xs
xsm
sm
md
lg

ทันตจุฬาฯ เปิดโครงการนำร่องทันตกรรมดิจิทัล ยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถานการณ์การเข้าถึงบริการทันตกรรมในประเทศไทยยังคงมีอัตราการเข้าถึงที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มประชากรเปราะบาง ปัญหานี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพโดยรวมของประชาชน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนนี้ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ริเริ่มโครงการ "พัฒนาการให้บริการและการรักษาทางทันต กรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลบนเครือข่ายดิจิทัลความเร็วสูง" ขึ้นเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกของประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. 
ศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ ดร.พรชัย จันศิษย์ยานนท์ คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และหัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า แนวคิดหลักของโครงการคือการพัฒนาระบบ Teledentistry (บริการตรวจสุขภาพช่องปากทางไกล) ช่วยลดข้อจำกัดด้านการเดินทางและค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาช่องปากจะลุกลามยากต่อการแก้ไข
"ต้องยอมรับว่า ทันตแพทย์ที่อยู่ประจำในพื้นที่ห่างไกล มีไม่เพียงพอต่อผู้ใช้บริการ การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพช่องปากจึงเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การอนามัยโลก โดยโครงการได้เริ่มต้นทำงานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ห่างไกล โดยมีจังหวัดน่านและสระบุรีเป็นพื้นที่นำร่อง ร่วมกับกลุ่มสหวิชาชีพ อาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวมถึงทันตบุคลากรในโรงพยาบาล ได้รับการอบรมการใช้อุปกรณ์และเชื่อมโยงไปสู่การให้คำปรึกษาทางวิชาการกับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการรักษา" ศ.ทพ.ดร.พรชัย กล่าว นอกจากนี้ ในปัจจุบันคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ สร้างเครือข่ายร่วมดำเนินงานและสนับสนุนกล้องถ่ายภาพในช่องปาก ครอบคลุมถึง 30 จังหวัดทั่วประเทศและโครงการยังได้ขยายขอบเขตการให้บริการจากประชาชนในพื้นที่ห่างไกลไปยังกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยสามารถคัดกรองโรคในช่องปากเชิงรุกเพื่อส่งต่อเข้ารับบริการทันตกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแก่กลุ่มเป้าหมายรวม 110,189 คน มีประชาชนได้รับการรักษาช่องปากพื้นฐานโดยทันตบุคลากร จำนวน 52,636 คน ประชาชนได้รับการใส่ฟันเทียมร่วมกับการสแกนในช่องปาก จำนวน 1,123 คน 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ ดร.อิสระพงศ์ แก้วกำเหนิดพงษ์ รองคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และพัฒนาองค์กร คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และนักวิจัยโครงการ กล่าวเสริมถึงบทบาทของเทคโนโลยีซึ่งเป็นจุดแข็งของ กสทช. ในการขับเคลื่อนโครงการนี้ โดยเฉพาะการนำ กล้องถ่ายภาพในช่องปาก (intraoral camera technology) เข้ามาในระบบบริการ ทำให้สามารถมองเห็นภาพในช่องปากได้อย่างละเอียดลึกและมีความคมชัดสูง โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่สามารถมองเห็นจกภาพที่ถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการส่งต่อข้อมูลให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เพื่อทำการรักษาต่อได้อย่างแม่นยำ ทางโครงการยังได้ต่อยอดนวัตกรรมการรักษาด้วย การสแกนในช่องปาก (intraoral scanning technology) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาทางทันตกรรมแบบดั้งเดิม เช่น การทำฟันเทียม 
"ปกติแล้ว การทำฟันเทียมต้องอาศัยการเดินทางมายังโรงพยาบาล แต่ด้วยการสแกนในช่องปาก เราสามารถทดแทนวิธีการแบบเดิมด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการ" ผศ.ทพ.ดร.อิสระพงศ์ อธิบาย
ทั้งนี้ เพื่อให้การถ่ายทอดความรู้และจัดการข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการได้พัฒนาแอปพลิเคชันหลักสองแอป ได้แก่:
•แอปพลิเคชัน Thai Teledentistry: เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยให้การให้คำปรึกษาและแนะนำการรักษาผู้ป่วยทางไกลระหว่างทันตแพทย์ปฐมภูมิในพื้นที่ต่างๆ และทันตแพทย์เฉพาะทางทุกสาขาของคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยให้โรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สำหรับบุคลากรด้านทันตกรรมที่สนใจเข้าร่วมในแพลตฟอร์มดังกล่าว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dent.chula.ac.th/news/59428/
•แอปพลิเคชัน "หมอฟันดี": พัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเชื่อมโยงระหว่างทันตแพทย์กับผู้ป่วย โดยมุ่งเน้นการให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบการใช้งานภายในคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพและพร้อมใช้งานจริงในอนาคต

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ดำเนินโครงการพัฒนาการให้บริการและการรักษาทางทันตกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลบนเครือข่ายดิจิทัลความเร็วสูง สามารถให้บริการทันตกรรมแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มีภาคีเครือข่ายการทำงานร่วมกันเพิ่มมากขึ้น และขยายพื้นที่บริการครอบคลุมหลายจังหวัด มีทันตแพทย์ร่วมลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน Thai Teledentistry แล้วในกว่า 20 จังหวัด อาทิ ชัยภูมิ นครราชสีมา นครปฐม และยังมีอีกหลายจังหวัดที่ทยอยติดต่อเข้ามาเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย 
"เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบแอปพลิเคชัน Thai Teledentistry ให้เชื่อมโยงกับการแพทย์ทางไกลในรูปแบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างเช่น ครูสามารถทำหน้าที่ตรวจฟันนักเรียนในโรงเรียน โดยมีทันตแพทย์ตรวจวินิจฉัยผ่านภาพบนหน้าจอและให้คำแนะนำได้ทันที หากทำได้สำเร็จ นี่จะเป็นต้นแบบสำคัญที่พื้นที่อื่นๆ สามารถนำไปต่อยอดและขยายผลได้อย่างกว้างขวาง" ผศ.ทพ.ดร.อิสระพงศ์ กล่าว 
โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการทันตกรรม แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีและเท่าเทียมให้กับคนไทยทุกคน










กำลังโหลดความคิดเห็น