xs
xsm
sm
md
lg

‘ร่องเคาะโมเดล’ บทเรียนจากชุมชนปลอดเหล้า ต้นแบบสร้างระบบนิเวศสังคมปลอดภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ขณะที่สถิติล่าสุดชี้ชัดว่า “ลำปาง” เป็นจังหวัดที่มีนักดื่มมากที่สุดในภาคเหนือ ติดอันดับ 2 ของประเทศ รองลงมาคือเชียงราย พะเยา จากสถิติที่น่าห่วงนี้สะท้อนความจริงว่า แอลกอฮอล์ ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชุมชน และปัญหาที่ตามมาคือความรุนแรง สุขภาพ และอุบัติเหตุ

แต่ในขณะเดียวกัน ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ ในจังหวัดเดียวกัน หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เคยมีโรงเหล้าเถื่อนขึ้นชื่อ กลับกลายเป็นกรณีตัวอย่างของพื้นที่ที่สามารถสร้างชุมชนปลอดเหล้า ซึ่งถูกยกให้เป็น “ต้นแบบสร้างระบบนิเวศสังคมปลอดภัย” ภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และพลังเครือข่ายงดเหล้า คำถามคือ ร่องเคาะทำอย่างไรให้สำเร็จ?

สสส. พาสำรวจร่องเคาะ
โมเดลชุมชนเข้มแข็ง ปลอดเหล้า ปลอดภัย
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เยี่ยมชมการทำงานงดเหล้าลดปัจจัยเสี่ยงภายใต้วิถีชีวิตคนร่องเคาะว่า สสส. สนับสนุนการขับเคลื่อนของประชาคมงดเหล้า จ.ลำปาง มาตั้งแต่ปี 2553 โดยเฉพาะ ต.ร่องเคาะ เป็นพื้นที่ต้นแบบที่พิสูจน์พลังชุมชนในการสร้างระบบนิเวศสังคมที่เข้มแข็งและต่อเนื่อง สามารถเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมการดื่มได้จริง ผ่านมาตรการชุมชน 1.งานบุญ งานศพปลอดเหล้า100% 2.ร้านค้าสีขาวกว่า 30 ร้าน ทั้งเลิกขายน้ำเมาเด็ดขาดและงดขายในช่วงเข้าพรรษา 3.หลักสูตรบูรณาการงดเหล้าและลดอุบัติเหตุในโรงเรียน 4.ครอบครัวต้นแบบในโรงเรียนและชุมชน 73 ครอบครัว

โดยเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงดเหล้า 2,069 คน ซึ่งช่วยลดจำนวนนักดื่ม และลดการเจ็บป่วยจากโรคตับที่มีสาเหตุสำคัญจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
“ปกติ สสส. มุ่งเน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ป้องกันการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า หรือสิ่งเสพติด แต่ในความเป็นจริงการแก้ปัญหาและสร้างเสริมสุขภาวะอย่างแท้จริงทำเรื่องการลดพฤติกรรมอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำเรื่องนิเวศสังคมร่วมด้วย เพราะว่าชุมชนประกอบด้วยคนหลายกลุ่ม ขณะเดียวกันก็มีหลายปัญหา เพราะฉะนั้นถ้าสามารถทำให้นิเวศสังคม หรือสภาพแวดล้อมของสังคมดีขึ้น ก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแอลกอฮอล์ บุหรี่ สิ่งเสพติดดีขึ้นไปด้วย”

“ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนบุคคลจะไม่สามารถทำได้สำเร็จ หากครอบครัวไม่เอาใจใส่ ชุมชนไม่เอาใจช่วย สภาพแวดล้อมไม่ได้รับการปรับเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในชุมชน กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ออกมาโดยอำเภอหรือหน่วยงาน รวมทั้งสถานศึกษาที่มีหน้าที่ในการดูแลเด็กให้เติบโตอย่างมีภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด นี่คือนิเวศสังคมที่สำคัญ”

นายวิเชษฐ์ เน้นย้ำว่า ต.ร่องเคาะไม่ได้มุ่งจัดการเฉพาะปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงการจัดการสิ่งแวดล้อม ขยะ รวมถึงการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม จนได้รับการยอมรับว่าเป็นชุมชนสุขภาวะต้นแบบ ที่สามารถเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่น ๆ ได้

ทั้งนี้ สสส. ได้ขยายผลไปยัง ต.ทุ่งฮั้ว และขยายผลนโยบายในระดับ อ.วังเหนือ บูรณาการการแก้ปัญหาทั้งด้านสิ่งแวดล้อมป่าชุมชน ความมั่นคงทางอาหาร ทั้งนี้ การใช้มาตรการชุมชน จะต้องผ่าน การเห็นชอบและการรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ที่สำคัญผู้นำชุมชนท้องถิ่นของตำบลต้องให้ความสำคัญร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 


ขณะที่ พระครูวิสุทธิ์พัฒนโกวิท เจ้าคณะตำบลวังเหนือ เขต 2 กล่าวว่า ต.ร่องเคาะ ใช้ศาสนพิธีเป็นพลังขับเคลื่อนงานสังคม โดยเฉพาะการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาและการจัดงานบุญงานศพปลอดเหล้า ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับชุมชนไทย ที่พยายามผูกโยงการเลิกเหล้าเข้ากับหลักธรรมะและบุญกุศล ทำให้การงดเหล้าไม่ใช่เพียงเรื่องส่วนบุคคล แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรมและการทำบุญร่วมกันของชุมชน โดยพระสงฆ์ได้หน้าที่เป็นผู้สื่อสารทางศีลธรรม เทศนาเตือนและชี้นำญาติโยมในกิจกรรมงานบุญประเพณีต่างๆ ทำให้เกิดมาตรการงดเหล้าในงานบุญ งานประเพณีในพื้นที่ ต.ร่องเคาะ จนได้รับการยอมรับมากขึ้น และกลายเป็นพลังร่วมในการสร้างสังคมที่ดี แบบปลอดเหล้าให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

นายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง
ด้าน นายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง เล่ากระบวนการขับเคลื่อนในเบื้องต้นว่า การรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาใน อ.วังเหนือ ไม่ได้มุ่งเป้าเพียงลดการดื่มสุรา แต่ได้ยกระดับการทำงานเป็นการสร้างระบบนิเวศทางสังคมที่ปลอดภัยและเข้มแข็ง ตนในฐานะนายอำเภอได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้ง วัด โรงเรียน ตำรวจ อสม. และผู้นำชุมชน ใช้กลไก “5 ให้” คือ ให้แบบอย่างที่ดี ให้ธรรมะและความรู้ ให้กำลังใจ ให้ความปลอดภัยให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างพลังชุมชนที่เข้มแข็ง ใช้งานเข้าพรรษาเป็นจุดเริ่มต้น เชื่อมโยงนโยบาย และใช้พลัง “บวร” บ้าน-วัด-โรงเรียน-ชุมชน สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ซึ่งการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผสานความร่วมมือจากภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) โดยมุ่งทำงานครบ 3 ระดับ คือ 1.ป้องกันเยาวชน (ต้นน้ำ) 2.สร้างสภาพแวดล้อมปลอดเหล้า (กลางน้ำ) 3.บำบัดฟื้นฟูผู้ดื่ม (ปลายน้ำ)

“ในช่วงแรก เราเริ่มต้นรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาก่อน และทำอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในงานประเพณีหรือกิจกรรมสำคัญต่าง ๆ ตอนนี้ที่ทำสำเร็จคืองานศพ ซึ่งในพื้นที่ของอำเภอวังเหนือ ไม่มีการเลี้ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100% ทั้งพื้นที่ ซึ่งการไม่เลี้ยงเหล้าในงานดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้อย่างชัดเจน อีกเรื่องหนึ่งคือค่าใช้จ่าย จะเห็นว่า ค่าใช้จ่ายจากการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเลี้ยงในงานถือเป็นเป็นค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายเจ้าภาพลงได้ด้วย”

นายทศพล มองว่า การขับเคลื่อนงานเกี่ยวกับการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากปัญหาความรุนแรงและอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการดื่มแล้วขับยังคงเกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะในอำเภอวังเหนือซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดพะเยา เชียงราย และลำปาง การดื่มแล้วขับจึงเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน

ในขณะเดียวกันนายอำเภอวังเหนือก็ยอมรับว่า แม้ในบางงานอย่างงานมงคลยังมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่บ้าง แต่เจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนพยายามสร้างความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากที่สุด โดยทิศทางต่อไปคือการผลักดันให้ “งานสุข งานเศร้า ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพื่อให้พื้นที่อำเภอวังเหนือเป็นพื้นที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปลอดภัยจากอุบัติเหตุและโรคภัยต่าง ๆ ที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

โรงเหล้าเถื่อน ความท้าทายที่ร่องเคาะต้องก้าวผ่าน
ขณะเดียวกัน ปัญหาที่ท้าทายที่สุดในชุมชน ต.ร่องเคาะ คือ โรงเหล้าเถื่อน

นางนงเยาว์ ประชุมชิต รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลร่องเคาะ ให้ข้อมูลว่า เดิมทีในพื้นที่มีโรงเหล้าเถื่อนมากถึง 19 แห่ง กระทั่งปัจจุบันเหลือเพียง 4 แห่งที่ได้รับการควบคุมให้อยู่ในมาตรฐานการผลิต ซึ่งเคยเป็นทั้งอาชีพหลักและเสริมของคนในชุมชน ส่งขายในหมู่บ้าน และต่างจังหวัด ซึ่งถือได้ว่า เป็นโรงเหล้าเถื่อนที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลำปาง 

นางนงเยาว์ ประชุมชิต รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลร่องเคาะ
นางนงเยาว์ เล่าต่อว่า ช่วงแรกของการรณรงค์เป็นเรื่องยากมาก เนื่องจาก ต.ร่องเคาะมีโรงเหล้าเถื่อนมากที่สุดในอำเภอวังเหนือ ประกอบกับนักดื่มยังยึดความเชื่อทางประเพณีและศาสนา เช่น การสู่ขวัญที่มักต้องมีเหล้าและไก่เป็นส่วนประกอบ จึงนำความเชื่อทางศาสนาและผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยปรับขนาดและรูปแบบของพิธี เช่น ลดปริมาณเหล้าในงาน และให้พระสงฆ์เข้ามามีบทบาท ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและค่อย ๆ ปรับพฤติกรรม ผู้นำท้องถิ่นยังร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในเวทีสาธารณะ เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

และที่สำคัญ ต.ร่องเคาะได้จัดทำ “ระเบียบตำบลร่องเคาะว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยและสร้างความเข้มแข็งในชุมชน พ.ศ. 2553 (มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2564)” ถือเป็น “มาตรการชุมชน” ที่ทุกคนร่วมกันยอมรับและปฏิบัติ เช่น กำหนดให้ลดเหล้าหลังเลิกงานในช่วงเข้าพรรษา จัดงานศพและงานบุญประเพณีปลอดเหล้า งดเลี้ยงอาหารดิบในงานชุมชน หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษเป็นการปรับเงินเจ้าภาพงาน เช่น เลี้ยงเหล้าในงานศพปรับ 2,000 บาท และงดให้บริการสาธารณะจากท้องถิ่น
 


“เราเป็นอบต.เล็ก ๆ พื้นที่เล็ก ๆ แต่เราเริ่มด้วยการแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนที่จะให้ภาครัฐมาแก้ไข ชุมชนจะเข้มแข็ง เราต้องลงมือทำเอง ดังนั้น เราจึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อนำมาวางเป็นกรอบแนวคิด สร้างกฎกติกา รับรู้ข้อเท็จจริงร่วมกัน และปฏิบัติตาม จึงสามารถลดปัญหาได้จริง อีกทั้งยังช่วยลดภาระให้กับราชการ หลังจากจัดทำแผนงานและโครงการ เราสร้างบุคคลต้นแบบในการลดการดื่มเหล้า และเชิดชูให้กำลังใจผู้ปฏิบัติได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าสีขาวร่วมงดขายเหล้า จะเห็นได้ว่า เมื่อชุมชนดูแลตนเองเข้มแข็งแล้ว แนวคิดนี้จะสามารถขยายไปสู่ระดับตำบล อำเภอ และจังหวัดได้”

ทั้งนี้ นอกจากประเด็นแอลกอฮอล์ ร่องเคาะยังขยายการทำงานไปสู่การจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น ธนาคารขยะ และ กองทุนฌาปนกิจขยะ ครอบคลุมทั้ง 17 หมู่บ้าน เงินจากการคัดแยกและจัดเก็บขยะมากกว่า 7 แสนบาท พร้อมนำกลับมาเป็นกองทุนช่วยเหลือหากเกิดการเสียชีวิตของคนในชุมชน

ขณะที่ นาย สมมิตร กระทาง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดอนแก้ว อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง อายุ 55 ปี เปิดใจถึงเส้นทางชีวิตที่พลิกผันจากการเป็นนักดื่มตั้งแต่วัยรุ่น จนกลายมาเป็นบุคคลต้นแบบในการเลิกเหล้า โดยเจ้าตัวเล่าว่า เริ่มดื่มสุราตั้งแต่อายุ 17-18 ปี จากความคึกคะนองและอยากรู้อยากลอง ร่วมวงกับเพื่อนในหมู่บ้านที่ในขณะนั้นมีโรงเหล้าเถื่อนจำนวนมาก กระทั่งปัจจุบันโรงเหล้าเหล่านี้ได้ทยอยปิดตัวลง เหลือเพียงไม่กี่แห่ง

โดยสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลิกเหล้าอย่างจริงจังคือ ครอบครัวและสุขภาพ เพราะตนเองมีความดันโลหิตสูง ต้องกินยาประจำและเดินทางไปโรงพยาบาลวังเหนือเป็นประจำ การรอคิวนานและความลำบากในการเดินทางโดยเฉพาะในฤดูหนาว ทำให้คิดถึงผลกระทบของการดื่ม จึงตัดสินใจเลิกเหล้าแบบหักดิบเมื่อตอนอายุ 31 ปี และสามารถงดดื่มมากกว่า 24 ปีแล้ว พร้อมเชิญชวนผู้ที่ยังดื่มให้หันมาใส่ใจสุขภาพและครอบครัว ด้วยการลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง

ท้ายนี้ “ร่องเคาะโมเดล” จึงไม่เพียงเป็นแนวทางแก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ชุมชนเข้มแข็งที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากพลังเล็ก ๆ ที่สามารถยกระดับตนเองสู่ต้นแบบเพื่อนำไปขยายผลได้ สอดคล้องกับเป้าหมายของ สสส. ที่มุ่งเน้นการสร้างสังคมสุขภาวะที่ครบมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมอย่างยั่งยืน








กำลังโหลดความคิดเห็น