ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่
อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาสหวิทยาการและการศึกษาตลอดชีวิต (I-GRAD)
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าพัฒนามาแล้ว 6 GENERATION เมื่อมองย้อนกลับไป “บุหรี่ไฟฟ้า” ถูกนำมาขายในเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2003 ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังเป็นยุคของบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกจึงหน้าตาเหมือนบุหรี่มวนทุกประการ เพียงแต่ว่าเปลี่ยนเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ข้างในเป็นแบตเตอรี่เท่านั้นเอง การแยก generation ของบุหรี่ไฟฟ้า แยกด้วยวิธีการใช้ (device operation) วิธีการสูบ (nicotine delivery) ประเภทน้ำยาและนิโคตินที่ใช้รูปลักษณ์ วิธีการทำตลาดและกลุ่มเป้าหมาย และเทคโนโลยีที่พัฒนาไปในแต่ละรุ่น
“บุหรี่ไฟฟ้า” รุ่น 1 หรือ 1st Generation เป็นบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกซึ่งในขณะนั้นยังเป็นกระแสของบุหรี่มวนที่มีความนิยมเป็นทุนเดิม บุหรี่ไฟฟ้าในยุคนั้นถูกออกแบบมาให้หน้าตาเหมือนมวนทุกประการ เป็นสีขาวและมีก้นกรองเป็นสีส้ม ตัวมวนทำจากพลาสติก มีขนาดและรูปลักษณ์เหมือนบุหรี่มวน เมื่อพัฒนาเป็นรุ่น 2 หรือ E – pen หรือรุ่นปากกา รูปลักษณ์เปลี่ยนไปคล้ายปากกา มีขนาดเท่ากับปากกา มีอุปกรณ์ Adapter และสายชาร์จเหมือนกับโทรศัพท์มือถือ รุ่นปากกานี้เริ่มพบการขายในประเทศไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม รุ่นปากกาก็ยังคงมีรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงามเหมือนรุ่นปัจจุบัน หลังจากนั้น พัฒนาเป็นรุ่น 3 หรือรุ่นแทงค์ ซึ่งรูปลักษณ์เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก คือ มีแทงค์เก็บน้ำยาด้วย เป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีแทงค์ติดอยู่ด้านข้างของบุหรี่ไฟฟ้า รุ่นนี้สามารถตีตลาดนักสูบวัยรุ่นคนไทยได้มากขึ้น จะเห็นได้ว่าเป็นช่วงที่คนสูบบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแทงค์มากขึ้น เป็นรุ่นที่เติมน้ำยาได้ น้ำยามีทั้งผลิตในประเทศไทยและผลิตในต่างประเทศ การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้ารุ่น 3 ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเมืองไทย บุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ Gen 3 เป็นต้นมา เป็นรุ่นที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในวิธีการใช้ เปลี่ยนแปลงในรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของประเภทของนิโคติน และในด้านการตลาดในการเริ่มมองหาเป้าหมายใหม่
เมื่อมาถึง Gen 4 เป็นบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การตลาดบุหรี่ไฟฟ้าไปอย่างมาก ในช่วงดังกล่าว ในประเทศสหรัฐอเมริกามีกระแสของแบรนด์บุหรี่ไฟฟ้าแบรนด์หนึ่งที่โด่งดังมากในกลุ่มวัยรุ่น เป็นแบรนด์สตาร์ทอัพ (Start-Up) มีชื่อว่า จูล (Juul) เรียกว่า 8 ใน 10 ของวัยรุ่น จะต้องสูบบุหรี่ไฟฟ้าแบรนด์จูล บุหรี่ไฟฟ้าแบรนด์นี้ทำการตลาดที่เล็งกลุ่มเป้าหมายของวัยรุ่น ใช้แฟชั่น ใช้การสังสรรค์ปาร์ตี้เป็นตัวนำ มีเด็กวัยรุ่นหน้าตาสดใสมาเป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณา และมีการจ้างอินฟูลเอนเซอร์ (Infulencer) คนดัง เซเลบริตี้ (Celebrity) ต่าง ๆ มาโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าแบรนด์นี้ บุหรี่ไฟฟ้าแบรนด์จูล (Juul) มีหน้าตารูปลักษณ์ต่างจากบุหรี่ทั้ง 3 รุ่น เพราะผลิตออกมาหน้าตาเหมือนแฟลซไดร์ฟ (Flash drive) แบนบาง และเปลี่ยนจากการหยดน้ำยาเติมเป็นการเปลี่ยนหัวพอดสำเร็จรูปหรือใช้หัวน้ำยาสำเร็จรูปที่สามารถเสียบกับอุปกรณ์ได้ทันที เป็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่ง่ายที่สุด เมื่อเทียบกับ 3 รุ่นที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นแทงค์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ยาก อุปกรณ์มีความเทอะทะ ต้องคอยหยดน้ำยาตลอดเวลา การใช้งานค่อนข้างยุ่งยากเพราะมีอุปกรณ์เสริมข้างในที่ผู้สูบจะต้องเปลี่ยนเองหรือทำความสะอาดเองได้ ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า Gen 4 วิธีการใช้เปลี่ยนไป ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากเปลี่ยนหัวน้ำยาสำเร็จรูปที่มีกลิ่นรสหลากหลาย ทำให้ใช้ง่าย เป็นการตลาดที่เล็งกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น แบรนด์จูลจึงเป็นสตาร์ทอัพที่ตีตลาดการขายบุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นได้จนผู้ใหญ่และวงการสาธารณสุขตระหนก
จาก Gen 4 พัฒนาต่อมาเป็นบุหรี่ไฟฟ้า Gen 5 เป็น “ทอยพอด-Toy Pod” บุหรี่ไฟฟ้าทรงการ์ตูน ที่มีรูปลักษณ์หน้าตาแตกต่างจากทั้ง 4 รุ่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะบุหรี่ไฟฟ้าทอยพอด ผลิตออกมาให้หน้าตาและขนาดเหมือนตุ๊กตา นำเอาการ์ตูนเป็นตัวตั้ง เอาของเล่นที่เด็ก ๆ ชอบ หรือ art toy เป็นตัวตั้งเพื่อนำมาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าเลียนแบบให้เหมือน แยกไม่ออกว่าอะไรคือตุ๊กตาจริง อะไรคือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดึงการ์ตูนเข้ามาในการสร้างแบรนด์บุหรี่ไฟฟ้า การพัฒนาบุหรี่ Gen 5 เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าทุกุร่น เพราะเข้าถึงเด็กง่าย ความนิยมตัวการ์ตูนใดที่เด็กจดจำได้หรือเข้าถึงง่าย ธุรกิจจะนำตัวการ์ตูนนั้นมาพัฒนาเป็นตัวผลิตภัณฑ์ เป็นการตลาดที่เล็งเป้าหมายใหม่คือเยาวชนอายุน้อย
ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้อยู่แค่ GEN 5 แต่พัฒนาไปเป็น “พอดจมูก” หรือบุหรี่ไฟฟ้า Gen 6 บุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่ Gen 1 – Gen 5 สูบด้วยปาก แต่บุหรี่ไฟฟ้า Gen 6 พอดจมูก สูบด้วยจมูกไม่ได้สูบด้วยปาก พอดจมูกเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์ เทคโนโลยี และการปรับค่าโอห์มบุหรี่ไฟฟ้า ให้ควันสามารถที่จะออกมาเบาบางมากขึ้น จนเราสูบผ่านจมูกได้โดยที่ไม่ไอ หรือสำลัก เหมือนสูบผ่านปาก แต่ใช้วิธีการสูบเหมือนสูดยาดม ทั้งหมดนี้คือพัฒนาการของบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่ Gen 1 – Gen 6
ถึงแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยก็ตาม แต่ยังคงพบการขายในออนไลน์ อยู่ในทุกสื่อ และการส่งสินค้าแบบ Home Delivery ก็ยังเข้าถึงเยาวชนได้อีกช่องทางหนึ่ง
การสร้างความตระหนักรู้ถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ โดยเฉพาะ Digital Media Literacy ในปัจจุบันภูมิทัศน์สื่อเดิม (Traditional Media) แตกต่างกับสื่อดิจิตอล แตกต่างกันโดย สื่อดิจิตอลมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีการ Engage อยู่กับชีวิตเรา มีการติดตาม (Tracking) ชีวิตผู้ใช้ เพื่อที่จะนำเสนอเนื้อหา (Content) ที่เราชอบ มีการวิเคราะห์ (Analize) ผู้รับสารเป็นรายบุคคลและนำเสนอเนื้อหาที่ตรงต่อใจเรา และมีการใช้ระบบ AI ในการสร้างเนื้อหา มีการถักทอเนื้อหา (fabricate) มีการปรับเปลี่ยน มีการสร้างมายาภาพขึ้นมามากมาย ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหา ของสื่อแบบดั้งเดิม ดังนั้น ทักษะในการเท่าทันสื่อดิจิตอลของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะพลเมืองชาวเน็ต (netizen) นักศึกษาและวัยรุ่น และเด็กยุคใหม่ ต้องเรียนรู้เรื่องทักษะการเท่าทันสื่อดิจิตอลที่แตกต่างจากทักษะการรู้เท่าทันสื่อแบบเดิม ทักษะเพียงแค่แยกแยะ คิด วิเคราะห์ยังไม่เพียงพอ เยาวชนยุคใหม่จะต้องสามารถโต้ตอบและเปลี่ยนเส้นทางสื่อดิจิตอลได้ด้วย เช่น เราเห็นโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าแล้วแชร์ไปให้เพื่อนในเชิงชื่นชมหรือชวนซื้อ แสดงว่าเราสร้างเส้นทางในทางบวกเพิ่มให้กับคอนเทนต์นั้นๆ แต่ถ้าเราเห็นแล้วเขียนคำบรรยายส่งต่อให้เพื่อนรู้ว่า เป็นการหลอกลวง อย่าไปหลงเชื่อ หรือกดรีพอร์ท ก็จะเป็นการสร้างเส้นทางในทางลบให้คอนเทนต์นั้น รวมทั้งความเข้าใจวิธีการสร้างคอนเทนต์ในสื่อดิจิตอลที่มีความเป็นมายามากกว่าสื่อเดิม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ทักถอเนื้อหาเสมือนจริง การใช้ influencer ในรูปแบบต่างๆ ทักษะที่แตกต่างไปจากเดิมนี้เอง จึงจะเป็นคำตอบเพิ่มเติมที่ว่า ทำอย่างไรให้เด็กปลอดภัยจากภัยออนไลน์ทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพนัน การล่อลวงค้าบริการ สแกมเมอร์ ธุรกิจการเงิน บุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เด็กไทยยุคนี้ขาด ไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็น ทักษะการรู้เท่าทันสื่อดิจิตอล Digital Media Literacy ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กยุคใหม่จะต้องเรียนรู้ เข้าใจ และโต้ตอบได้
พิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ายังก่อให้เกิดโรคอิวาลี่ (Evali) หรือโรคปอดอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า การตลาดที่เข้าถึงด้วยรูปลักษณ์ การจ้างรีวิวบุหรี่ไฟฟ้า การสูบโชว์ บรรยายสรรพคุณในช่องทางออนไลน์ คือ การส่งเสริมการขายที่เข้าถึงเด็ก รวมทั้งมายาคติที่แพร่จนกลายเป็นความเชื่อว่าปลอดภัย แต่บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินที่ก่อการเสพติดและยังสารเคมีอื่น ๆ ที่อีกมากมายที่ให้โทษต่อร่างกาย ดังนั้น ผู้ปกครองและโรงเรียน ควรหมั่นสอดส่องดูแล ควรเฝ้าระวังพฤติกรรมของเด็กอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตือนถึงโทษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ