เอกสารโบราณคือร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่เก็บบันทึกเรื่องราวและองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ มีคุณค่าของผู้คนในอดีตไว้ ความสำคัญของเอกสารโบราณอยู่ที่เรื่องราวที่ถูกเก็บบันทึกไว้ ที่บางเรื่องอาจไม่มีการกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ เช่น ข้อมูลทางการแพทย์ ความเชื่อ วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้นั้นอาจสูญหาย หากไม่มีการอนุรักษ์และถ่ายทอดต่อ เอกสารโบราณเหล่านี้จึงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพและเข้าใจถึงการดำรงชีวิต ความคิดในสังคมและภูมิปัญญาของคนในยุคนั้น ๆ ได้
จังหวัดน่านถือเป็นหนึ่งในแหล่งที่อุดมด้วยเอกสารโบราณ ไม่ว่าจะเป็น ปั๊บสาและตำราใบลาน ที่บันทึกทั้งเรื่องราววิถีชีวิต ประเพณี และตำรายาโบราณ ขุมทรัพย์เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการตีความและศึกษา หญ้ายา (YAYA) พืชที่มีสรรพคุณทางยาและเป็นตัวแทนของภูมิปัญญาอันล้ำค่าของน่าน
สำหรับประเทศไทย มีการค้นพบเอกสารโบราณหลากหลายประเภท เช่น
● จารึก : เป็นเอกสารโบราณที่เก่าแก่ที่สุด โดยจะสลักหรือจารตัวอักษรลงบนวัสดุเนื้อแข็ง เช่น หิน แผ่นทอง แผ่นทองแดง ใช้สำหรับประกาศกฎหมายหรือบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ตัวอย่างที่รู้จักกันดี คือ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ในสมัยสุโขทัย
● หนังสือสมุดไทย : ทำจากเปลือกไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น เปลือกข่อย เปลือกปอ ที่นำมาทำเนื้อกระดาษหนา เหนียวและทนทาน มักถูกนำมาใช้บันทึกคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ตำรายา และตำรากฎหมาย
● คัมภีร์ใบลาน : ทำจากใบตาลหรือใบลานที่ผ่านการตาก แช่น้ำ เกลาและขูดให้เรียบ ก่อนนำมาจารอักษรด้วยเหล็กแหลมและชโลมหมึกทับลงไป มักใช้บันทึกพระไตรปิฎก บทสวด และตำราโหราศาสตร์
เอกสารเหล่านี้กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งการค้นพบเอกสารโบราณในแต่ละพื้นที่ ทั้งเนื้อหา และภาษาที่บันทึกก็จะแตกต่างกันตามไปด้วย เช่น ภาคใต้บันทึกด้วยอักษรยาวี ภาคเหนือบันทึกไว้ด้วยอักษรล้านนา ทำให้ต้องมีการตีความเอกสารโบราณเหล่านี้ เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถเข้าถึงแก่นแท้ขององค์ความรู้ที่บรรพบุรุษต้องการส่งต่อให้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
การตีความและการแปลเอกสารโบราณ
การศึกษาเอกสารโบราณจะอยู่ในความรับผิดชอบของกลุ่มงานภาษาโบราณ ในสังกัดของสำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร โดยจะอาศัยความเชี่ยวชาญของ ‘นักภาษาโบราณ’ ซึ่งมีหน้าที่ในการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์อักษรโบราณที่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาต่อ พร้อมนำไปคัดลอกและอ่านแปลอักษรและตีความจากภาษาโบราณเหล่านี้
การตีความเอกสารโบราณนั้นเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุด และมีความซับซ้อน ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างสูง โดยผู้ตีความจะต้องนำข้อมูลที่ได้จากการแปลมาประกอบกับบริบททางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความเชื่อในยุคสมัยนั้น เพื่อทำความเข้าใจเจตนาของผู้บันทึก และความหมายที่แท้จริงของเนื้อหา เพราะเอกสารโบราณมักจะบันทึกเรื่องราวเฉพาะบุคคล ไม่ใช่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ครอบคลุม การตีความจึงอาจเกิดข้อผิดพลาดได้จากหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น
● ข้อจำกัดทางภาษา : ภาษาที่ใช้ในแต่ละเอกสารนั้นเก่าแก่ มีที่มาและอายุที่แตกต่างกันมาก ทำให้ความหมายของคำศัพท์อาจคลาดเคลื่อนไปจากปัจจุบันได้
● สภาพความชำรุดของเอกสาร : ตัวอักษรที่ลบเลือนหรือส่วนที่ขาดหายไป อาจทำให้เนื้อหาบางส่วนไม่สมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องอาศัยการตีความหรือเทียบเคียงกับเอกสารโบราณอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของเนื้อหาได้
● ข้อจำกัดด้านเนื้อหาและแหล่งที่พบ : การที่ข้อมูลมีขอบเขตจำกัดและอาจมีการเคลื่อนย้ายเอกสารจากที่อยู่เดิม ทำให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์หรือชื่อสถานที่เกิดความสับสนได้
สำหรับการแปลเอกสารโบราณเป็นภาษาปัจจุบัน นักภาษาโบราณต้องทำอย่างละเอียด ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ โดยการศึกษาคำศัพท์โบราณจากวรรณกรรมหรือภาษาท้องถิ่นที่ยังคงใช้กันอยู่ ควรแปลแบบประโยคต่อประโยค หรือบรรทัดต่อบรรทัด เพื่อให้ได้เข้าใจในข้อมูลตรงกับต้นฉบับมากที่สุด
ปั๊บสาแห่งน่าน ขุมทรัพย์ที่นำไปสู่การค้นพบหญ้ายา
นอกเหนือจากเอกสารโบราณทั้งสามประเภทข้างต้น ในดินแดนล้านนายังมีเอกสารอีกรูปแบบหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับทางภูมิปัญญา นั่นคือเอกสารที่ทำจากกระดาษสาที่เรียกว่า ‘ปั๊ปสา’ หรือ ‘พับสา’ มรดกที่จารึกภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านของชาวน่านเอาไว้ สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
ปั๊บสา มีบทบาทในการบันทึกเรื่องราวของวิถีชีวิตคนในชุมชนเมืองน่านเป็นอย่างมาก การบันทึกพิธีกรรมก็เช่นกัน มีการบันทึกถึงวิถีคนโบราณที่มีการใช้พืชที่มีสรรพคุณทางยามาประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ เช่น การเอาพืชยาต่าง ๆ มาต้มรวมกันในน้ำ เพื่อให้คนได้นำไปอาบเพื่อเสริมสิริมงคล หรือรักษาบาดแผล
มากกว่านั้นปั๊บสายังบันทึกสูตรยาที่ได้จากพืชต่าง ๆ วิธีการรักษาโรคหลากหลาย ผ่านตัวอักษรล้านนา ทำให้มีการค้นพบว่าพืชที่มีสรรพคุณทางยานั้นสามารถรักษาโรคและบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้จริง เอกสารโบราณทั้งหลายที่ค้นพบในจังหวัดน่านจึงกลายเป็นตำรายา 700 ปีและเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่เรียกว่า หญ้ายา (YAYA)
สรุปได้ว่า
เอกสารโบราณ คือ มรดกอันทรงคุณค่าของบรรพบุรุษไทยที่ถ่ายทอดไว้ให้คนรุ่นหลังในพื้นที่ได้นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมภูมิปัญญาของตน และคุณค่าของเอกสารโบราณเหล่านี้จะปรากฏชัดเจนขึ้นก็ต่อเมื่อมีการนำภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่มาประยุกต์ใช้ในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์ พร้อมกับอนุรักษ์ภูมิปัญญาดั้งเดิมเอาไว้ ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา
เอกสารโบราณของน่านจึงไม่ใช่แค่เอกสารทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นดั่งสะพานเชื่อมอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตของภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะในเรื่องการใช้พืชพื้นถิ่นอย่างหญ้ายา มาใช้รักษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพของคนไทย เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในการส่งต่อมรดกทางภูมิปัญหาของชาวน่าน
ข้อมูลอ้างอิง
https://manuscript.nlt.go.th/
https://yaya.co.th/healing-knowledge-nan-forest/
http://digital.nlt.go.th/dlib/files/original/b51604f0999e4173d1d3aa52ea67f6f1.pdf
https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/60233/blo
https://www.sac.or.th/portal/th/article/detail/366
https://www.thestorythailand.com/29/07/2025/158996/
https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JMHR/article


