึ้นรูป
“กาบหมากที่ชาวบ้านเอามาขายเราก็ต้องคัดคุณภาพ เพราะบางทีเขาก็เก็บที่หล่นน้ำแล้วก็ขึ้นรามาด้วย แม้จะไม่อยากจะจู้จี้มาก แต่เราก็ต้องคัดเลือก เพราะถ้าคุณภาพไม่ดี เราก็เสียเอง”
ทั้งนี้ สุมาลี กล่าวถึงการส่งเสริมของภาครัฐว่า รัฐเน้นส่งเสริมการแปรรูปมันสำปะหลังเป็นพาชนะ หรือ KU GREEN แต่ KU GREEN พอโดนน้ำจะอ่อนตัวง่าย เพราะมีส่วนผสมของแป้ง และโฟมใส่อาหารคนก็ยังใช้กันมาก จึงอยากให้รัฐช่วยรณรงค์ให้ประชาขนหันมาใช้ของจากธรรมชาติแบบกาบหมาก ที่ไม่เป็นมลพิษ เป็นขยะที่ย่อยสลายได้ เพื่อลดการใช้โฟมและพลาสติก
“ลูกค้าชอบจานกาบหมากของเรา เพราะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เวลาจัดงานวันเกิด งานปาร์ตี้ เขาก็ซื้อไปใช้ ลูกค้าที่เขาใหญ่ก็บอกว่าของเราไม่ขึ้นรา แม้บนเขาจะมีความชื้นมาก ถ้าประหยัดหน่อยก็เอาไปล้างแล้วเช็ดให้แห้ง ตากแดดเพือ่ไม่ให้ขึ้นรา ก็ยังใช้ได้อีก เป็นการลดจำนวนขยะได้ด้วย”
กลุ่มเกษตรสวนหมาก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โทร. 0-4441-9555 หรือ 0-9579-2112