เครื่องถมเป็นงานช่างชั้นสูงสำหรับเครื่องราชูปโภค และเครื่องบรรณาการโดยเฉพาะเครื่องถมทอง ส่วนเครื่องถมเงินเป็นสิ่งของประทานสำหรับขุนทางในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้โปรดรับสั่งให้เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช จัดช่างถมชาวนครศรีธรรมราชที่มีฝีมือเข้าไปทำเครื่องถม เพื่อส่งไปบรรณาการแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และในรัชกาลนี้ยังได้ส่งราชทูตสยามไปถวายบรรณาการ “กางเขนถม” ต่อสันตะปาปา ณ กรุงโรมด้วย ส่งผลให้ช่างถมเฟื่องฟูมาก จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ.2310 ศิลปหัตถกรรมเครื่องถมก็สาปสูญไป
บ้างก็ถูกทำลายเป็นอันมาก ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงฟื้นฟูศิลปะหัตกรรมขึ้นอีกพร้อมกับสร้างเครื่องราชูปโภค เครื่องถมจึงพัฒนาตลอดมาจนสามารถนำไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่พระมหากษัตริย์และราชาบดีต่างประเทศ
ว่ากันว่าแหล่งผลิตงานเครื่องถมที่เฟื่องฟูมากที่สุดอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและยังเป็นที่เลื่องลือกันมาจนถึงปัจจุบันว่า ช่างถมฝีมือดีมีอยู่ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น โดยที่เจ้าเมืองในยุคสมัยเป็นผู้ให้การสนับสนุนส่งเสริมมาตลลอด ส่วนช่างฝีมือชาวนครฯ ก็ได้พัฒนางานเครื่องถมของตนเรื่อยมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น จนเรียกกันติดปากว่า “เครื่องถมเมืองนคร” ซึ่งอยู่ 2 ชนิดคือ ถมเงิน และถมทอง โดยที่เครื่องถมเป็นศิลปหัตถกรรมที่สำคัญและสวยงามอย่างหนึ่งจากช่างฝีมือคนไทย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงนุรักษ์เครื่องถมไว้ในกองศิลปาชีพ และได้ทรงเผยแพร่ไปให้ชาวโลกได้เห็นและชื่นชมในความสามารถของคนไทย ด้านศิลปหัตถกรรมและวัฒนธรรมไทย
การทำเครื่องถมที่มีคุณภาพดีและงดงามที่สุด คือเครื่องถมเมืองนครศรีฯ ได้มีการส่งเสริมขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (หนูพร้อม) แต่ครั้งนั้นยังเป็นพระยานครศรีธรรมราช ได้หาช่างไปจากรุงเทพฯ เพื่อทำการฝึกฝนและได้กวดขันจนช่างถมเมืองนครศรีธรรมราชฝีมือสูงแต่นั้นมา และได้สร้างงานศิลปะชิ้นสำคัญต่างๆ เช่น พระราชยานถม พระที่นั่งภัทรปิฐ และพระแท่นพุดตานถม เป็นต้น


