จากกรณีที่ ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ อดีตผู้สมัคร สส.เขต 1 พิษณุโลก พรรคประชาชน ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ว่า โรงพยาบาลพุทธชินราชขาดทุนเพราะอะไร สปสช. พบว่ามีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงขอชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไปดังนี้
คุณณฐชนน 1. สาเหตุหลักของปัญหานี้ ได้แก่ สปสช.งดจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลมาเป็นเวลาติดต่อกันสามเดือนแล้ว
ตอบ สปสช.จ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลตามรอบการจ่ายปกติที่ได้กำหนดไว้ตามแผนอยู่แล้ว เงินบริการส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่บริการผู้ป่วยในจ่ายให้โรงพยาบาลตามปกติไม่ได้งดจ่ายเงินติดต่อกัน 3 เดือน และในส่วนของรอบบริการผู้ป่วยในเดือน สิงหาคม – 15 กันยายน 2568 นั้น ได้ประมวลผลและจ่ายให้โรงพยาบาลแล้วเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 จำนวน 756 ล้านบาท ซึ่งยอดเงินดังกล่าวยังไม่ใช่การชำระครบถ้วน โดย สปสช. จะดำเนินการโอนเงินส่วนที่เหลือเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า จำนวน 2,753 ล้านบาท
คุณณฐชนน 2. ถึงแม้ สปสช. จะจ่ายเงินให้โรงพยาบาลต่างๆ ก็จ่ายด้วยค่าชดเชยที่ไม่เหมาะสม ล่าช้า และหักเงินอย่างไม่มีหลักการ อธิบายง่ายๆเช่น ค่า Adj.RW (เป็นค่ามาตรฐานที่ใช้สะท้อนความรุนแรงของผู้ป่วย) ที่ด้วยอัตราเงินเฟ้อ ค่าของ ค่าอุปกรณ์ ค่าแรง ปัจจุบัน ควรมีราคาที่ 1Adj.RW = 16,000 บาท แต่สปสช. กลับจ่ายด้วยค่าเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คือ 8,350 บาท
ตอบ การจ่ายเงินค่าบริการผู้ป่วยในที่ สปสช. จ่ายให้กับโรงพยาบาล ดำเนินการตามประกาศหลักเกณฑ์ มติคณะกรรมการตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช่การหักเงินอย่างไม่มีหลักการ เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้ สำหรับแนวทางและหลักเกณฑ์ของการโอนเงินให้หน่วยบริการนั้น สปสช.ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในรูปแบบของคณะกรรมการกำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของหน่วยบริการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ระดับประเทศ หรือคณะกรรมการฯ 7x7
ในส่วนอัตราจ่ายที่ 8,350 บาทต่อ Adj.RW ที่ระบุว่าไม่เหมาะสมนั้น ขณะนี้ สปสช. ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขหาแนวทางร่วมกันเพื่อเสนอรัฐบาลให้ปรับขึ้นในอัตราที่เหมาะสมต่อไป
คุณณฐชนน 3. ค่า Adj.RW ที่ควรจะจ่ายเต็ม สปสช. ยังมีข้ออ้างในการหักเงิน ให้การจ่ายเงินชดเชยโรงพยาบาลไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น โดยปัจจุบันโรงบาลพุทธของเราได้เงินอยู่ที่ 6,643 บาท
ตอบ ในปีงบประมาณ 2568 สปสช. จ่ายงบบริการผู้ป่วยในให้กับโรงพยาบาลข้อมูล 10 เดือน (ตุลาคม 2567-กรกฎาคม 2568) จ่ายเบื้องต้น 8,350 บาทต่อ AdjRW. อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นงบประมาณปลายปิด เมื่อคำนวณผลงานการให้บริการใน 2 เดือนที่เหลือคือ สิงหาคม และกันยายน 2568 พบว่าค่าเฉลี่ยภาพรวมทั้งประเทศประมาณ 7,800 บาทต่อ AdjRW. จึงเป็นเหตุให้ในขณะนี้ สปสช. ได้ดำเนินการของบกลางเพิ่มเติมเพื่อให้ได้อัตรา 8,350 บาทต่อ AdjRW.
สำหรับตัวเลขที่ระบุว่า โรงพยาบาลพุทธชินราชมีค่า AdjRW. อยู่ที่ 6,643 บาทนั้น อาจจะเป็นผลจากการมาจากค่า k ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) คำนวณในลักษณะของการปรับเกลี่ยระหว่างโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการจัดสรรภายในของ สป.สธ.
คุณณฐชนน 4. สปสช. ใช้เงินที่เป็นงบประมาณที่ควรจะจ่ายให้โรงพยาบาลไปทำโครงการส่วนตัวซึ่งเป็นภารกิจที่ซ้ำซ้อน เช่น โครงการ“ทำความดี”ต่างๆ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบการทุจริต และยากต่อการตัดสินว่าสิ่งไหนคุ้มค่าหรือไม่
ตอบ ไม่เป็นความจริง ไม่มีระเบียบข้อไหนที่ให้ สปสช.นำงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพที่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาลไปทำโครงการส่วนตัวหรือโครงการทำความดีต่างๆ ได้ กฎหมายกำหนดชัดเจนว่าต้องจ่ายให้หน่วยบริการเป็นค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้มีสิทธิเท่านั้น ในส่วนของงบประมาณบริหารสำนักงานนั้น ดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ไม่สามารถเอางบประมาณไปสนับสนุนโครงการทำความดีต่างๆ ได้ ทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ สปสช.
สำหรับข้อเสนอของคุณณฐชนนในการปฏิรูป สปสช. นั้น สปสช. ยินดีแต่มีประเด็นที่ขอชี้แจงเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้
ข้อเสนอและทางออกที่ 1 ที่คุณณฐชนนระบุว่าให้แก้กฎหมายเพิ่มสัดส่วนตัวแทนประชาชน ตัวแทนผู้ป่วย ตัวแทนนักวิชาการในคณะกรรมการ มีการคัดเลือก บอกเกณฑ์ แสดงวิสัยทัศน์ โปร่งใส (อันนี้ต้องแก้มาตราสัดส่วนและที่มาของ คกก.)
ตอบ สปสช. ขอชี้แจงว่า ปัจจุบันสัดส่วนของคณะกรรมการ สปสช. มีตัวแทนครบตามที่คุณณฐชนนระบุมา ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่ได้กำหนดไว้แล้วว่าต้องประกอบด้วยตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และการคัดเลือกมีระเบียบและหลักเกณฑ์ดำเนินการที่ชัดเจนตามกฎหมายทุกประการ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ทางคุณณฐชนนสามารถเสนอตามกระบวนการของการแก้ไขกฎหมายได้ทันที
ข้อเสนอและทางออกที่ 2 ที่คุณณฐชนนระบุว่า เลขา สปสช. ต้องแสดงวิสัยทัศน์ ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ
สปสช. ขอชี้แจงว่า เลขาธิการ สปสช. ได้รับการสรรหาจากคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีวาระดำรงตำแหน่งครั้งละ 4 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะดํารงตําแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้ ในการสรรหานั้น จะมีการแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายให้คณะกรรมการก่อนการคัดเลือกอยู่แล้ว
ข้อเสนอและทางออกที่ 3 คุณณฐชนนระบุว่า ข้อมูล สปสช. ต้องเปิดเผยให้ประชาชนและหน่วยงานทางวิชาการและสื่อมวลชนตรวจสอบได้
สปสช. เปิดเผยข้อมูลในทุกรูปแบบผ่านทางเว็บไซต์ สปสช. (www.nhso.go.th) ท่านสามารถค้นหารายละเอียดการจ่ายเงิน รายรับของโรงพยาบาลที่ได้จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และอื่นๆ ได้ นอกจากนั้น สปสช. ได้รับการตรวจสอบบัญชีจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทุกปี และต้องรายงานผลการดำเนินงานให้รัฐสภารับทราบทุกปี รวมถึงจัดทำรายงานประจำปีเพื่อให้สาธารณะสืบค้นได้
ทั้งนี้ สปสช. ขอย้ำอีกครั้งว่า สปสช. เป็นหน่วยงานของรัฐ การดำเนินการทุกอย่างต้องทำภายใต้กฎหมายที่กำหนดไว้ผ่านรูปแบบของประกาศหลักเกณฑ์ มติคณะกรรมการต่างๆ ซึ่งมีส่วนร่วมจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถดำเนินการได้ตามอำเภอใจ
อย่างไรก็ตาม สปสช. ขอขอบคุณ คุณณฐชนน ที่ได้ให้ข้อเสนอแนะการทำงานกับ สปสช. และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้สังคมได้รับทราบต่อไป