อย. เชื่อมโยงพลังภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนมากกว่า 70 หน่วยงาน ร่วมสนับสนุนพร้อมจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที กว่า 2 ล้านชิ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์มหาอุทกภัยภาคใต้และเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมย้ำความร่วมมือทุกภาคส่วนเป็นพลังสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนในยามเกิดวิกฤต
วันนี้ (24 ธ.ค.) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์มหาอุทกภัยภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา ต่อเนื่องด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้มีประชาชนได้รับผลกระทบหลายแสนราย
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดตั้งศูนย์สนับสนุนยาและเวชภัณฑ์สู้ภัยพิบัติแห่งชาติขึ้น เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนและดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้ประสบภัย โดยได้รับความร่วมมืออย่างเข้มแข็งจากภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนมากกว่า 70 หน่วยงาน หน่วยสนับสนุนยา เวชภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น องค์การเภสัชกรรม สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน บจก.เอ็มเมอรัล นอนวูเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล บจก.เอ็นโดเมด (1999) บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เป็นต้น และหน่วยสนับสนุนการขนส่งไปยังพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ กองทัพเรือ กองทัพอากาศ การบินไทย และไปรษณีย์ไทย รวมสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุนมีกว่า 2 ล้านชิ้น ประกอบด้วย ด้านยา อาทิ ยาสามัญประจำบ้าน ยาสำหรับโรคระบาด ยาทาน้ำกัดเท้า และยาป้องกันและรักษาโรคบาดทะยัก ด้านเวชภัณฑ์ อาทิ หน้ากากอนามัย ถุงมือทางการแพทย์ เสื้อกาวน์ ชุดทำแผลและชุดตรวจโรค รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ นม ยากันยุง น้ำยาทำความสะอาด สบู่ แชมพู และยาสีฟัน
อย. ขอขอบคุณทุกความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งสะท้อนถึงพลังความร่วมมือและความห่วงใยของสังคมไทยในการดูแลกันและกันในยามเกิดภัยพิบัติ และเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อประชาชน
เลขาธิการฯ อย. กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. ยืนยันจะเดินหน้าบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดหาและกระจายยาและเวชภัณฑ์มีความเพียงพอ มีคุณภาพ และเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว พร้อมยึดความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนเป็นศูนย์กลางในทุกสถานการณ์


