xs
xsm
sm
md
lg

"พัฒนา" ควง "วรโชติ" ลงพื้นที่ครั้งแรก ติดตามผลกระทบ "ไทย-เขมร" จ่อชงสร้าง "บังเกอร์" เสริมปลอดภัยบุคลากรชายแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"พัฒนา" ควง "วรโชติ" พร้อมปลัด สธ.คนใหม่ ลงพื้นที่ครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ติดตามผลกระทบ รพ.ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง รพ.บ้านกรวด บุรีรัมย์ และ รพ.พนมดงรักฯ สุรินทร์ พบกระทบ 20 แห่ง เสียหาย 149 ล้านบาท เล็งชงทำบังเกอร์เสริมความปลอดภัยบุคลากรชายแดนเสนอนายกฯ พิจารณา ให้ประชาชนมั่นใจ ระบบสุขภาพยังมั่นคง ไม่หนีไปไหน

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยนายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. และ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัด สธ. ลงพื้นที่ รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจบุคลากรที่ปฏิบัติงานพื้นที่ชายแดน โดยนายพัฒนา กล่าวว่า วันนี้ลงพื้นที่ครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง ตั้งใจมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเขตปะทะกันระหว่างไทยกับประเทศพื้นบ้าน และมาดูแลขวัญกำลังใจ นำยารักษาโรค และดูในส่วนศูนย์พักพิงผู้ได้รับผลกระทบ


ทั้งนี้ สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงกว่า 1.4 ล้านคนเป็นอย่างมาก ในส่วนของ สธ. มีโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 20 แห่ง และ รพ.สต. 149 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ่งก่อสร้างและวัสดุ 148.3 ล้านบาท สำหรับการช่วยเหลือประชาชน ได้จัดทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข ทีมสุขภาพจิต ทีมควบคุมโรค และทีมอนามัยสิ่งแวดล้อม รวม 198 ทีม หมุนเวียนดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขจิตอาสาไว้อีก 1,987 คน พร้อมลงพื้นที่ทันทีหากได้รับการร้องขอ


นายพัฒนากล่าวว่า การลงพื้นที่ 2 แห่งในวันนี้ นอกจากติดตามการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรองรับหากเกิดสถานการณ์ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมันให้กับประชาชนด้วย โดยหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้จัดทำแผนรองรับการจัดการภาวะฉุกเฉินไว้แล้ว ทั้งระบบการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกัน การบริหารจัดการศูนย์อพยพ อาทิ การดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต การป้องกันควบคุมโรค สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ภาพรวมมีการเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราวใน 7 จังหวัดไว้ 683 แห่ง รองรับได้ 405,722 คน ขณะนี้เปิดศูนย์ฯ แล้ว 7 แห่ง ที่อุบลราชธานี 2 แห่ง สุรินทร์ 5 แห่ง มีผู้เข้าพักประมาณ 800 คน ส่วนปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อยู่ในภาวะฉุกเฉินระดับ 1 ตื่นตัว (Alert Mode) ส่วนตราด จันทบุรี สระแก้ว อยู่ในภาวะปกติ ติดตามเฝ้าระวัง (Watch Mode)


ด้าน นายวรโชติ กล่าวว่า รัฐบาล ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ สธ. และตน รวมถึงผู้บริหารของสธ.ลงพื้นที่มาและสิ่งที่อยากทำให้กับบุคลากรสาธารณสุข และทุกภาคส่วนในแนวชายแดน คือ ความปลอดภัยในการทำงาน การสร้างขวัญกำลังใจ รวมถึงระบบสุขภาพจิตของประชาชน และผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนต้องทำให้ดีขึ้น เพราะทุกวันนี้เจ้าหน้าที่มีความกังวล แต่ในความกังวล ยังมีความห่วงใยต่อประชาชน ดังนั้น การลงพื้นที่ต้องหาวิธีให้พวกเขาคลายกังวลให้ได้ ต้องมีระบบความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งอาจทำเป็นบังเกอร์ (Bunker) เสริมเข้ามา เพื่อช่วยและดูแลบุคลากรสาธารณสุข

“เรื่องนี้จะเสนอท่านนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งประชาชนจะได้มั่นใจว่า ระบบสุขภาพยังคงอยู่ ยังมั่นคง ไม่ได้หนีไปไหน บุคลากรยังดูแล รวมถึงอสม. ก็จะเพิ่มศักยภาพมาช่วยเช่นกัน” นายวรโชติกล่าว


สำหรับ รพ.บ้านกรวด เป็นจุดที่เคยได้รับผลกระทบ มีการเตรียมพร้อมรับมือตามแผนที่วางไว้ ทั้งการอพยพผู้ป่วย กลุ่มสีแดง สีเหลือง สีเขียว การเตรียมศูนย์พักพิง 2 แห่ง ที่สนาม BRIC รองรับคนได้ประมาณ 80,000 ราย และที่ศูนย์ฟื้นฟู รองรับคนได้ประมาณ 1,500 ราย รวมทั้งเตรียมทีมปฏิบัติการภาคสนาม สำรองยา/เวชภัณฑ์/กำลังคน

ส่วนที่จังหวัดสุรินทร์ ได้เตรียมพร้อมรองรับภัยจากการสู้รบไว้เช่นกัน มีการวางระบบลงทะเบียนศูนย์พักพิง เชื่อมโยงข้อมูลด้านการรักษา ติดตามข้อมูลแบบ Realtime และจัดทำ REMOTE CLOUD BACKUP เพื่อสำรองข้อมูลสุขภาพของโรงพยาบาล 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักฯ โรงพยาบาลกาบเชิง โรงพยาบาลสังขะ โรงพยาบาลบัวเชด และโรงพยาบาลปราสาท รวมถึงเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย โดยปรับปรุงและก่อสร้าง Bunker เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันโรคหัด-หัดเยอรมัน จากกรมควบคุมโรค และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 เพื่อใช้ในภารกิจป้องกันควบคุมโรคด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น