อย. ยกระดับมาตรการควบคุมการใช้ “ยาทรามาดอล” เฉพาะสูตรยาเดี่ยวชนิดรับประทาน ซึ่งพบปัญหาการนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ขณะที่ยาสูตรผสมทรามาดอลกับพาราเซตามอล ยังคงสามารถจำหน่ายได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชกรควบคุม
วันนี้ (4 มิ.ย.) นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ยาทรามาดอล (tramadol) เป็นยาแก้ปวดในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioids) ออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน จึงเสี่ยงต่อการเสพติดได้ โดยในปัจจุบันพบกลุ่มเด็กและเยาวชนมักนำไปใช้ในทางที่ผิดซึ่งใช้ผสมกับยาแก้ไอ น้ำอัดลม น้ำต้มกระท่อม และวัตถุออกฤทธิ์อื่น ๆ เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา สนุกสนาน โดยเรียกว่า “ยาเขียวเหลือง”
ยาเขียวเหลืองเป็นยาแคปซูลชนิดรับประทานสูตรยาเดี่ยว ในทางการแพทย์ใช้บำบัดอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยร่างกายสามารถรับได้ในปริมาณสูงสุดไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยามีผลข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ง่วงซึม ปวดศรีษะ มือสั่น ใจสั่น ประสาทหลอน เป็นต้น หากได้รับยาในปริมาณสูงตั้งแต่ 500 มิลลิกรัม หรือ 10 แคปซูลขึ้นไปจะเกิดอาการรุนแรง เช่น ชัก ไข้สูง กล้ามเนื้อสลาย ลิ่มเลือดกระจายในหลอดเลือด ไตวายเฉียบพลัน และอาจเสียชีวิตได้
การตัดสินใจยกระดับเป็นยาควบคุมพิเศษและจำกัดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอล จากเดิมที่ขายได้ทั้งร้านขายยาและสถานพยาบาล เป็นสถานพยาบาลเท่านั้น ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบผ่านคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลายวิชาชีพ โดยยามีประโยชน์ในการบรรเทาอาการปวดปานกลางและรุนแรง แต่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดเฉพาะสูตรยาเดี่ยวชนิดรับประทาน ขณะที่ไม่พบการระบาดของยาสูตรผสม ทรามาดอลกับยาพาราเซตามอล
เลขาธิการฯ อย. กล่าวย้ำว่า มาตรการควบคุมการจำหน่ายและการปรับสถานะเป็นยาควบคุมพิเศษมีผลเฉพาะยาทรามาดอลสูตรยาเดี่ยวชนิดรับประทานเท่านั้น ดังนั้น เภสัชกรร้านยายังคงให้บริการผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาสูตรผสมทรามาดอลกับยาพาราเซตามอล เพื่อบำบัดการปวดในระดับกลางถึงรุนแรงแทนได้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยาของประชาชน