xs
xsm
sm
md
lg

เปิดผลวิจัยล่าสุดพบสารหนูเกินระดับปลอดภัยในขนมสัตว์เลี้ยงฉลามอบแห้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดผลวิจัยล่าสุดพบสารหนูเกินระดับปลอดภัยในขนมสัตว์เลี้ยงฉลามอบแห้ง หวั่นกระทบสุขภาพสัตว์เลี้ยงระยะยาว


วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับองค์กรไวล์ดเอด (WildAid) และโอเชียน บลู ทรี (Ocean Blue Tree) เผยผลการตรวจสอบโลหะหนัก และสารอาหารใน ผลิตภัณฑ์ขนมขัดฟันสัตว์เลี้ยงที่ทำจากฉลาม ประเภทกระดูกอ่อน และฉลามอบแห้งทั้งตัว พบสารหนูในผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท โดยเฉพาะฉลามอบแห้งทั้งตัว ที่ร้อยละ 50 ของตัวอย่าง มีปริมาณสารหนูที่เกินค่าความปลอดภัย เตือนเสี่ยงกระทบสุขภาพสัตว์เลี้ยงหากบริโภคต่อเนื่องในระยะยาว
การศึกษาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณโลหะหนัก ประเภทสารหนู แคดเมียม และปรอท ในผลิตภัณฑ์ขนมขัดฟันสัตว์เลี้ยงที่ทำจากฉลาม เนื่องจากฉลามเป็นผู้ล่าลำดับต้น ๆ ในห่วงโซ่อาหาร มีแนวโน้มสะสมสารพิษ ในร่างกายสูงกว่าสัตว์น้ำชนิดอื่น รวมถึงศึกษาปริมาณสารอาหารบางชนิด ได้แก่ โซเดียมและแคลเซียม ซึ่งมักถูกใช้ เป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ขนมขัดฟันสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยนำผลที่ได้ไปประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของ สัตว์เลี้ยงจากการบริโภค การศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการลดความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำจากฉลาม โดยเฉพาะขนมสัตว์เลี้ยง ซึ่งภายใต้โครงการดังกล่าวยังรวมถึงการวิจัยดีเอ็นเอเพื่อระบุชนิดของฉลามที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวด้วย เพื่อนำผลไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดแนวทางอนุรักษ์ ปรับปรุงกฎระเบียบในการติดตาม การค้าฉลามภายในประเทศในอนาคต
ผลการสำรวจตลาดเบื้องต้นผ่านช่องทางออนไลน์โดยองค์กรไวล์ดเอดในช่วงต้น กลาง และปลาย พ.ศ. 2567 รวม
30 วันพบว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งมีร้านค้าออนไลน์มากกว่า 100 ร้านในประเทศไทยที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว สอดคล้องกับตลาดผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และพบว่ามีขนมขัดฟันสุนัขและแมวกว่า 10 ชนิด ที่ระบุว่าทำมาจากฉลาม โดยกระดูกอ่อนฉลาม และฉลามอบแห้งทั้งตัว เป็นสินค้าที่พบการจำหน่ายมากที่สุด และมักระบุว่ามีสารอาหารที่สัตว์เลี้ยงต้องการในปริมาณสูง เช่น โปรตีน แคลเซียม และอื่น ๆ ที่เชื่อว่าดีต่อสุขภาพของกระดูก ฟันและข้อต่อ


ทีมวิจัยจาก สจล. นำตัวอย่างกระดูกอ่อนฉลาม 50 ตัวอย่าง และฉลามอบแห้งทั้งตัวจำนวน 12 ตัวอย่าง จากการสุ่มตัวอย่างมาวิเคราะห์ปริมาณสารโลหะหนักประเภทสารหนู แคดเมียม และปรอท พบว่า ตัวอย่างฉลามอบแห้งครึ่งหนึ่ง มีระดับสารหนูเกินค่าความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ขณะที่งานวิจัยเชิงทดลองที่ ผ่านมาในต่างประเทศยังพบความเชื่อมโยงของการสะสมของสารหนูในระยะยาวกับความเสี่ยงของการเกิดโรคตับ ไต และโรคทางผิวหนังในสุนัข นอกจากนี้ยังตรวจพบแคดเมียมและปรอทในผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท แม้จะอยู่ในระดับ ที่ไม่เกินค่าความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานสากล แต่งานวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศยังพบความเชื่อมโยง ของการเกิดโรคในไต โรคระบบประสาท และอาจมีผลต่อกระบวนการสร้างกระดูกทั้งในสุนัขและแมว หากมีการสะสม ในระยะยาว

ผศ. ดร.วัลย์ลดา กลางนุรักษ์ หัวหน้าทีมวิจัยและอาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. กล่าวว่า “การบริโภคขนมขัดฟันสัตว์เลี้ยงที่ทำจากฉลามในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสุนัขและแมว เนื่องจากการ สะสมของโลหะหนักในร่างกาย ฉลามเป็นสัตว์ผู้ล่าลำดับต้น ๆ ของห่วงโซ่อาหารและมีอายุยืน ทำให้มีแนวโน้ม ที่จะสะสมสารพิษได้มากกว่าสัตว์ชนิดอื่น ในขณะที่แหล่งแคลเซียมทางเลือก เช่น ปลากระดูกแข็ง จากการศึกษาครั้งนี้ ไม่พบแคดเมียม และปรอท และพบปริมาณสารหนูในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากฉลาม จึงอาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ควรต้องมีการควบคุมระดับโซเดียมอย่างเข้มงวดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมเกินขนาดในสัตว์เลี้ยง”

แนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก (Pet Parenting) กำลังส่งผลให้ความต้องการสินค้า สัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียม และสินค้าที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงขนมขัดฟันการสำรวจความคิดเห็น ผู้เลี้ยงสุนัขและแมว จำนวน 419 คน ในกรุงเทพฯ และจังหวัดสำคัญ โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต แบ่งเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จากฉลาม 70% และผู้ไม่ใช้ 30% พบว่า แรงจูงใจในการซื้อขนมขัดฟันจากฉลาม เพราะเชื่อว่ามีคุณค่า ทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ ของสัตว์เลี้ยง (67%) และมองว่าการซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นการแสดงความรักและเอาใจใส่ (38%) แต่ความกังวลด้าน ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และความยั่งยืนของสินค้าอาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อในอนาคต ทั้งนี้ผู้เลี้ยงยังตระหนักถึง ความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์จากฉลามและผลกระทบที่อาจมีต่อระบบนิเวศไม่มากนัก สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็น ในการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสุนัขซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าดังกล่าว


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไวล์ดเอด ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ฉลาม พบแนวโน้มที่น่ากังวลของการ จำหน่ายขนมขัดฟันสัตว์เลี้ยงที่ทำจากฉลามในประเทศไทยและพบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีทั้งแบบที่ระบุบนซองผลิตภัณฑ์ และที่ไม่ระบุว่าทำมาจาก “ฉลาม” โดยอาจเรียกว่า “กระดูกอ่อนปลา” หรือ “กระดูกปลา” ซึ่งอาจทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยง ไม่ทราบว่ากำลังซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากฉลาม นอกจากนี้การสำรวจความคิดเห็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง 50 ราย​ ในกรุงเทพฯและจังหวัดสำคัญ โดยบริษัท พี.ไอ.วาย.เอ รีเสิร์ช จำกัด พบว่าผู้ขายส่วนใหญ่ขาดข้อมูลแหล่งที่มา ชนิดของฉลาม กระบวนการผลิต และส่วนใหญ่เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นเพียง “ผลพลอยได้” จากอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล

ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์และที่ปรึกษาองค์กรไวล์ดเอด เผยว่า “หลายคนเข้าใจว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมประมงและคิดว่าการใช้ทุกส่วนของฉลามเป็นสิ่งที่ยั่งยืน แต่นี่คือความเข้าใจ ที่ผิดเพราะในขณะที่ 1 ใน 3 ของชนิดฉลามทั่วโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงสูญพันธุ์จากการทำประมง เกินขนาด การใช้ประโยชน์ ทุกส่วนไม่ได้เท่ากับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนตรงกันข้ามผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจกระตุ้น ความต้องการ ในการจับฉลามเพิ่มขึ้น และขาดแรงจูงใจที่จะหาแนวทางลดการจับฉลามเป็นสัตว์น้ำพลอยได้”

จากการสำรวจตลาดซื้อขายผลิตภัณฑ์ขนมขัดฟันฉลามทางออนไลน์อย่างไม่เป็นทางการโดยองค์กรไวล์ดเอด และการสำรวจความคิดเห็นผู้จำหน่ายโดยบริษัท พี.ไอ.วาย.เอ รีเสิร์ช จำกัด ทำให้เห็นแนวโน้มที่ตรงกันว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ไม่มีฉลากระบุชนิดของฉลามและแหล่งที่มาของสินค้า ซึ่งตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะขาดการตรวจสอบย้อนกลับ การให้ขนมเหล่านี้กับสัตว์เลี้ยงจึงไม่ใช่การสนับสนุนแนวทางการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ขณะที่ปัจจุบันฉลามกว่า 80 ล้าน ตัวถูกฆ่าต่อปีจากการทำประมงเกินขนาดและความต้องการบริโภค โดยประมาณ 1 ใน 3 หรือราว 25 ล้านตัว เป็นชนิดที่เสี่ยง ต่อการสูญพันธุ์อีกด้วย

“ตราบใดที่เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผลิตภัณฑ์จากฉลามเหล่านั้น มีแหล่งที่มาจากการทำประมงและการนำเข้า-ส่งออกที่ถูกกฎหมาย มีกระบวนการที่ได้มาตามมาตรฐานจริยธรรม และคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งในและระหว่างประเทศ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากฉลามโดยสิ้นเชิง” ดร.เพชร กล่าวเสริม

ฉลามมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ล่าที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของห่วงโซ่อาหาร พวกมันช่วยควบคุมประชากรสัตว์น้ำอื่น ๆ ไม่ให้มีมากหรือน้อยเกินไปเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศทะเล และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพโดยรวม การศึกษานี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์จากฉลามในระยะยาวอาจเป็นภัยต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง และเป็นภัยต่อความยั่งยืนของท้องทะเลอีกด้วย

องค์กรไวล์ดเอดร่วมกับโอเชียน บลู ทรี เตรียมเปิดตัวโครงการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยเงียบ ระยะยาวของขนมขัดฟันสัตว์เลี้ยงจากฉลามที่อาจส่งผลต่อทั้งสัตว์เลี้ยงและประชากรฉลาม พร้อมทั้งมีแผนทำงานร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ เพื่อผลักดันการติดตามและตรวจสอบแหล่งที่มาการค้าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้เข้มงวดมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น