xs
xsm
sm
md
lg

เผยผู้ประกอบการขนาดเล็กบางส่วนเมินกฎหมายแรงงาน เก็บเอกสารสำคัญลูกจ้างเมียนมาหวังสกัดไม่ให้เปลี่ยนงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สว.สมุทรสาคร ผอ.มูลนิธิเพื่อสิทธิแรงงาน และกลุ่มนายจ้างสีขาว เผยผู้ประกอบการขนาดเล็กไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน เก็บเอกสารลูกจ้างต่างด้าวสกัดไม่ให้ไปทำงานที่อื่น จี้กระทรวงแรงงานแก้ปัญหาต้นทาง ชี้การขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติขั้นตอนเยอะยุ่งยากเสียค่าใช้จ่ายมาก เปิดช่องคอรัปชั่น เกิดนายหน้า”เมียนมา”เถื่อน

 

นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภาจ.สมุทรสาคร
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภาจ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า ข้อมูลของกระทรวงแรงงาน มีแรงงานต่างด้าวในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม กว่า 3,200,000 ทั่วประเทศ ข้อมูลเมื่อเดือนต.ค. 2567 เฉพาะจ.สมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าว 292577 คน พม่ามากสุด 281673 คน แต่มีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการระบุที่สมุทรสาครมีนับล้านคน ในจำนวนนี้มีพวกหลบหนีเข้าเมืองมาด้วยจำนวนมาก เห็นได้จากการเปิดให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมาลงทะเบียนต่ออายุ หมดเขตเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา มีมาลงแค่ 2 แสนกว่าคนเท่านั้น ยังมีอีกหลายแสนคนที่ไม่ยอมมาลงทะเบียน

นายปริญญา กล่าวว่า ตนเป็นคนสมุทรสาคร และทำเรื่องแรงงานต่างด้าวมาตลอด พบว่า ปัจจุบันการใช้แรงงานต่างด้าวในส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและหลักสิทธิมนุษยชนน้อยกว่าในอดีต ถ้าเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน ยังมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของล้งหรือแพที่แกะกุ้งแกะหอยมีคนงาน 5-10 คน มักมีปัญหาไม่ได้สวัสดิการเท่าที่ควร และให้ทำงานเกินเวลา ปกติตามกฎหมายแรงงานให้ทำวันละ 8 ชั่วโมง ใน6 ต่อสัปดาห์ แต่ให้ทำทั้ง 7วันๆละ 12 ชั่วโมง และเมื่อมีการเปิดให้ลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวก็ไม่บอกไม่พาไป เพราะมองว่าหากมีใบอนุญาตทำงานอาจหนีไปทำงานที่อื่น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด หากทางราชการไปตรวจสอบนายจ้างจะมีความผิด

“ในฐานะที่ผมเป็นรองประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย -เมียนมา จะประสานกับทางกระทรวงการต่างประเทศและทูตพม่าประจำประเทศไทย เพื่อจะเชิญทูตพม่ามาลงพื้นที่จ.สมุทรสาคร เพื่อให้ดูว่ารัฐบาลไทยคนไทยดูแลแรงงานพม่าอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษาลูกหลาน และการรักษาพยาบาล รวมถึงจะให้ดูศูนย์แรงงานพม่าทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติ ดังนั้นฝ่ายพม่าก็ควรจะช่วยดูแลคนของตัวเองด้วย จุดประสงค์ของผม ต้องการให้สมุทรสาครเป็นโมเดลต้นแบบของการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้อง”นายปริญญา กล่าว

 

น.ส.สุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสิทธิแรงงาน (มสร.)
น.ส.สุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสิทธิแรงงาน (มสร.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางดูแลแรงงานเมียนมาได้ดีระดับหนึ่ง แต่มีปัญหาในส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีสวัสดิการ ไม่มีวันหยุด ไม่เข้าสู่ระบบกฎหมาย ทำให้แรงงานข้ามชาติไม่อยากอยู่ หลายรายถูกยึดเอกสารประจำตัวไปเลย ต้องหลบซ่อนตัวเองไปไหนก็ไม่ได้ ทำตามนายจ้างสั่งอย่างเดียว อีกอย่างมีการจ้างงานผิดประเภทด้วย ซึ่งในส่วนของการละเมิดสิทธิแรงงาน สถานประกอบการขนาดเล็กถูกร้องเรียนมากที่สุด อย่างเช่นโรงงานผลิตรองเท้าเจ้าของเป็นคนจีน ค่าจ้างขึ้น 300 บาทกว่าบาท แต่นายจ้างก็ยังไม่ปรับให้ คนงานก็อยู่แบบจำนนเพราะไม่อยากตกงาน

“อีกเคสที่มสร.เข้าไปช่วยในรายผู้ประกอบการขนาดเล็กที่จ.ชลบุรี คนงานถูกยึดเอกสารทั้งพาสปอร์ต ใบอนุญาตทำงาน และบัตรประชาชนพม่า วันหยุดไม่ได้หยุด ค่าจ้างก็ไม่จ่าย ตามกฎหมายแรงงานวันหยุดต้องได้ 2 เท่า ถ้าต้นไม้ตาย หรือวันไหนนายจ้างเมาไม่สวัสดีโดนหักค่าจ้างอีก ในข้อกฎหมายห้ามยึดเหนี่ยวเอกสาร โทษฐานความผิดต้องติดคุกและปรับไม่เกินเป็นแสนบาท อีกอย่างเวลานายจ้างพูดคุยกับลูกจ้างจะนำปืนมาวางบนโต๊ะ อันนี้ผิดหลักสิทธิมนุษยชนเป็นการข่มขู่ ทั้งที่คนงานไม่ได้มีความผิดอะไร”น.ส.สุธาสินี กล่าวและว่า การแก้ปัญหานายจ้างไม่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนลำบากมาก เพราะเป็นปัญหาเชิงระบบของบ้านเรา โดยเฉพาะขั้นตอนการขึ้นทะเบียนต่ออายุแรงงานต่างด้าว ซึ่งฟังดูดีแต่จริงๆแล้วทำไม่ได้ เนื่องจากเกิดคอร์รัปชัน และมีระบบนายหน้าเข้ามาแทรก

 

นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร
นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร กล่าวว่า ในส่วนแรงงานภาคประมงมีการตรวจสอบค่อนข้างเข้มงวด ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะเจ้าของก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด ว่าไปแล้วมีสวัสดิการต่างๆค่อนข้างดีกว่าอยู่บนฝั่ง เพื่อเป็นจูงใจให้ทำงานในเรือประมง อย่างเช่น มีอาหารให้ครบ3 มื้อ ค่าจ้างรายวันส่วนใหญ่ก็ได้มากกว่าอัตราค่าจ้างปกติที่จ้างกันบนฝั่ง โดยเฉพาะคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งโดยทั่วไปงานจะไม่หนัก แค่มีงานเป็นช่วงๆเท่านั้น

สวัสดิการอื่นๆ อย่างเรื่องประกันสังคมก็มีเหมือนสถานประกอบการทั่วไป สำหรับแรงงานที่ทำงานบนเรือมาก่อนก็มักจะทำงานภาคประมงไปเรื่อยๆ ยกเว้นคนที่มีครอบครัว

อย่างไรก็ตามจะหาแรงงานที่มาทำงานในเรือประมงก็ไม่ง่ายนัก ต้องเป็นคนที่มีใจรักและชอบงานประเภทนี้จริงๆ 



น.ส.นิลุบล พงษ์พะยอม กลุ่มนายจ้างสีขาว
น.ส.นิลุบล พงษ์พะยอม กลุ่มนายจ้างสีขาว ซึ่งเป็นตัวแทนจากผู้ประกอบการรายย่อยและรายกลาง กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนต่ออายุแรงงานข้ามชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที 24 ก.ย. 2567 มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายเยอะ และเปิดช่องให้มีการคอรัปชั่น เกิดนายหน้าเมียนมาเถื่อน โดยมีทั้งหมด 9 ขั้นตอน ทั้งต้องไปยื่นเอกสารให้ประเทศต้นทางด้วย ตนเคยเข้าพบและแจ้งให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทราบแล้ว แต่ก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น

น.ส.นิลุบล กล่าวว่า ในความเป็นจริงหากผลประกอบการมีกำไร นายจ้างก็อยากดูแลลูกจ้างข้ามชาติอย่างดี เพื่อให้อยู่กันได้นานๆ แต่จากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ และยังมาเจอปัญหาการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากก็เป็นภาระให้กับนายจ้างเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นกระทรวงแรงงานต้องแก้ปัญหาเหล่านี้เสียก่อน

“กระทรวงแรงงานไม่เคยลงไปตรวจสอบเลยว่าผู้ประกอบการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่อย่างไร บางอย่างนายจ้างก็คิดเองว่าทำได้ ยกตัวอย่างการเก็บเอกสารต่างๆของลูกจ้างเพราะนายจ้างต้องจ่ายเงินค่าขึ้นทะเบียนใบอนุญาตทำงานไปก่อน หรืออีกอย่างที่ไม่ทำประกันสังคมให้เพราะยุ่งยากและค่าใช้จ่ายเยอะมาก”น.ส.นิลุบลกล่าวและว่า อยากให้คนไทยเข้าใจว่าการที่บ้านเราจำเป็นต้องใช้แรงงานข้ามชาติ เนื่องจากขาดแคลนวัยแรงงานด้วยความที่ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีคนเกิดน้อย


ด้านเจ้าของร้านค้าคนไทยรายหนึ่งในอ.เมือง จ.สมุทรสาคร ขายของโชห่วย กล่าวว่า แต่ก่อนยังให้แรงงานพม่าค้าขายของหน้าร้านได้ แต่ช่วงนี้ทางราชการตรวจเข้มงวดมาก เลยได้แค่ให้ช่วยหยิบของให้ลูกค้า ไม่สามารถเก็บเงินได้เพราะไม่มีใบอนุญาตขายของ ซึ่งก็ดีเหมือนกันเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะตอนนี้ชาวพม่าเข้ามาเปิดร้านขายของให้กับพวกพม่าเองเยอะ อย่างพวกขายของตามตลาดนัดต่างๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พูดคุยกับสองสามีภรรยา แรงงานเมียนมา ซึ่งทางมสร.ช่วยพาออกจากสถานประกอบการของนายจ้างที่จ.ชลบุรี ทั้งสองเล่าว่า ถูกยึดเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนพม่าและใบอนุญาตทำงานในไทย การทำงานกับนายจ้างรายนี้ไม่มีวันหยุดและทำหลายอย่าง ทั้งดูแลต้นไม้และเลี้ยงไก่ ถ้านายจ้างเมาเวลาคุยกันจะเอาปืนมาวางไว้ ดีที่ว่าแอบใช้โทรศัพท์ติดต่อขอความช่วยเหลือกับทางมสร.และขอขอบคุณที่ช่วยพาออกมาจากนายจ้างคนนี้ได้ ที่ผ่านมาตนทำงานกับนายจ้างคนไทยรายอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร เพิ่งมาเจอนายจ้างคนนี้ ซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็กอยู่ที่จ.ชลบุรีและระยอง มีสองแห่งให้ไปทำงาน ตอนแรกพวกตนไม่รู้ โดยให้ทำงานหลายอย่างทั้งเลี้ยงไก่และปลูกต้นไม้ อย่างไรก็ตามก็ต้องทนทำไปเพราะนายจ้างเก็บเอกสารสำคัญๆทั้งหมด หลังจากนี้จะเปลี่ยนไปทำงานที่อื่น และคงต้องเลือกนายจ้าง เพื่อไม่ให้เจอปัญหาเหมือนเดิม

นางขิ่น เมียว (นามสมมุติ) กล่าวว่า เพื่อนๆตนที่ทำงานในโรงงานปลากระป๋องขนาดใหญ่ ได้เงินเดือนและสวัสดิการดีมาก เงินเดือนขึ้นทุกปีและมีโบนัสด้วย จึงชวนญาติพี่น้องมาทำงานกันที่เมืองไทย และยิ่งเมียนมาเกิดสงครามกลางเมืองด้วยก็อพยพกันมามากขึ้น แต่ตอนแรกมีงานอะไรก็ทำไปก่อน พร้อมกับเรียนภาษาไทยไปด้วย เพราะทางมูลนิธิเพื่อสิทธิแรงงานเปิดสอนฟรี

“ได้ยินเพื่อนๆมาเล่าให้ฟัง มีชาวเมียนมาจำนวนไม่น้อยไปทำงานตามร้านค้าหรือโรงงานเล็กๆแล้วถูกเอารัดเอาเปรียบ ให้ทำงานสารพัด ทำงานหนัก แต่จ่ายเงินให้น้อย ทั้งที่ทำงานเกิน8 ชั่วโมง แต่ตัวเองโชคดีที่ได้ทำงานโรงงานปลากระป๋องที่ส่งออกต่างประเทศ ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเข้มงวด”

นายมิน ยะเน (นามสมมุติ) แรงงานเมียนมาอีกคนที่ทำงานในจังหวัดสมุทรสาคร เล่าว่า ตนเองเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยกว่า 10 ปีแล้ว เจอนายจ้างคนไทยมาหลากหลายแห่ง จากประสบการณ์สรุปได้ว่าถ้าอยู่สถานประกอบการขนาดใหญ่และขนาดกลางไม่มีปัญหาอะไร สวัสดิการดี นายจ้างใจดี และปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและตามหลักสิทธิมนุษยชนค่อนข้างดี ทีเดียว มีความเอื้ออาทรเห็นอกเห็นใจลูกจ้างดีมาก ทำให้ตนเก็บเงินเก็บทองส่งไปให้ครอบครัวได้ไม่มีปัญหา แต่เพื่อนๆแรงงานเมียนมาด้วยกันบางส่วนโชคร้ายต้องไปทำงานบนเรือ นายจ้างบางคนก็เก็บเอกสารสำคัญๆเพื่อกันไม่ให้เปลี่ยนงาน ซึ่งเป็นงานที่หนักอยู่ แต่สุดท้ายเมื่อทำงานไปได้สักพัก รู้จักคนรู้จักเมืองไทยดีขึ้นก็ค่อยๆหาทางเปลี่ยนงาน โดยเจรจาขอคืนเอกสารต่างๆจากนายจ้างคนไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น