คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BART LAB) ร่วมกับ ZERO13 และ Unique Transformation Co., Ltd. เดินหน้าผนึกกำลังสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “Zero Carbon & Beyond” มุ่งขับเคลื่อนเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอน และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – SDGs)
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) จัดขึ้น ณ Innogineer Studio คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผู้ก่อตั้งศูนย์ BART LAB ร่วมลงนามกับ Mr. Hirander Misra, Chairman and CEO และ Mr. Lincoln Teo, Managing Director (ZERO13 Trading) จาก บริษัท ZERO13 และ Mr. Thucksapon
Thongdee, Managing Director พร้อมด้วย Miss Saranya Thongdee จาก บริษัท Unique
Transformation Co., Ltd.
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลในการนำพางานวิจัยและเทคโนโลยีสู่การประยุกต์ใช้จริง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของสังคมไทยและโลกไปสู่ “เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ” โดยเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลสิ่งแวดล้อม และการสร้างระบบนิเวศของนวัตกรรมที่สนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ กล่าวว่า “คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติ การลงนามความร่วมมือในวันนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของเราที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ไม่เพียงตอบโจทย์เศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างสมดุลให้กับโลกและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไป”
ขณะที่ Mr. Hirander Misra, Chairman and CEO ของ ZERO13 กล่าวเพิ่มเติมว่า “ZERO13 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ BART LAB ในการพัฒนาแนวทางและโซลูชันเพื่อลดคาร์บอนในระดับโลก ความร่วมมือครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้เกิดการเชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และตลาดการค้าคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ”
โครงการ “Zero Carbon & Beyond” จะมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบหุ่นยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี IoT สำหรับตรวจวัดและจัดการคาร์บอน รวมถึงระบบข้อมูลกลางเพื่อวิเคราะห์และบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างกลไกทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลดการปล่อยคาร์บอนของประเทศ
พิธีลงนามครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เปิดกว้างต่อการวิจัย พัฒนา และขยายผลสู่การปฏิบัติจริง โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังคงยึดมั่นในพันธกิจการเป็น “ผู้นำทางวิศวกรรมเพื่อชีวิตและโลกที่ยั่งยืน” พร้อมสานต่อพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม เพื่อยกระดับศักยภาพของประเทศไทยบนเวทีโลก