มติแพทยสภาเกิน 2 ใน 3 ฟัน 3 หมอเอื้อ "ทักษิณ" รักษาชั้น 14 คาดพรุ่งนี้ออกคำสั่งได้ เผยพิจารณารายคน เทียบข้อมูลทั้งมติเดิม เหตุผลวีโต้ ไม่กังวลคำสั่งศาลปกครองปมผู้มีสิทธิโหวต ยันวิชาชีพต่างกันเอามาเทียบกันไม่ได้ ขอบคุณแพทย์-คนไทยให้กำลังใจทำตามหน้าที่และจรรยาบรรณ ตอกกลับ "สมศักดิ์" หมอทุกรุ่นสอนเหมือนกัน รู้บทบาทหน้าที่ ใช้เป็นเคสศึกษามาตรฐานการรักษา
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 15.00 น. ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่หนึ่ง แถลงข่าวภายหลังการประชุมแพทยสภา ซึ่งมีวาระการพิจารณาข้อคิดเห็นของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษฯ ที่เสนอยับยั้งหรือวีโต้มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน เป็นเวลา 3 เดือนและ 6 เดือน กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
ทั้งนี้ ในการประชุมมีกรรมการแพทยสภามาครบทั้ง 70 คน แต่ 1 คน มีส่วนได้ส่วนเสีย เนื่องจากเป็นผู้ถูกพักใช้ใบอนุญาต จึงต้องออกจากที่ประชุมในช่วงลงคะแนนเสียง
ศ.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่า กรณีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจเกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
การประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2568 มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ แห่งแพทยสภา
วาระนี้มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม จำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2568
กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป
ถามถึงกระบวนการจากนี้จะดำเนินการอะไรต่อและใช้เวลานานเท่าใดจึงมีผล ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้มีการรับรองมติของแพทยสภา วันพรุ่งนี้ก็สามารถออกคำสั่งแพทยสภาตามมตินี้ได้ และดำเนินการแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบทันที
ถามถึงสิ่งที่นายสมศักดิ์ชี้แจง สอดคล้องกับความเห็นในการวีโต้หรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า การประชุมวันนี้เรารับฟังข้อคิดเห้นอย่างชัดเจน สภานายกพิเศษได้มาให้ความคิดเห็นต่อมติแพทยสภา ซุ่งท่านวีโต้ ขณะเดียวกันวันนี้กรรมการแพทยสภาทุกท่าน ซึ่งบางท่านไม่ได้มาเข้าประชุมครั้งที่แล้ว ได้รับเอกสารที่สภานายกพิเศษส่งถึงแพทยสภาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลแห่งการวีโต้ทั้งหมด ทุกท่านรับเอกสารนั้น
"วันนี้กรรมการแพทยสภามีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาทำเปรียบเทียบให้เห็นมติของกรรมการแพทยสภาว่าเพราะเหตุใด เหตุผลของการยับยั้งที่มาจาสภานายกพิเศษเพราะเหตุใด และมีบทวิเคราะห์ กรรมการแพทยสภาทุกท่านเห็นข้อมูลเหล่านี้ และใช้ดุลยพินิจด้วยตัวท่านเอง จากข้อมูลที่มีกับเหตุผลต่างๆ จึงมีมติมาตามนี้ วันนี้จึงเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ชัดเจน ทุกท่านใช้ดุลยพินิจได้ภายใต้วิชาการ ข้อมูลที่เป็นจริงและเหตุผล" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ถ้าให้พูดตรงๆ ไม่ได้เกินแค่ 2 ใน 3 เราพิจารณาเป็นรายกรณีทั้ง 3 กรณี แต่ละกรณี กรรมการแพทยสภาที่เห็นชอบกับมติเดิมเกิน 60 เสียงขึ้นไปใน 69 เสียงที่สามารถออกเสียง วันนี้ชัดเจนมาก เหตุผลที่ออกมติเดิมคือเหตุผลที่เราลงโทษตั้งแต่คราวที่แล้ว วันนี้ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ต้องเพิ่มเติม
ถามถึงกรณีแชตไลน์หลุดของแพทยสภามีการหารือถึงเรื่องนี้หรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เราไม่โต้ตอบใดๆ แต่วันนี้จะให้ข้อมูล ที่บอกว่ามีแชตหลุดเป็นข้อมูลในไลน์กลุ่มที่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มทางการของแพทยสภา หากสังเกตมีการลบป้ายหัวตอนบนด้วย เป็นข้อมูลที่แพทย์ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการแพทยสภามีการเมนชั่นถึง และขออนุญาตที่จำเป็นต้องออกชื่อ เพราะในแชตพูดถึงทักษิณ ชินวัตร และในกรรมการแพทยสภาที่มีผู้คีย์เยสลงไป หลายท่านใช้ไลน์เชื่อว่าคงเกิดเหตุการณ์ที่ได้รับเราก็เยส
ย้ำว่า หนึ่งนี่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มของแพทยสภา ถ้าว่าไปแล้วที่ส่งเข้ามามาจากของแพทยสมาคม สองการตอบนั้นไม่ได้มีการคีย์อะไรเข้าไปเพื่อแสดงความคิดเห็น เหมือนกับเราเยสตามลงไป การบอกว่าสิ่งเหล่านี้จะกระทบคำตอบคือไม่ใช่ และสาม เรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่า การพิจารณาวาระนี้ของแพทยสภาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครคือผู้ป่วย เราพิจารณาตามหลัการ ตามวิชาการ พิจารณาไปตามนั้น ปลอดจากปัจจัยรอบข้าง
ถามถึงกรณีนายสมศักดิ์มีการแนบคำสั่งศาลปกครองถึงผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง แพทยสภามีความกังวลหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ขออธิบายว่า ในการพิจารณาการทำงานของคณะกรรมการสอบสวน มีการประชุม 60 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 1-6 ชั่วโมง มี 3 ครั้งเท่านั้นที่เปิดหลังจากเรารับเอกสาร ช่วงเมษายนที่รับเอกสารเพิ่มเติม แต่เวลาการทำงานทั้งหมด อยู่ระหว่าง 10-60 ชั่วโมง ที่ท่านเห็น 4 เดือน ไม่ได้ทำเรื่องนี้อย่างเดียว เรามาประชุมจริงๆ แค่ 10 ครั้งและโฟกัสแต่ละเรื่อง
แต่วันนี้กรรมการแพทยสภาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.เราพิจารณาไป 1 ครั้งเราใช้เวลาพิจารณาไประดับหนึ่งแล้ว วันนี้มีการพิจารณาซ้ำอีก เราใช้เวลาเยอะพอสมควรทีเดียว กรณีจะแตกต่างกับที่ท่านได้นำ กรณีของด้านการแพทย์ไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลายกรณีวิชาชีพไม่เหมือนกัน วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกัน จะเอามาอ้างให้เทียบเคียงกันคงไม่เหมาะสม
ถามว่าหากมีการร้องศาลปกครองต่อคำสั่งลงโทษของแพทยสภาจะมีผลหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า กระบวนการนายกแพทยสภาจะแจ้งให้ผู้ถูกลงโทษทราบ เพราะจะต้องมีระยะเวลาหนึ่ง เช่น การยับยั้งการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งเคลียร์งานบางอย่าง เช่นนัดคนไข้ไว้ นายกแพทยสภาก็จะเป็นผู้กำหนดตรงนี้และส่งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
"เมื่อไรไปร้องเรียนศาลปกครองเข้าสู่กระบวนการศาลปกครองแล้ว สามารถกระทำได้ เราก็เดินตามกระบวนการขออำนาจตุลาการที่จะมีการไปชี้แจงเหตุผลต่างๆ นี่คือธรรมาภิบาลของประเทศนี้ หากไม่ถูกก็ไปร้องเรียนได้ หน้าที่เราคืออธิบายให้ศาลรับทราบ" ศ.นพ.ประสิทะกล่าว
ถามว่ากังวลการเปิดรายชื่อการโหวตหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 5 หมื่นท่านที่ลงนาม จะเห็นว่าสาระใหญ่ของท่านเหล่านั้น ต้องการให้แพทยสภายึดมั่นและยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
"สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาทุกท่านตระหนักและตั้งใจจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว สิ่งที่ท่านให้มาความเห็นผมไม่ใช่แรงกดดัน นั่นคือกำลังใจเพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และเป็นสิ่งที่ความเห็นผมคือชอบแล้วซึ่งการกระทำ ที่ส่งมาไม่ได้เรียกว่าการกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่าง ที่พยายามทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ อย่างนี้คือให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ อย่างนี้ถึงเรียกว่ากดดัน บางกรณีเข้าเกณฑ์ข่มขู่ด้วยซ้ำ อยากให้เข้าใจตรงกัน ขอเป้นตัวแทนกรรมการแพทยสภาทุกท่านกราบขอบพระคุณแพทย์ทั้งหลาย คนไทยทั้งหลาย ที่แสดงออกชัดเจนอยากให้แพทยสภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และวันนี้กรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว ขอสิ่งเหล่านี้ส่งกลับทุกท่านว่าที่ให้กำลังใจมาได้ส่งผลแล้ว" ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
ถามว่าสามารถเปิดเผยรายชื่อผู้ถูกลงโทษและการลงโทษที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้หรือไม่ เพาะที่ผ่านมาเป็นเพียงการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ขอว่าวันนี้อยากสื่อภาพใหญ่ก่อนมติคืออะไร และจะแถลงออกไปอีกครั้ง การแจ้งชื่อทั้งหลายหมดออกมาทันที ความเห็นผมอาจจะไม่เหมาะหากจะรีบแจ้ง แต่กระบวนการชัดเจนใครโดนเท่าไร และเรายังไม่ได้ออกคำสั่งออกไป ให้ออกคำสั่งเรียบร้อยก่อนจากนั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ถามว่าจะมีการพิจารณาลงโทษแพทย์เพิ่มเติมจากนี้หรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ก็กำลังจะพิจารณาเพิ่มเติม
ถามว่ากรณีนายสมศักดิ์ระบุว่าหากมีการลงโทษจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ทำให้แพทย์รุ่นใหม่กลัวในการทำหน้าที่ตนเอง ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ รุ่นเดิม เรารับการอบรมสั่งสอนเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ เข้าใจความถูกต้อง เข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน อยากจะย้ำวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสอนมา วันนี้แพทย์ทั้งหลายก็จะเห็นว่าเป็นกรณีศึกษาต่อไปว่ากฎหมายของแพทย์อาจจะมีมากมายเพียงแค่รักษาคนไข้อย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา
ด้าน นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังแพทยสภามีมติยืนตามมติวันที่ 8 พ.ค.2568 ว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้คิดว่าจะออกมาอย่างไร เพราะทำตามหน้าที่ให้ครบถ้วน วันนี้ก็จะเดินทางไปสุโขทัยเพื่อได้รับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ วันพรุ่งนี้
เมื่อถามถึงรู้สึกอย่างไรที่การยื่นคัดค้านไม่เป็นผล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้ส่งเอกสารไปให้คณะกรรมการทุกคนได้อ่าน แล้วอ่านไม่ทันหรือไม่ก็งง
เมื่อถามกลุ่มแพทย์ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน จะมีผลต่อการทำงานร่วมกันหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามกลุ่มแพทย์ว่าทำงานกับตนได้หรือไม่ แต่ตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตนทำหน้าที่หมดแล้ว เป็นหน้าที่ของท่านอื่นก็ว่ากันต่อไป ก็ขอให้ทุกคนมีความสุข
