xs
xsm
sm
md
lg

มัดหมี่สร้อยดอกหมากบ้านกุดรัง ทอผ้าแทนทำนา รายได้หลักล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้อยดอกหมาก ของกิ่ง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม เป็นผ้าลายเอกลักษณ์ จ.มหาสารคาม ซึ่งได้รับรางวัลประกวดผ้าไหมจากงานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาด จ.มหาสารคาม ประจำปี 2544 และได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป 4 ดาว ประจำปี 2547 ที่ผ่านมา

สมจิตร บุรีนอก ประธานกลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุดร้ง เปิดเผยว่า กลุ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 จากการที่หน่วยงานพัฒนาชุมชนส่งชาวบ้านไปเรียนการทอผ้าไหมที่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องผ้าไหมมัดหมี่ แล้วก็กลับมารวมกลุ่มสมาชิกเพื่อสอนคนอื่นๆ ต่อ โดยได้ช่วยกันระดมหุ้นคนละ 100 บาท รวมประมาณ 40 คน เพื่อนำไปซื้อเส้นไหมมาให้สมาชืกทอ

“ลายสร้อยดอกหมากเป็นลายโบราณ แต่เดิมทาง อ.ชนบท เขาตั้งชื่อว่าลายปลากิว แต่ อาจารย์ดุสิต โพธิ์จันทร์ ที่อยู่อุตสาหกรรมภาคที่ 5 เขาเอามาดัดแปลงและตั้งชื่อใหม่ว่า ลายสร้อยดอกหมาก แล้วมาสอนให้พวกเราทอ ต่อมาในปี 2544 ผู้ว่าฯ ในขณะนั้นท่านอยากได้สัญลักษณ์ของ จ.มหาสารคาม ก็เลยจัดประกวดผ้าไหมในงานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาด จาก 300 ชิ้น ท่านคัดเลือกเอาชิ้นเดียว ซึ่งก็คือผ้าลายสร้อยดอกหมากของกลุ่มเรา ทางจังหวัดจึงใช้ลายนี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัด”

แรกๆ ที่ทอผ้าขาย ทางกลุ่มไม่มีตลาด จึงให้ลูกหลานที่เรียนอยู่ในกรุงเทพฯ เอาไปขาย จนกระทั่งเมื่อได้รับคัดเลือกจากทางจังหวัดในปี 2544 ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดร้อย-แก่น-สาร ยังได้ช่วยเหลือให้ความรู้แก่กลุ่มในการนำผ้าไหมมาแปรรูปตัดเย็บเป็นเสื้อสำเร็จ ส่วนเศษผ้าไหมชิ้นเล็กๆ ที่แต่ก่อนเคยทิ้งไป ก็นำมาประดิษฐ์เป็นของอื่นๆ เช่น ผีเสื้อ และยามที่นายกฯ หรือรัฐมนตรี มาเยี่ยมหรือมาดูงานที่ จ.มหาสารคาม ทางจังหวัดก็จะมอบเสื้อลายสร้อยดอกหมากให้ใส่ ทำให้คนทั่วไปได้เห็นผ่านทางสื่อต่างๆ

กระทั่งในปี 2547 ผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้อยดอกหมาก ของกลุ่มก็ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้าโอทอป 4 ดาว ทำให้มีคนสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น โดยลูกค้าจะเห็นสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.thaitambon.com และสั่งสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งทางกลุ่มจะส่งเป็นพัสดุเก็บเงินปลายทาง

“ที่เห็นจากเว็บไซต์ เขาจะสั่งเป็นชุดสำเร็จ ถ้าจะสั่งผ้าผืนครั้งละเป็น 100 เมตร เราทำไม่ไหว เพราะลายเล็ก ทอยาก ต้องใช้เวลามากในการทอ เราจึงเน้นขายครั้งละไม่มาก แต่ขายได้เรื่อยๆ อย่างเวลาเราทออยู่ ถ้ามีคนมาดูแล้วอยากได้ผืนนั้น เราก็ตัดขายเลย”

สมจิตร เล่าต่อว่า ลูกค้าส่วนมากมักจะชอบสั่งสีสดที่ต้องใช้สีเคมีย้อม แต่ถ้าสั่งสีธรรมชาติก็สามารถทำให้ได้เช่นกัน

“ฉันก็เป็นคนทำสีธรรมชาติคนเดียวในกลุ่ม ถ้าเขาสั่งสีธรรมชาติฉันก็ทำให้ แต่ต้องใช้เวลาต้ม 3 วันจึงจะได้สีที่เข้มพอจะย้อมเส้นไหม ลูกค้าส่วนมากเขาก็สั่งสีเคมี เพราะมันเร็วและสีสดกว่า คนสั่งสีธรรมชาติมีน้อย”

ทั้งนี้ ผลจากการเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทำให้จากที่เคยขายได้เดือนละไม่ถึงแสนบาท ในปี 2546 กลับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 1 แสน 5 หมื่นบาท ในปี 2547 โดยยอดรวมทั้งปี 2547 อยู่ที่ 1 ล้าน 7 แสนบาท

“แต่ก่อนทำนากันเป็นอาชีพหลัก แต่เดี๋ยวนี้ทอผ้าไหมกันเป็นอาชีพหลัก มีเงินส่งลูกหลานเรียนสูงๆ ส่วนคนที่ไม่มีลูกหลานก็มีเงินเก็บไว้ซื้อวัว ทำไร่ ทำนา หรือเผื่อไว้ยามเจ็บไข้ได้ป่วยด้วย”

“ส่วนเป้าหมายต่อไปของเราก็คือการเพิ่มดาวจาก 4 เป็น 5 ดาวให้ได้ในปี 2548 โดยจะคงคุณภาพของการทอผ้าไว้ให้ดีเหมือนเดิม แต่ที่จะปรับปรุงก็คือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นคะแนนส่วนหนึ่งในการคัดสรรโอทอปด้วย” สมจิตร กล่าว

ติดต่อกลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุดร้ง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม โทร.0-4372-8259





กำลังโหลดความคิดเห็น