xs
xsm
sm
md
lg

มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศผลรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2567

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานแถลงข่าวประกาศผลรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2567 ณ ห้องประชุมอาคารสตางค์มงคลสุข คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลคัดเลือกจากผลงานของคณาจารย์ นักวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการ และประชาชนโดยผู้ได้รับคัดเลือกจะเข้ารับพระราชทานรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล                 ปีการศึกษา 2567จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี                ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธราอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดล                 มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 137 ปี ซึ่งได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงจะทำหน้าที่ด้านการศึกษาเท่านั้น                        แต่ยังมีพันธกิจสำคัญในการต่อยอดการศึกษาและการวิจัยไปสู่ผลสำเร็จใน Real World Impact ด้วยการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวม (Holistic Well Being) ในระดับโลก โดยนำความเชี่ยวชาญสหสาขาวิชา มาเป็นกลไกในการเชื่อมโยงเพื่อมุ่งผลประโยชน์ต่อสังคม  ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งเป็นปรัชญาของมหาวิทยาลัยที่ว่า ‘ประโยชน์ที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้เท่านั้น แต่อยู่ที่การนำความรู้ ไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์กับมวลมนุษยชาติได้อย่างไร’ ดังนั้น บุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นส่วนสำคัญและมีค่าที่สุดที่จะสานต่อพลังและผลักดันให้ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคลากรที่มีความวิริยอุตสาหะ และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพจนมีผลงานดีเด่นในสาขาต่าง ๆ          ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 และมีการพิจารณามอบรางวัลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี  โดยในปีการศึกษา 2567                    มีผู้ได้รับรางวัลประเภทดีเด่นเฉพาะทางสาขาต่าง ๆ ดังนี้ 
1. รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการวิจัย เป็นรางวัลที่มหาวิทยาลัยมหิดลมอบให้แก่บุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล  ผู้ที่มีความคิดริเริ่มในการวิจัย เพื่อสนองความต้องการ  แก้ปัญหา  พัฒนา  หรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ  ให้แก่สังคม  โดยเป็นผลงานที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่และอ้างอิงในวารสารวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ในปีนี้ มีผู้ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการวิจัย จำนวน 2 ท่านได้แก่
รองศาสตราจารย์ ดร.พงศกร  กาญจนบุษย์ กลุ่มสาขาวิชาวัสดุศาสตร์และนวัตกรรมวัสดุ คณะวิทยาศาสตร์ ผลงานวิจัยเรื่อง “ฟิล์มระบายความร้อนแบบแผ่รังสีที่เกิดจากจุดร้อนอินฟาเรดคล้ายหยด โดยกระบวนการเคลือบสเปรย์ที่มีต้นทุนต่ำและขยายขนาดได้ สำหรับภูมิภาคเขตร้อน” ผู้มีบทบาทโดดเด่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้โจทย์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยได้พัฒนาฟิล์มระบายความร้อนแบบแผ่รังสีผ่านกระบวนการเคลือบสเปรย์ต้นทุนต่ำที่สามารถลดอุณหภูมิพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าเหมาะกับภูมิอากาศเขตร้อนและมีศักยภาพในการประยุกต์ใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมผลงานวิจัยนี้แสดงถึงความเป็นเลิศทั้งด้านวิทยาศาสตร์และผลกระทบเชิงสังคม ตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติมากกว่า 115 เรื่อง มียอดการอ้างอิงกว่า 8,000 ครั้ง มีการยื่นจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรกว่า 15 เรื่อง และได้รับทุนวิจัยเพื่อผลักดันนวัตกรรมฟิล์มระบายความร้อนนี้ร่วมกับภาคเอกชนกว่า 9ล้านบาท เพื่อพลักดันสู่การใช้งานจริง นอกจากนี้ ท่านยังได้รับการยกย่องทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากรและการเป็นผู้นำทางวิชาการระดับนานาชาติ 
รองศาสตราจารย์ ดร.คนางค์  คันธมธุรพจน์ ภาควิชาสังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ผลงานวิจัยเรื่อง “โครงการแนวทางการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับบริบทการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย” นักวิจัยผู้มีความเชี่ยวชาญด้านสังคมศาสตร์สิ่งแวดล้อม มีผลงานโดดเด่นในการพัฒนา “แนวทางการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม” ซึ่งตอบโจทย์บริบทการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างแท้จริง งานวิจัยได้ยกระดับคุณภาพกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำรายงาน EIA ลดความขัดแย้งระหว่างภาคประชาชนและภาคพัฒนา และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ผลงานนี้ได้รับการนำไปใช้โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อปรับปรุงแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน และเป็นพื้นฐานสำคัญในการออก ประกาศ สผ. พ.ศ. 2566 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วม รางวัลผลงานวิจัยระดับ “ดี” จาก วช. และเผยแพร่ในวารสารวิชาการนานาชาติชั้นนำ (SCOPUS Q1 และ Q2) 
2. รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการประดิษฐ์และนวัตกรรม เป็นรางวัลมอบให้แก่ บุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้สร้างสรรค์ผลงานใหม่ที่มีคุณค่าและประโยชน์ชัดเจนต่อเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ กระบวนการ ระบบ หรือบริการ ที่มีกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจน เช่น สิทธิบัตรหรือทรัพย์สินทางปัญญา และผู้ขอรับรางวัลต้องมีส่วนร่วมสำคัญในการประดิษฐ์หรือคิดค้นผลงานนั้น ในฐานะหัวหน้าโครงการหรือผู้ประดิษฐ์หลัก หรือกลุ่มบุคคลที่มีส่วนร่วม จำนวน 2 ท่าน ได้แก่

ศาสตราจารย์ ดร.พญ.อุไรวรรณ  พานิช ภาควิชาเภสัชวิทยา และ ศาสตราจารย์ ดร.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลผลงานแรก ผลงาน “การศึกษาเปรียบเทียบผลของการใช้เซลล์ ไฟโบรบลาสต์กับฟิลเลอร์ กรดไฮยาลูโรนิก ในการรักษาริ้วรอยร่องแก้ม” ผู้พัฒนา “นวัตกรรมเซลล์บำบัด: Autologous Fibroblast Filler” นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ใช้เซลล์ผิวหนังของผู้ป่วยเอง (dermal fibroblasts) เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องแก้มและฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์ความท้าทายของการรักษาริ้วรอยด้วยสารสังเคราะห์ เช่น ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูโรนิก ที่อาจเกิดผลข้างเคียงและต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง โดยนวัตกรรมไฟโบรบลาสต์ช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติ ลดความเสี่ยงจากการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อน และสร้างผลลัพธ์ยาวนาน นวัตกรรม Autologous Fibroblast Filler ได้รับการคุ้มครองด้วย อนุสิทธิบัตรเลขที่ 21366 เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ Scientific Reports (2023;13:6616) และได้รับ รางวัลเหรียญทอง (Gold Medal) พร้อมรางวัลพิเศษระดับนานาชาติ (International Special Prize) จากงาน IPITEX 2025 อีกทั้ง ยังได้ดำเนินการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ ให้ภาคเอกชนเพื่อผลิตและให้บริการแก่ประชาชนอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิผล ผลงานนี้จึงเป็นทั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

รองศาสตราจารย์ ดร.ภัทรานิษฐ์  ศรีจันทราพันธุ์ภาควิชาศึกษาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ผลงาน “นวัตกรรมถังขยะสำหรับคัดแยกขยะสำหรับทุกคน” ซึ่งใช้แนวคิด Inclusive Design ผสานเทคโนโลยีเพื่อสร้างการเข้าถึงที่เท่าเทียม โดยเฉพาะสำหรับผู้พิการทางการเห็นและกลุ่มเปราะบาง นวัตกรรมนี้ใช้ระบบแนะนำด้วยเสียง ช่วยให้ทุกคนสามารถคัดแยกขยะได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย สะท้อนแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” อย่างแท้จริง โดยผลงานได้รับการจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร และนำไปใช้จริงในโรงเรียนตาบอด 14 แห่งทั่วประเทศ “นวัตกรรมถังขยะสำหรับคัดแยกขยะสำหรับทุกคน ช่วยให้นักเรียนพิการทางการเห็นเกือบ 1,000 คนสามารถฝึกคัดแยกขยะได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสร้างผลกระทบเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม ผ่านการจำหน่ายและบริจาคให้กับองค์กรคนตาบอดหลายแห่ง ผลงานได้รับการเผยแพร่ในวารสารนานาชาติระดับ Q1 รวม 3 เรื่อง
           
3. รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาความเป็นครูความเป็นครูนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องมีความรู้ทางวิชาการเพื่อจะสอนนักเรียนเท่านั้น แต่ครูยังจะต้องเป็นผู้ช่วยนักเรียนให้พัฒนาทางด้านสติปัญญา บุคลิกภาพ อารมณ์ และสังคม ตลอดจนด้านคุณธรรมและจริยธรรมด้วย ซึ่งนอกจากการสอนแล้ว การวิจัยจะมีส่วนช่วยสร้างองค์ความรู้ใหม่ เป็นการพัฒนาความรู้ให้แก่ศิษย์อย่างดี  มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้ตั้งรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาความเป็นครู สำหรับในปีนี้ มีผู้ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาความเป็นครู จำนวน 2 ท่าน  

ศาสตราจารย์ ดร.เกศินี  โชติวานิช  ภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน  คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ครูผู้เปี่ยมด้วยความรู้ ความสามารถ และจิตวิญญาณของความเป็นครูที่แท้จริง ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Learning) และการเรียนรู้แบบมุ่งผลลัพธ์ (Outcome-Based Education) โดยพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและความต้องการของผู้เรียน ปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่นและทุ่มเทในการพัฒนาการเรียนการสอนตลอดเวลากว่า ๒๐ ปี มีความเชี่ยวชาญด้านพยาธิชีววิทยาและเวชศาสตร์เขตร้อน และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลักสูตร การเรียนการสอน และการบ่มเพาะบัณฑิตให้มีคุณภาพ ทั้งด้านวิชาการ จริยธรรม และความสามารถในการก้าวสู่เวทีสากล

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศักดิ์  ร่มแสง  ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ  คณะวิทยาศาสตร์ ครูผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีชีวภาพของมหาวิทยาลัยมหิดลอย่างต่อเนื่อง นำแนวคิด Flexi-edutainment Blended Learning มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์และได้ผลจริง ออกแบบกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลทันสมัย เป็นผู้ผลักดันกิจกรรมนักศึกษาให้เกิดการเรียนรู้เพื่อสังคมอย่างแท้จริง ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านคุณธรรม จริยธรรม และความเป็นมืออาชีพ จนเป็นที่เรียกในลูกศิษย์ว่า “พ่อหมี”
 
มหาวิทยาลัยมีความพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังแสดงถึงศักยภาพในการนำองค์ความรู้จากการประสานพลัง (Synergy) ของทุกส่วนงานไปสู่การแก้ปัญหาและสร้างผลกระทบจริงในชีวิตประจำวัน (Real World Impact) ของสังคมไทยและสังคมโลก และต่อยอดสู่เวทีโลกในฐานะ “มหาวิทยาลัยผู้นำสุขภาวะ” ชี้นำสังคมไทยและโลกสู่ความยั่งยืน




















กำลังโหลดความคิดเห็น