รองนายกฯ “สุชาติ ชมกลิ่น” ร่วมงานวันสถาปนากรมอุทยานฯ ครบรอบ 23 ปี กำชับทุกหน่วยเดินหน้าทำงานแบบเป็นรูปธรรม กำหนดแผนสั้น-กลาง-ยาวชัดเจน พร้อมประกาศลั่นใช้กฎหมายจัดการผู้บุกรุกที่ดินและทำลายป่า ไม่ให้ผลประโยชน์นายทุนบิดเบือนการอนุรักษ์
วันนี้ (2 ตุลาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ครบรอบ 23 ปี ซึ่งถือกำเนิดขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา เล่มที่ 119 ตอนที่ 99 ก ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2545 ให้จัดตั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แยกงานที่เกี่ยวกับป่าเศรษฐกิจและงานด้านอนุรักษ์และการคุ้มครองป่าไม้ออกจากกัน โดยมี ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงฯ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมงาน ณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพมหานคร
โดย นายสุชาติ ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 จากนั้นได้ชมนิทรรศการผลการดำเนินงานของกรมอุทยานฯ อาทิ การสนองงานพระราชดำริ การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การแก้ไขปัญหาสัตว์ป่า การจัดการแนวเขตป่าอนุรักษ์และที่ดินทำกินของราษฎร การบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ การอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ การจัดการแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ เป็นต้น ก่อนมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “พิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้” มอบโล่ข้าราชการพลเรือนและผู้ปฏิบัติงานดีเด่น รวมถึงมอบโล่ผู้ช่วยเหลือราชการ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้กับข้าราชการ และเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนการทำงานที่ผ่านมา
นายสุชาติ ได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 23 ปี ของกรมอุทยานฯ และได้เห็นภารกิจของกรมอุทยานฯ มาตั้งแต่เริ่มแยกภารกิจออกจากกรมป่าไม้ นับว่ามีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งในการดูแลทรัพยากรของชาติ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และในการเข้ามาทำงานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนี้ มีความตั้งใจจริงอย่างมาก เพราะเป็นกระทรวงฯ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกช่วงชีวิต จึงขอให้กรมอุทยานฯ และทุกหน่วยงาน มีการกำหนดแผนงานที่ชัดเจน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้การทำงานในช่วง 4 เดือนนี้มีผลงานที่จับต้องได้จริง และมีผลการทำงานที่ชัดเจนในระยะต่อ ๆ ไป และขอเน้นย้ำว่าพร้อมที่จะเปิดรับโอกาสและข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ NGOs หรือประชาชนทั่วไป ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อหาทางออกในเรื่องที่ซับซ้อน ให้เราสามารถรักษาสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายกับการทำให้ประชาชนอยู่รอดได้ และดำเนินรอยตามแนวทางพระราชดำริ “และผมขอยืนยันอย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่า เราจะดำเนินการทางกฎหมายกับทุกคนที่กระทำความผิดในเรื่องปัญหาการจัดการที่ดินของรัฐ และการตัดไม้ทำลายป่าที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุนอย่างจริงจัง และจะไม่ยอมให้การอนุรักษ์ถูกบิดเบือนไปเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นอันขาด”