ในแต่ละวัน เราอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาจากสถานการณ์ต่าง ๆ รอบตัวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ฝุ่นพิษ ภาวะโลกร้อน โรคภัยต่าง ๆ รวมถึงความเครียดจากเรื่องส่วนตัว ความเครียดจากการใช้ชีวิต หรือความเครียดจากการเรียน การทำงาน ซึ่งก็แตกต่างกันออกไปตามช่วงชีวิต ตามช่วงวัย เหล่านี้เองอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น เสี่ยงป่วยโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคสมองเสื่อม หรือ ติดบุหรี่ ติดสุรา ติดสารเสพติดชนิดอื่น ๆ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้เองสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ร่วมกับภาคีกว่า 100 องค์กร จัดงาน “มหกรรมพบเพื่อนใจ Soul Connect Fest 2025” ภายใต้แนวคิด HUMANICE : มาพบเพื่อนที่ดีต่อใจ พาคุณไป Connect หัวใจความเป็นมนุษย์ในตัวคุณ และการประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2 หัวข้อ “สุขภาวะทางปัญญา’68 : จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ ความหวัง” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทั้งนี้เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนนวัตกรรม เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านสุขภาวะทางปัญญา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าใจตนเอง เพราะความสุขเกิดขึ้นได้ จากการทำความเข้าใจความคิดและฟังเสียงหัวใจของตนเองว่ารู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร รวมไปถึงจะทำให้เข้าใจสังคม เข้าใจโลกที่เราอยู่มากขึ้นอีกด้วย
Soul Connect Fest 2025 สร้างภูมิคุ้มกันทางใจ
จัดเต็มกว่า 200 กิจกรรม พร้อมไฮไลต์น่าสนใจเพียบ!
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ประธานกรรมการจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2 สุขภาวะทางปัญญา’68 “จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ ความหวัง”ได้กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า นอกจากจะมีการเปิดพื้นที่ให้ผู้คนทุกกลุ่มวัยได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ตรงในการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา ยังมีการจัดประชุมวิชาการระดับชาติเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “สุขภาวะทางปัญญา’68 :จิตวิญญาณ การร่วมทุกข์ ความหวัง โดยนำเสนอผ่าน3ประเด็น ได้แก่ 1.หลากหนทางสู่สันติภาวะ 2.ชุมชน ความร่วมมือ และพลังของการดูแลกัน 3.จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย เป็นการร่วมมือกันของผู้ที่ลงมือภาคปฏิบัติกับผู้ที่ทำงานด้านสุขภาวะทางปัญญาที่มีประสบการณ์ตรงบนพื้นที่การทำงานต่าง ๆ มาเชื่อมโยงกับนักวิชาการ ซึ่งจะช่วยนำเอาแนวคิด องค์ความรู้ ทั้งประเด็นด้านสังคมศึกษา สุขภาพ การเยียวยาจิตใจ ศาสนา สิ่งแวดล้อม ความตาย ที่ได้จากคนทำงานภาคปฏิบัติ มายกระดับให้เป็นองค์ความรู้ที่นำไปใช้ต่อยอดในวงกว้าง
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ยังได้กล่าวถึงงานมหกรรมนี้ต่ออีกว่า เป็นงานที่จะทำให้หลายคนเข้าใจกับคำว่า ‘สุขภาวะทางปัญญา’ ว่าแท้จริงแล้วนั้น คือจุดเริ่มต้นของชีวิตมนุษย์ ซึ่งการมีสุขภาวะทางปัญญา จะช่วยเรื่องต่าง ๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจ การใช้ชีวิต การทำงาน ฯลฯ เป็นต้น
เพราะในท่ามกลางโลกความเป็นจริงที่ผันผวน พลิกผัน ไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน คลุมเครือ ซับซ้อน หลากหลาย มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะมีสมรรถนะทางจิตวิญญาณสูงสู่ปฏิสัมพันธ์เชิงบวกในสังคม และ SHA (Spiritual Health for All)
“การจะทำให้คนมีสุขภาวะดีทั้งเมือง ผ่านสุขภาวะทางปัญญาหรือจิตวิญญาณที่เข้มแข็งจะทำอย่างไร?ซึ่งนี่คือคำถามของผม เพราะโลกความเป็นจริงไม่ง่าย มีความซับซ้อน มีมิติต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ซึ่งงานนี้จะสามารถตอบคำถามได้ว่า หลังจากนี้แล้ว เราจะนำไปปรับใช้ในวันต่อ ๆ ไป ได้อย่างไร”
ด้านนางจารุปภา วะสี ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้และประสานงานสุขภาวะทางปัญญา สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า งานประชุมวิชาการสุขภาวะทางปัญญาฯ เน้นสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ครอบคลุมประเด็นเรื่องการพัฒนาภายใน การสานพลังทางสังคม และสร้างสันติภาพโลก พร้อมนำเสนอข้อมูล องค์ความรู้ และบทเรียนการทำงาน ในรูปแบบพื้นที่เรียนรู้ 41 พื้นที่ แบ่งออกเป็น 1 กิจกรรมภาวนา 3 ปาฐกถา 8 เสวนาบนเวทีกลาง และ 29 ห้องประชุมวิชาการย่อย ที่น่าสนใจ
ยกตัวอย่างเช่น ปฐกถานำ ทางออกอยู่ภายใน : วิกฤตเชิงซ้อนคือโอกาสพัฒนาจิตสำนึก”โดย Dr.Thomas Legrand ที่ปรึกษาทางเทคนิคหลักของเครือข่ายจิตสำนึกระบบอาหาร ( Conscious Food Systems Alliance -CoFSA) ซึ่งจัดตั้งโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), เวิร์กช้อป “จิตวิทยาสติ ตะวันออกพบตะวันตก” โดย นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ วิสาหกิจเพื่อสังคมจิตวิทยาสติ, เสวนามูอย่างไรไม่ให้ดาร์ก” โดย We Oneness, เสวนารับมือความเกลียดชัง ข้อมูลลวงออนไลน์ยุค 4.0 ด้วยปัญญารวมหมู่”โดย โคแฟค (COFATC) ประเทศไทย, เสวนา“เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง” โดย ธนาคารจิตอาสา, วงสนทนาของเยาวชน “คนรุ่นถัดไปบนโลกใบนี้” โดยศูนย์ความรู้และประสานงานสุขภาวะทางปัญญา ฯลฯ เป็นต้น
“ภายในงานยังได้เปิดพื้นที่สาธารณะครั้งแรกของไทย ชวนคนทุกกลุ่มวัยร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นทางสังคม เช่น ช่องว่างระหว่างวัย ศาสนา และการเมือง บนพื้นฐานของความเข้าใจและเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน จัดเวทีนำเสนอแนวทางพัฒนานโยบายสาธารณะที่มีจิตวิญญาณ เพื่อรับมือและบรรเทาปัญหาโลกเดือด รวมถึงร่วมกันถอดบทเรียนจากการนำเสนอ สังเคราะห์เป็นข้อเสนอเชิงระบบ นำไปสู่นโยบายการส่งเสริมสังคมที่เอื้อต่อการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา ที่ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาวะองค์รวมของประเทศ”
“Soul Connect Fest 2025” เรียกได้ว่าเป็นงานมหกรรมสุขภาวะทางปัญญาสุดยิ่งใหญ่แห่งปี และมีมากกว่า 200 กิจกรรม นำเสนอผ่าน 5 โซนไฮไลต์ ได้แก่
1.โซนนิทรรศการ Cocoon of Your Soul ที่จะชวนทุกคนมาตั้งถามกับการใช้ชีวิตและบ่มเพาะหัวใจความเป็นมนุษย์ ซึ่งนิทรรศการนี้จะพาคุณกลับมาทบทวนคุณค่าในชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วภายในตัวคุณเอง
2.โซนเวทีที่รวบรวมศิลปินที่สนใจด้านการพัฒนาใจ อาทิ ก้อง-สหรัฐ, ก๊อต-จิรายุ, วู้ดดี้-วุฒิธร, ดีเจพี่อ้อย-นภาพร, สิงห์-วรรณสิงห์, เอ๋-นิ้วกลม รวมถึงนักวิชาการที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านสุขภาวะทางปัญญา มาส่งต่อข้อคิดและฟื้นพลังใจ
3.โซน Humanice Cafe พื้นที่รับฟัง ที่รวบรวมจิตอาสามาช่วยโอบอุ้ม รับฟังคุณด้วยหัวใจและไม่ตัดสิน ชวนคุณสำรวจความรู้สึก ความต้องการของคุณ ช่วยสะท้อนให้คุณมองเห็นและเข้าอกเข้าใจตัวเองมากขึ้น ผ่านการฟังอย่างลึกซึ้งและเครื่องมือฮีลใจต่าง ๆ
4.โซน Workshop ที่มาพร้อมกระบวนการและเครื่องมือที่หลากหลาย อาทิ การใช้ศิลปะเพื่อบ่มเพาะสันติภายใน การ์ดเกมและบอร์ดเกมเพื่อการรับฟังอย่างลึกซึ้ง อาทิ ฟังกาย ฟังใจ ผ่านศิลปะ และสมาธิ / We Oneness,ล้อมวงสนทนา สบตากับความตายผ่านเกมไพ่ไขชีวิต/ Peaceful Death, คลื่นเสียงภาวนา/ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ม.มหิดล , แยกขยะ จัดใจ/สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน(สสย.), ศิลปะแห่งการบำบัดด้วยคลื่นเสียง โดยคุณต๊อบ และคุณปีใหม่ และอื่น ๆ อีกมากมาย
5.โซน Mini-Exhibition & Activity ชวนมาเดินทางภายในผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการ :โชคดี…ที่รู้เรื่องนี้ก่อนตาย, นิทรรศการ Resilience Gym รู้จักวิธีลุกขึ้นใหม่ ในวันที่ชีวิตเจอทางตัน, นิทรรศการ สติ Space พื้นที่แห่งสติ, นิทรรศการภาพถ่าย “Many Faces, Our Real Face”เป็นต้น
สสส.สานพลังภาคี 100 องค์กร
มุ่งสร้างสุขภาวะทางปัญญา เพื่อสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. ได้ให้ข้อมูลว่า อายุค่าเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 76 ปี ซึ่ง 10 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2568) ก็ยังมีอายุค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 76 ปีเท่าเดิม ซึ่งต่างจากสมัยอดีตที่อายุค่าเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากโรคที่ทำลายสุขภาวะ เชื้อโรคที่เป็นศัตรูภายนอก ซึ่งเราใช้ยาปฏิชีวนะ ใช้วัคซีน ใช้เทคโนโลยีสู้ แต่วันนี้สังคมไทยได้เดินมาสู่สุขภาวะที่เป็นยุคที่ 2 ที่ศัตรูคือใจ คือกิเลสที่อยู่ข้างในใจ รวมไปถึงสังคมที่เป็นตัวร้ายที่ทำให้สุขภาวะของคนไทยลดลงได้
ทั้งนี้ นพ.พงศ์เทพ ได้กล่าวถึงการมุ่งสร้างสุขภาวะทางปัญญาว่าสุขภาวะทางปัญญา ไม่ใช่ปัญญาเพื่อความอยู่รอด แต่เป็นปัญญาในการรู้เท่าทันต่อกิเลสในใจ ซึ่งสุขภาวะทางปัญญาจะเป็นยาที่ช่วยเยียวยาสุขภาวะทั้ง 4 มิติ ได้แก่ สุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางใจ สุขภาวะทางสังคม และสุขภาวะทางปัญญา
“สุขภาวะทางปัญญาเป็นการรู้เท่าทันจิตใจของเรา ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกาย เพราะโรคที่คนเป็นเยอะในปัจจุบัน คือ NCDs หรือ non-communicable diseases เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากการแพ้ใจตัวเอง เราแพ้กิเลส เรากินอาหารหวานมันเค็ม เราควบคุมตัวเองไม่ได้ แท้จริงแล้วสิ่งที่ซ่อนอยู่คือความกังวล ความเครียด ความไม่มั่นคง เราจึงกินมากขึ้น เครียดมากขึ้นจนนำไปสู่โรคซึมเศร้า หรือความก้าวร้าวที่ใช้ในสังคม ถ้าเราใช้ยาที่เรียกว่า‘สุขภาวะทางปัญญา’การรู้เท่าทันและเข้าใจจิตใจ ซึ่งจิตใต้สำนึก บางครั้งเราอาจจะไม่สามารถควบคุมได้ แต่ถ้าเรารู้เท่าทันมากขึ้นเราจะควบคุมได้มากขึ้น ทำให้เราควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย หรือจิตใจ ถ้าเราค้นพบจะพบว่าชีวิตดีขึ้น ความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างก็จะดีขึ้นเราจะพบความหมายในการใช้ชีวิตต่อไป และที่สำคัญคือเมื่อเราได้ค้นพบความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนรอบข้างแล้ว เราจะหันมามองว่าเราสามารถทำอะไรให้มีความหมายต่อโลกใบนี้ได้บ้าง จะเกิดการแบ่งปัน ดูแลคนรอบข้าง ดูแลสังคมที่เราอยู่”
ความหมายของคำว่า‘พื้นที่พักใจ’
จากทัศนะของคนวงการบันเทิง
บอย-ตรัย ภูมิรัตนผู้แต่งเพลง ‘พื้นที่พักใจ’ เพื่องาน “มหกรรมพบเพื่อนใจ Soul Connect Fest 2025” ได้บอกเล่าว่า ตนมีไอเดียการแต่งเพลงนี้มาจากความสัมพันธ์ ความเป็นเพื่อนมนุษย์ ซึ่งมองว่าการเปิดใจออกไปพบเพื่อนเป็นสิ่งที่ยากที่สุด โดยจุดมุ่งหมายของเพลงนี้ คือ อยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกันง่ายขึ้น ทุกคนเป็นเหมือนเพื่อนร่วมโลกกัน จึงอยากใช้เพลงแทนความรู้สึกว่าเราสามารถเป็นเพื่อนกับใครก็ได้ ซึ่งในเพลงจะมีประโยคหนึ่งที่บอกประมาณว่า‘คนแปลกหน้าที่ได้พบ กลายเป็นเพื่อนใหม่’
โดยบอย-ตรัย ยังได้สะท้อนมุมมองต่อเรื่องการพักใจว่า เราควรมีพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อแบ่งไว้ให้ตัวเองด้วย
“เขาบอกว่าหัวใจเราทำงานตั้งแต่วันแรกที่เกิดจนวันจากไป เราควรแบ่งเวลาให้พัก ผมเคยแต่งเพลงหนึ่งชื่อว่า‘พื้นที่เล็ก ๆ’ ซึ่งผมมองว่า เราควรแบ่งพื้นที่เล็ก ๆ ไว้ให้ตัวเอง อาจจะเป็นโลกส่วนตัว เช่น การเล่นของเล่น การอ่านการ์ตูน การทำงานอดิเรก ควรแบ่งไว้ให้ใจเราได้ผ่อนคลายบ้าง ซึ่งเราควรจะมีพื้นที่เล็ก ๆ แบ่งไว้ให้ตัวเองได้รู้สึกหายใจโล่งขึ้น เพื่อให้มีชีวิตต่อไปได้”
“ผมว่างานนี้เป็นการสะท้อนสังคมเหมือนกันนะครับว่าหลายคนเขาต้องการสิ่งนี้ ผมคิดว่าเป็นงานที่อยากให้ทุกคนลองเปิดใจ ลองมารู้จักโลกหลาย ๆ ใบที่นำมาประกอบร่างอยู่ที่นี่ ไม่ว่าวัยไหนก็มีความเครียดที่แตกต่างกันออกไป เราต้องการพื้นที่พักใจคนละแบบ ไม่ใช่แค่วัยผู้ใหญ่ วัยรุ่น วัยเด็กก็มีความเครียดของเขา ก็อยากชวนให้ทุกคนมางานนี้ครับ”
ด้าน อาย-กมลเนตร เรืองศรี สะท้อนถึงมุมมองของตนเองว่า การพักใจก็เหมือนกับการพักกาย ร่างกายเหนื่อยยังต้องพัก ยังต้องนอนหลับ แล้วถ้าใจเหนื่อยจะไม่พักได้อย่างไร ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการพักใจหลากหลายรูปแบบ แตกต่างกันออกไป ต้องรู้จักสังเกตตนเอง ทบทวนตนเอง
“บางทีเราอาจจะเครียดโดยไม่รู้ตัว เรามีสภาวะที่รู้สึกเศร้า จมดิ่งโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งการทบทวนตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยส่วนตัวอายจะมีวิธีการพักใจที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่า ณ ปัจจุบันขณะนั้นเราอยากพักใจแบบไหน เราสบายใจที่อยากจะพูดคุย สบายใจที่จะไปออกกำลังกาย แต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน โดยส่วนตัวมองว่าวัยมีผล 100% ขนาดตัวเราในวัยต่างกันยังต้องการพื้นที่พักใจและการพักผ่อนต่างกัน แต่ละช่วงวัยที่เติบโตขึ้น เราจะได้เรียนรู้ มีบทเรียน ผ่านการเจ็บปวด และการพักใจที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ถ้าเรารู้ว่าเรารู้สึกยังไง เราต้องการอะไร ให้พาตัวเองไปอยู่ในจุดนั้น คือทำอะไรแล้วไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรมทำเลย”
“งานมหกรรมครั้งนี้ดีมาก ๆ ค่ะ เพราะกิจกรรมที่สสส.จัดขึ้นมา ทำให้คนที่อาจจะไม่กล้าออกมาได้มีพื้นที่พักใจ ว่าฉันสบายใจที่จะทำสิ่งนี้ ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ได้คุยกับใจตัวเอง เพราะบางทีจะให้วัยรุ่นเขาไปปฏิบัติธรรมเขาอาจจะไม่อิน แต่การมีกิจกรรมเช่นนี้จะทำให้เข้าถึงเด็ก GEN ใหม่ ๆ ตอบโจทย์กับวัยของเขาได้”
“ฮีลใจตั้งแต่ก่อนมางาน”
“งานนี้ช่วยให้ได้รีแลกซ์ ผ่อนคลายได้”
“ได้อะไรกลับไปมากกว่าที่คิด”
เปิดมุมมองผู้เข้าร่วมงาน
โดยคุณ KornthitaJunpao ได้กล่าวถึงการมาร่วมงานว่า เป็นงานที่น่าสนใจดี ซึ่งการมางานนี้ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดจากงานได้
“เราได้เห็นโปสเตอร์งานนี้ จากทางหัวหน้างานส่งมา ซึ่งหัวหน้าแจ้งว่าให้มาร่วมงานได้นะ เพราะที่ทำงานจะค่อนข้างซัพพอร์ตเรื่องมายเซ็ต เรื่องจิตใจอยู่แล้ว พอดูแล้วก็มองว่าเป็นงานที่น่าสนใจดี เป็นงานที่ดีก็เลยมาค่ะ ซึ่งจริง ๆ งานนี้ฮีลใจเราได้ตั้งแต่ก่อนจะมาแล้วนะ เพราะปกติเรามีความเครียดจากงานอยู่แล้ว พอมาเจอบูธต่าง ๆ ได้ทำกิจกรรมก็เป็นอะไรที่ช่วยให้เรารีแลกซ์ได้มากขึ้น ช่วยให้ผ่อนคลายได้”
ด้านคุณแป้ง-เสาวลักษณ์ ทาตาสุข และ คุณเพชร-เพชรหทัย ปังประเสริฐ สองเพื่อนคู่ซี้ก็ได้ชวนกันมาในงานนี้ โดยทั้งคู่เล่าว่าปกติการฮีลใจของพวกเขา คือการได้เขียนความรู้สึกของตัวเองในวันที่เอาเรื่องแย่ ๆ ออกจากหัวไม่ได้ เพราะช่วยทำให้รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร การมางานนี้ก็เพื่อมาหาไอเดียทำโปรเจ็กต์ ซึ่งตอนแรกทั้งคู่คิดว่ามาแล้วอาจจะไม่ได้อะไรกลับเท่าไหร่ แต่พอได้มาร่วมทำกิจกรรม ได้เข้าบูธต่าง ๆ ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป เพราะว่าแต่ละบูธดีต่อใจมาก ๆ และได้อะไรกลับไปเยอะมากกว่าที่
สสส.และภาคีเครือข่าย หวังว่า“Soul Connect Fest 2025”
จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนค้นพบคำว่า‘สุขภาวะทางปัญญา’
“ผมดีใจที่มีงานนี้เกิดขึ้น ซึ่งมหกรรมสุขภาวะทางปัญญาสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Soul Connect Fest 2025” ครั้งที่ 2 จะทำให้หลายคนมาพบปะพูดคุยกัน เราอยากเห็นทุกคน อยากเห็นคนรุ่นใหม่ ได้มาค้นพบตัวเองว่าตัวเรามีความทุกข์อย่างไร มีความสุขอย่างไร แล้วเราได้ค้นพบความหมายของการมีชีวิตแล้วหรือยัง ที่สำคัญคือเมื่อเราค้นพบตัวเองแล้ว เราจะค้นพบผู้อื่น อยากให้ทุกคนเจอเพื่อนที่ดีต่อใจ ได้ค้นพบว่าความสัมพันธ์นั้นมีความหมายอย่างไร เราจะเยียวยาสังคมไทยนี้ด้วยกันได้อย่างไร ซึ่ง “Soul Connect Fest 2025” จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะค้นพบคำว่า‘สุขภาวะทางปัญญา’ ”
“ผมอยากเชิญชวนทุกคนที่สนใจ อยากเรียนรู้เรื่องสุขภาวะทางปัญญามาพบปะ พูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน สุดท้ายคุณจะได้พบว่า สิ่งที่ค้นหาอยู่ใกล้ ๆ เรา นั่นก็คือ ใจของเราเองครับ”นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ www.Soulconnectfest.com และทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘Soul Connect Fest’ โดยงานจะมีถึงวันที่ 2 มี.ค. 2568 ณ ชั้น G และชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ และห้องประชุมชั้น 11โรงแรมทริปเปิ้ล วาย