จากแนวคิดเพียงแค่ ทำอย่างไรก็ได้ ขอแค่ให้มีรายได้เป็นค่าเช่าร้านทำหัวโขน กิจการที่สร้างขึ้นจากสิ่งที่รักและเพื่อหวังอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทย แต่ผลตอบรับกลับไม่เป็นอย่างคิด อีกทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายในการทำหัวโขนสูง เพราะใช้วัสดุจากต่างประเทศ เลยเปลี่ยนวิธีการนำเสนอผลงาน โดยนำลายหัวโขนมาออกแบบใหม่ให้อยู่ในรูปของลายเสื้อประกอบกับมีโรงงานผลิตเสื้ออยู่แล้ว จึงกลายเป็นจุดพลิกผันในชีวิตให้เกิดเสื้อแบรนด์ “มัจฉานุ” ทดแทนความตั้งใจเดิมที่จะทำและขายหัวโขนเพียงอย่างเดียว มาสู่ขายเสื้อนำและตามด้วยขายหัวโขนสำหรับกลุ่มที่สนใจจริงๆ

นายสกล อินทรทูต เจ้าของไอเดียเสื้อแบรนด์ไทยแท้ “มัจฉานุ” กล่าวถึงที่มาของชื่อแบรนด์ว่า ชอบในคาแรตเตอร์ของตัวละครตัวนี้ มองว่ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ความเก่งกาจก็เทียบเท่าหนุมาน และมีความต่างจากหนุมาน คือสามารถอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก แถมยังเป็นเจ้าแห่งบาดาล และยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งตัวหนุมานนั้นคนจะรู้จักและนำมาใช้กันเยอะแล้ว
ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายปลีกตัวละประมาณ 199 บาท การออกแบบลวดลาย เริ่มแรกจะเป็นเหมือนตัวละครต้นฉบับ ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบและลวดลายใหม่ให้มีความเป็นตัวการ์ตูนมากขึ้น ส่งผลให้ยอดจำหน่ายเริ่มดีขึ้น มีการตอบรับเข้ามามาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักศึกษาวัยรุ่นอายุ 20-25 ปี เพราะเข้าใจในเจตนารมณ์ของตัวสินค้าได้ดี ซึ่งไม่ได้เป็นกลุ่มลูกค้าที่ตั้งเป้าไว้เลย

“ในตอนแรกตั้งเป้าไว้ว่าจะจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับไม่ได้รับความสนใจเพราะวัฒนธรรมของประเทศไทยนั้นแตกต่างจากประเทศอื่น แต่ก็มีประเทศญี่ปุ่นที่สนใจสั่งสินค้าไปจำหน่าย 2 - 3 พันตัวต่อเดือน โดยส่งออกในราคาตัวละ 130 บาท ซึ่งในตลาดส่งออก ราคานี้นับว่าราคาแพงทีเดียว แต่ทางร้านมีวิธีบอกกับทางลูกค้าประเทศญี่ปุ่นว่า เรามีศิลปินที่ต้องดูแลซึ่งต้นทุนในการผลิตก็เท่าๆกับเสื้อธรรมดาทั่วไป แต่เงินในส่วนตรงนี้ อาจจะประมาณ 20 บาทต่อ 1 ตัว เพื่อจะได้อนุรักษ์ช่างฝีมือที่ทำหัวโขนเอาไว้ ” นายสกล กล่าว
เจ้าของแบรนด์ “มัจฉานุ” เล่าถึงอุปสรรคในการทำงาน คือ ความเชื่อของคนไทยซึ่งบางส่วนจะมองว่านำของสูงมาลบหลู่ แต่จริงๆแล้วเป็นงานศิลปะมากกว่า ซึ่งความเชื่อของคน มักจะสวนทางกัน จึงพยายามปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากสี ลาย ให้มีความเป็นกลางมากที่สุด เพิ่มความเป็นสากล และพยายามนำแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งเปลี่ยนวิธีการนำเสนอ เป็นปลอกหมอน หรือหมวก เป็นต้น ใช้ระยะเวลาถึง 6 ปี เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ออกมาอยู่เรื่อยๆ พยายามหาจุดตรงกลาง เช่น ให้อยู่ในรูปของลายการ์ตูนเพื่อลดความแรงของรูปหัวโขนลง และอยากให้คิดว่าลายไทยไม่ได้น่ากลัว แต่คือรากเหง้าของคนไทย

ทั้งนี้ ในด้านคู่แข่ง นายสกล กล่าวว่า ไม่เคยสนใจเลย พยายามทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองออกมา แข่งกับตัวเองมากกว่า ว่าจะทำอย่างไรให้มันขายได้ เช่น มีปัญหาข้อใดเข้ามา ต้องพยายามตีโจทย์นั้นให้ได้ และทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าขายไม่ได้ต้องโทษตัวเองไม่เกี่ยวกับสินค้าตัวอื่นและไม่เคยคิดท้อถอย เพียงแค่ขอให้ได้ทำ ก็สนุกแล้ว ไม่ได้ใส่ใจด้านการแข่งขันมากมาย เพราะสิ่งที่ทำอยู่ คือ การเลือกดำเนินชีวิตของตัวเองมากกว่า

ในอนาคตนายสกล มองไว้ 2 ประเด็น ประการแรก ต้องการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากปัจจุบันที่มี ปลอกหมอน หมวก พวงกุญแจ และของตกแต่งบ้าน เพราะอยากให้คนที่มาซื้อของที่ร้านได้ครบทุกอย่างไม่ใช่ได้เสื้อกลับไปเพียงอย่างเดียว
ในส่วนของเสื้อก็จะมีลายใหม่ออกมาคือ “มัจฉานุในแนวฮิบฮอบ” ภายในเดือนตุลาคมนี้จะวางจำหน่ายที่จตุจักรโครงการ 22 ซอย 4 และ ซอย 5 นอกจากนั้น อาจจะหยิบคาแรกเตอร์ตัวละครเด่นๆ มาเป็นลายเสื้อเพิ่มเติม เช่น เงาะป่า อีกทั้ง พยายามขยายการส่งออกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพราะทางร้านมีกำลังการผลิตพร้อม ทั้งนี้ ตลาดส่งออกประเทศออสเตรเลีย สนใจมาติดต่อแล้ว ซึ่งจะทราบผลภายใน 3 เดือน
อีกประการ คือ นำผลงานหัวโขนออกแสดงในกลางปีหน้า ภายใต้ชื่อของตัวเอง และกลุ่มของตัวเอง ณ หอศิลป์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุดเด่นในการแสดงงานครั้งนี้ นำเสนอตัวละครมัจฉานุเป็นตัวเอก

นายสกล ทิ้งท้ายไว้ว่า อยากให้คนไทยภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง ศิลปะไทยสามารถอยู่ในชีวิตประจำวันได้ อยู่ใกล้ตัวเราจนสามารถหาดูเมื่อไรก็ได้ อยากให้รู้ว่าศิลปะของประเทศไทยไม่ได้แพ้ชาติอื่น อยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ช่างฝีมือการทำหัวโขนเอาไว้ ซึ่งหมายถึงช่างฝีมือที่ดีไม่ใช่ช่างที่ทำได้ อยากให้มองเพื่อประเทศชาติ และช่วยกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยไว้ซึ่งนับวันจะลดน้อยลงไปตามกระแสวัฒนธรรมอื่นที่ค่อยๆแทรกเข้ามาในยุคปัจจุบัน
สนใจสอบถามได้ที่ คุณสกล อินทรฑูต โทร 0-9799-1390 โทรสาร 0-2428-3575
นายสกล อินทรทูต เจ้าของไอเดียเสื้อแบรนด์ไทยแท้ “มัจฉานุ” กล่าวถึงที่มาของชื่อแบรนด์ว่า ชอบในคาแรตเตอร์ของตัวละครตัวนี้ มองว่ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ความเก่งกาจก็เทียบเท่าหนุมาน และมีความต่างจากหนุมาน คือสามารถอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก แถมยังเป็นเจ้าแห่งบาดาล และยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งตัวหนุมานนั้นคนจะรู้จักและนำมาใช้กันเยอะแล้ว
ทั้งนี้ ราคาจำหน่ายปลีกตัวละประมาณ 199 บาท การออกแบบลวดลาย เริ่มแรกจะเป็นเหมือนตัวละครต้นฉบับ ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบและลวดลายใหม่ให้มีความเป็นตัวการ์ตูนมากขึ้น ส่งผลให้ยอดจำหน่ายเริ่มดีขึ้น มีการตอบรับเข้ามามาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักศึกษาวัยรุ่นอายุ 20-25 ปี เพราะเข้าใจในเจตนารมณ์ของตัวสินค้าได้ดี ซึ่งไม่ได้เป็นกลุ่มลูกค้าที่ตั้งเป้าไว้เลย
“ในตอนแรกตั้งเป้าไว้ว่าจะจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับไม่ได้รับความสนใจเพราะวัฒนธรรมของประเทศไทยนั้นแตกต่างจากประเทศอื่น แต่ก็มีประเทศญี่ปุ่นที่สนใจสั่งสินค้าไปจำหน่าย 2 - 3 พันตัวต่อเดือน โดยส่งออกในราคาตัวละ 130 บาท ซึ่งในตลาดส่งออก ราคานี้นับว่าราคาแพงทีเดียว แต่ทางร้านมีวิธีบอกกับทางลูกค้าประเทศญี่ปุ่นว่า เรามีศิลปินที่ต้องดูแลซึ่งต้นทุนในการผลิตก็เท่าๆกับเสื้อธรรมดาทั่วไป แต่เงินในส่วนตรงนี้ อาจจะประมาณ 20 บาทต่อ 1 ตัว เพื่อจะได้อนุรักษ์ช่างฝีมือที่ทำหัวโขนเอาไว้ ” นายสกล กล่าว
เจ้าของแบรนด์ “มัจฉานุ” เล่าถึงอุปสรรคในการทำงาน คือ ความเชื่อของคนไทยซึ่งบางส่วนจะมองว่านำของสูงมาลบหลู่ แต่จริงๆแล้วเป็นงานศิลปะมากกว่า ซึ่งความเชื่อของคน มักจะสวนทางกัน จึงพยายามปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากสี ลาย ให้มีความเป็นกลางมากที่สุด เพิ่มความเป็นสากล และพยายามนำแฟชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งเปลี่ยนวิธีการนำเสนอ เป็นปลอกหมอน หรือหมวก เป็นต้น ใช้ระยะเวลาถึง 6 ปี เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ออกมาอยู่เรื่อยๆ พยายามหาจุดตรงกลาง เช่น ให้อยู่ในรูปของลายการ์ตูนเพื่อลดความแรงของรูปหัวโขนลง และอยากให้คิดว่าลายไทยไม่ได้น่ากลัว แต่คือรากเหง้าของคนไทย
ทั้งนี้ ในด้านคู่แข่ง นายสกล กล่าวว่า ไม่เคยสนใจเลย พยายามทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองออกมา แข่งกับตัวเองมากกว่า ว่าจะทำอย่างไรให้มันขายได้ เช่น มีปัญหาข้อใดเข้ามา ต้องพยายามตีโจทย์นั้นให้ได้ และทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าขายไม่ได้ต้องโทษตัวเองไม่เกี่ยวกับสินค้าตัวอื่นและไม่เคยคิดท้อถอย เพียงแค่ขอให้ได้ทำ ก็สนุกแล้ว ไม่ได้ใส่ใจด้านการแข่งขันมากมาย เพราะสิ่งที่ทำอยู่ คือ การเลือกดำเนินชีวิตของตัวเองมากกว่า
ในอนาคตนายสกล มองไว้ 2 ประเด็น ประการแรก ต้องการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากปัจจุบันที่มี ปลอกหมอน หมวก พวงกุญแจ และของตกแต่งบ้าน เพราะอยากให้คนที่มาซื้อของที่ร้านได้ครบทุกอย่างไม่ใช่ได้เสื้อกลับไปเพียงอย่างเดียว
ในส่วนของเสื้อก็จะมีลายใหม่ออกมาคือ “มัจฉานุในแนวฮิบฮอบ” ภายในเดือนตุลาคมนี้จะวางจำหน่ายที่จตุจักรโครงการ 22 ซอย 4 และ ซอย 5 นอกจากนั้น อาจจะหยิบคาแรกเตอร์ตัวละครเด่นๆ มาเป็นลายเสื้อเพิ่มเติม เช่น เงาะป่า อีกทั้ง พยายามขยายการส่งออกตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพราะทางร้านมีกำลังการผลิตพร้อม ทั้งนี้ ตลาดส่งออกประเทศออสเตรเลีย สนใจมาติดต่อแล้ว ซึ่งจะทราบผลภายใน 3 เดือน
อีกประการ คือ นำผลงานหัวโขนออกแสดงในกลางปีหน้า ภายใต้ชื่อของตัวเอง และกลุ่มของตัวเอง ณ หอศิลป์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุดเด่นในการแสดงงานครั้งนี้ นำเสนอตัวละครมัจฉานุเป็นตัวเอก
นายสกล ทิ้งท้ายไว้ว่า อยากให้คนไทยภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง ศิลปะไทยสามารถอยู่ในชีวิตประจำวันได้ อยู่ใกล้ตัวเราจนสามารถหาดูเมื่อไรก็ได้ อยากให้รู้ว่าศิลปะของประเทศไทยไม่ได้แพ้ชาติอื่น อยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ช่างฝีมือการทำหัวโขนเอาไว้ ซึ่งหมายถึงช่างฝีมือที่ดีไม่ใช่ช่างที่ทำได้ อยากให้มองเพื่อประเทศชาติ และช่วยกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยไว้ซึ่งนับวันจะลดน้อยลงไปตามกระแสวัฒนธรรมอื่นที่ค่อยๆแทรกเข้ามาในยุคปัจจุบัน
สนใจสอบถามได้ที่ คุณสกล อินทรฑูต โทร 0-9799-1390 โทรสาร 0-2428-3575