xs
xsm
sm
md
lg

สื่อบันเทิงกำลังจะตายไป เพราะ AI ทำแทนได้หมด จริงหรือ!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์) หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า Ai ได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยรันแทบทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการศิลปะบันเทิง ซึ่งเชื่อแน่ว่า หลายคนคงเคยได้รับชมภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่สร้างขึ้นมาด้วย Ai กันมาบ้างแล้ว และนั่นก็ทำให้คนในอุตสาหกรรมนี้แสดงความกังวลว่าต่อไปในอนาคต Ai อาจจะเข้ามาทำหน้าที่แทนในตำแหน่งของตนเองหรือไม่

ข้อกังวลนี้มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด และเราจะรับมือกับยุคใหม่ที่ Ai ทวีความสำคัญมากขึ้นนี้อย่างไร เรามีมุมมองที่น่าสนใจจากคณาจารย์ผู้เฝ้ามองและสังเกตการณ์การพัฒนาและเติบโต “ฉลาดขึ้น” ของ Ai มาฝากกัน

จริงไหม? Ai จะมาแทนที่
สำรวจข้อดีและความเสี่ยงของ Ai


ถึงแม้หลายคนจะมอง Ai ด้วยสายตาหวาดระแวงว่าเจ้าเทคโนโลยีสุดล้ำตัวนี้จะเข้ามาเบียดแบ่งหรือแย่งพื้นที่การทำงานของตัวเองไปหรือไม่ แต่ในมุมมองของ ผศ.ดร.ฉลองรัฐ เฌอมาลย์ชลมารค ผู้อำนวยการหลักสูตรหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเขียนบทและการกำกับภาพยนตร์และซีรีส์ มหาวิทยาลัยรังสิต ชวนให้คิดในมุมกว้างถึงการเข้ามาของ Ai ซึ่งมีข้อดีอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกับวงการบันเทิงซึ่งถือว่าได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาขึ้นมาของ Ai ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการช่วยลดต้นทุนการผลิต การสร้างภาพหรือเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ซึ่งปกติอาจจะทำไม่ได้หรือทำได้ยาก นอกจากนั้นยังอาจจะช่วยลดอันตรายอันเกิดจากการถ่ายทำจริงได้ด้วย

ผศ.ดร.ฉลองรัฐ เฌอมาลย์ชลมารค
และที่สำคัญ ในยุคที่ผู้คนใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม Ai ยังสามารถมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สักเรื่อง นั่นหมายถึงสิ่งแวดล้อมจะถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยเพื่อรองรับการถ่ายทำ และต้องใช้ระยะเวลานานในการรื้อฟื้น แต่ถ้าเราใช้ Ai เข้ามาช่วย Generate นอกจากจะช่วยประหยัดงบประมาณ ยังช่วยให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนลงได้ด้วย

“อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะมีกระทบกับมนุษย์ที่ต้องทำงานในทุกภาคส่วนเช่นกัน ซึ่งตรงนี้เป็นผลที่มนุษย์กำลังเกรงกลัวว่า Ai อาจจะเข้ามาแย่งงาน หรือทำงานแทนมนุษย์ เราอาจจะรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตที่ความคิดสร้างสรรค์ของเราไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน ซึ่งในเบื้องต้น ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาดูแลในเรื่องการกำหนดมาตรการ ขอบเขต หรือกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Ai เพื่อปกป้องพื้นที่การทำงานของมนุษย์ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะถูก Ai แย่งไปหมด” ผศ.ดร.ฉลองรัฐ เสนอแนะ

ขณะที่ ผศ.ธรรมศักดิ์ เอื้อรักสกุล รองคณบดีฝ่ายสื่อสารและบัณฑิตสัมพันธ์ บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยรังสิต อาจารย์หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์อาร์ต มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ข้อมูลว่า ถึงแม้ในช่วงเวลา 3-4 ปีมานี้ Ai จะได้รับการพัฒนาจนดูฉลาดมากขึ้นก็จริง แต่ในมุมมองของนักวิจัยที่พัฒนาด้านโปรแกรมหรือด้านปัญญาประดิษฐ์ มองว่า ณ ตอนนี้ Ai เป็นเพียงแค่สมการทางคณิตศาสตร์ คือยังไม่ได้พัฒนาไปมากขนาดนั้น

“Ai ที่เราใช้งานกันอยู่ในทุกวันนี้ยังมีข้อจำกัดและทำงานได้เฉพาะอย่าง เช่น การสังเคราะห์-วิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่ด้านบันเทิง เช่นการ Generate ภาพหรือคลิปต่าง ๆ ล้วนเกิดจากการที่ Ai สังเคราะห์จากข้อมูลที่มีอยู่แล้วหรือที่คนป้อนข้อมูลให้ Ai ยังไม่ถึงขั้นที่ว่าฉลาดเท่ามนุษย์หรือตัดสินใจได้เท่ากับมนุษย์ อย่างรถยนต์ที่ขับแทนมนุษย์ได้ ก็ยังไม่สามารถที่จะปล่อยออกมาใช้งานได้จริง ๆ เพราะการตัดสินใจเรื่องความปลอดภัยก็ยังไม่เท่ากับคน”

ผศ.ธรรมศักดิ์ เอื้อรักสกุล
ในส่วนผลกระทบต่อสื่อบันเทิง ผศ.ธรรมศักดิ์ ให้ความเห็นว่า สื่อบันเทิงเป็นเรื่องศิลปะซึ่งประกอบด้วยอารมณ์ความรู้สึก ซึ่ง Ai ยังไม่สามารถที่จะมีอารมณ์ความรู้สึกในตัวของมันเอง

“เพราะฉะนั้น การที่ Ai จะเข้ามาแย่งงานในส่วนที่เป็นความบันเทิงนี้ ผมมองว่ายังห่างไกล Ai อาจจะช่วยลดต้นทุนในส่วนงานที่เป็น Pre-Production เช่น ช่วงจะถ่ายหนัง ก่อนที่จะสร้างภาพ อาจจะเขียนข้อมูลแล้วให้ Ai ลองสร้างภาพขึ้นมา แต่ว่า Ai จะสร้างได้แค่เบื้องต้น เพราะถ้าจะทำให้ภาพได้ฟีลหรือมีอารมณ์ความรู้สึก ยังต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของคนสร้างขึ้นมา”

กระนั้นก็ตาม ผศ.ธรรมศักดิ์ กล่าวย้ำถึงข้อดีที่น่าพิจารณาก็คือ Ai กล้าทำรูปภาพที่มนุษย์ไม่คิดว่าจะทำ เราจึงได้เห็นตัวการ์ตูนหรือรูปสัตว์แปลกประหลาดที่ผสมผสานระหว่างอะไรหลายอย่างจนเกิดเป็นรูปใหม่และมีความแปลกประหลาด ตรงนี้ถือเป็นข้อดีในหลักการทางศิลปะที่ไม่ให้ติดกรอบความคิดสร้างสรรค์ Ai จึงอาจจะช่วยเปิดโลกจินตนาการให้มนุษย์สามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้เช่นกัน รวมทั้งเสริมให้ผลงานมีความโดดเด่นขึ้น แต่เราต้องไม่ลื่นไหลไปกับ Ai เพียงแค่ใช้ Ai เป็นกรณีศึกษาหรือตัวเปรียบเทียบเท่านั้น

เพราะหลักการของ Ai คือการเรียนรู้จากข้อมูลเดิม ๆ หรือข้อมูลเก่าที่ซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะถูกพัฒนามาเป็นมันสมองของ Ai ในทุกวันนี้ รศ.ดร.ลักษณา คล้ายแก้ว ผู้อำนวยหารหลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงมีความเห็นว่า เนื่องจากงานศิลปะต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น ถ้าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นเรื่องใหม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน Ai ก็คงยังไม่สามารถที่จะมาทดแทนมนุษย์ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า Ai เรียนรู้เร็วมาก และเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนหลายเท่า ดังนั้น หากเกิดการเรียนรู้ของ Ai ขึ้นมาเมื่อไหร่ จุดนั้นก็อาจจะทำให้ Ai สามารถที่จะทำงานแทนคนได้เช่นกัน

รศ.ดร.ลักษณา คล้ายแก้ว
“อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของงานด้านการสื่อสารหรือนิเทศศาสตร์ ที่ไม่ใช่เฉพาะงานด้านครีเอทีฟอย่างเดียว จะมีเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลและการวิจัยด้วย ซึ่งเราก็มองว่าการได้เครื่องมือที่ดีอย่าง Ai เข้ามาช่วย เป็นเรื่องดี ยิ่งในยุคนี้ Ai ฉลาดมาก เพราะฉะนั้นเราจะไม่มองว่า Ai เป็นแค่ลูกน้องเรา แต่จะมองว่า Ai เป็นเพื่อนเรา คือเราทำงานและเราก็มี Ai คอยช่วยเรา ถ้าเรารู้จักผสมผสานระหว่างงานด้านที่ Ai ทำได้ ครีเอทีฟร่วมกันกับมนุษย์ก็จะสามารถพัฒนาได้ดีอีกขั้น มันจะทำให้งานชิ้นนั้นออกมามีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น

“ดังนั้นแล้ว ถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมบันเทิงก็ดี หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง เช่น เรื่องข้อมูล การเขียนบท การวิจัย สิ่งเหล่านี้คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ถ้าเราเรียนรู้จาก Ai และนำ Ai มาช่วยผสมผสานเข้ากับความคิดของมนุษย์ขึ้นมา เราก็จะได้อะไรที่เป็นสิ่งใหม่และประหยัดเวลาได้เยอะค่ะ” รศ.ดร.ลักษณา กล่าว

Ai พลิกโฉมการศึกษา
แต่ต้องไม่ลืม ‘จริยธรรม’ และความเป็น ‘ออริจินัล’


จากการพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วของ Ai ในมุมมองของ ผศ.ธรรมศักดิ์ เอื้อรักสกุล มองว่าเป็นความท้าทายของทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการการศึกษา หรือจะกล่าวได้ว่า Ai เป็นตัวพลิกโฉมการศึกษาก็ว่าได้ในแง่ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลและสร้างสรรค์ได้ง่ายขึ้นโดยที่มนุษย์ยังเป็นผู้สร้างสรรค์อยู่

“สำหรับหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์อาร์ต ของ ม.รังสิต ถ้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Ai เราจะใช้เป็นไอเดียในช่วง Pre-Production ได้ คือช่วงที่นักศึกษาจะเตรียมงานเบื้องต้นของตัวเอง อาจจะใช้ Ai ช่วยจำลองโทนสีหรือ Mood & Tone ของอนิเมชันหรือภาพยนตร์เบื้องต้นของตัวเองได้ว่าตอบโจทย์ความรู้สึกหรือเปล่า หรือนักศึกษาสร้าง Mood & Tone ของตัวเองขึ้นมาแล้วนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ Ai สร้าง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนักศึกษาไทยสายศิลปะในปัจจุบันค่อนข้างแอนตี้ Ai นะครับ เขาจะภูมิใจกับฝีมือของตัวเองมากกว่า ซึ่งน้อยมากที่ต้องการจะใช้ Ai ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การเรียนรู้ Ai ก็เป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน เพื่อว่าเราจะได้เห็นเทคโนโลยีที่มันพัฒนาไปในการสร้างภาพให้สมจริงขึ้นเรื่อย ๆ”


ทั้งนี้ ผศ.ธรรมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเรียนการสอนในหลักสูตรคอมพิวเตอร์อาร์ตมหาบัณฑิต (ปริญญาโท) จะเน้นด้านโปรดักชั่น โดยนักศึกษาจะได้รับทักษะการสร้างอนิเมชันในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการไปจนถึงเป็นงานโปรดักชันที่สำเร็จ โดยส่วนใหญ่จะเน้นให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะด้านศิลปะ การออกแบบ ขณะที่ในส่วนของ Ai อาจจะเป็นตัวช่วยเสริมให้นักศึกษาตัดสินใจ จากการได้เปรียบเทียบข้อมูลผลงาน นอกจากนั้นยังมีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์ว่าซอฟต์แวร์ตัวไหนเหมาะกับงานประเภทใด 2 มิติ 3 มิติ หรือ Fine Art ซึ่งซอฟต์แวร์แต่ละตัวก็จะมีจุดเด่นและความสามารถไม่เหมือนกัน

ด้าน ผศ.ดร.ฉลองรัฐ เฌอมาลย์ชลมารค กล่าวถึงการเรียนการสอนในสาขาวิชาการเขียนบทและการกำกับภาพยนตร์และซีรีส์ มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า จะมุ่งเน้นสอนให้นักศึกษามีทักษะในด้านการผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ ตั้งแต่ขั้นต้นจนกระทั่งสำเร็จ ซึ่งในห้องเรียน นักศึกษาจะได้ลงมือทำด้วยตัวเองทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในศาสตร์ด้านนี้อย่างดีที่สุด พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์จริง ๆ มาช่วยถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ผลงานของนักศึกษาต่อไป

“ในส่วนของ Ai เราจะมีการสอนให้นักศึกษาเกิดความรู้ความเข้าใจว่า ทุกวันนี้เราจะใช้ Ai เข้ามาช่วยพัฒนาคอนเทนต์หรือสื่อบันเทิงทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ของเราได้อย่างไร ซึ่งเราก็จะ Apply ว่าคุณจะใช้ Ai เข้ามามีส่วนร่วมในงานได้อย่างไร สมมติว่า คุณอยากจะถ่ายภาพยนตร์แนวสยองขวัญหรือไซไฟ คุณลองถ่ายเล่น ๆ มาแล้วไปใช้ Ai ในการ Generate มันจะเปลี่ยนสีสัน เปลี่ยนแสง ซึ่งอาจจะช่วยให้นักศึกษาเกิดไอเดียใหม่ ๆ ที่จะเสริมให้นักศึกษาสามารถจำลองงานที่ต้องการจะทำจริง ๆ นอกจากนั้น เรายังจะมีการนำผลงานบางชิ้นมาให้นักศึกษาดูว่า นี่คืองาน Ai สร้าง และวิเคราะห์ข้อแตกต่างว่า งานที่ Ai สร้างนั้นมันมีหรือขาดอะไรบ้าง แตกต่างจากที่มนุษย์สร้างอย่างไร สมจริงแค่ไหน หรือทำยังไงจะให้เนียนมากขึ้น ก็จะทำให้เราเห็นทั้งข้อดีและจุดบกพร่องของ Ai ไปด้วยในขณะเดียวกัน”


“แต่สิ่งที่สำคัญ เราจะให้นักศึกษาตระหนักในเชิงจริยธรรมว่าเวลาเราสร้างสรรค์งาน มันต้องออกมาจากมันสมองของคุณ เพราะคุณเป็นคนคิด เรามองว่า ออริจินัล คอนเทนต์ หรือไอเดียที่มาจากมันสมองของมนุษย์ ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรามุ่งเน้นก็คือเราจะช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้ว่า Ai ทำอะไรได้บ้าง และมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง รวมทั้งให้ตระหนักถึงจริยธรรมในการใช้งาน เพื่อให้งานของเราตอบโจทย์ยุคใหม่และมีคุณภาพ” ผศ.ดร.ฉลองรัฐ กล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น

แน่นอนว่า ยุคปัจจุบันคือยุคดิจิทัลซึ่งการสื่อสารนับเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่หลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จะส่งมอบให้กับนักศึกษา โดย รศ.ดร.ลักษณา คล้ายแก้ว ระบุว่า หลักสูตรนิเทศศาสตรมหาบัณฑิตของเรา อาจจะไม่ได้เน้นไปในส่วนของโปรดักชัน แต่ให้ความสำคัญกับการวิจัย รวมถึงการรู้เท่าทันสื่อในมิติต่าง ๆ รวมทั้ง Ai ด้วย สำหรับการเรียนการสอนให้รู้เท่าทันข่าวสารข้อมูล เราได้อาจารย์พิเศษมาจาก โคแฟค (COFACT: Collaborative Fact Checking) คุณพีรพล อนุตรโสตถิ์ ผู้ดำเนินรายการ “ชัวร์ก่อนแชร์” จากสำนักข่าวไทย อสมท (MCOT) คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค (ประเทศไทย) ที่ได้ร่วมมือกันกับทางหลักสูตรมาทำคอร์สการเรียนการสอนในรายวิชาของการรู้เท่าทันสื่อ การตรวจสอบข้อมูล การพิสูจน์ข้อมูลและภาพที่เกิดขึ้นจาก AI เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่จาก Google News Initiatives ที่เข้ามาช่วยเป็นวิทยากรบรรยายให้นักศึกษาเข้าใจการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งนั่นก็เป็นวิธีการหนึ่งที่เราจะสอนการรู้เท่าทันสื่อยุค Ai”

และสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน คือส่วนของ Thesis หรือวิจัย ซึ่งเป็นตัวจบการศึกษา รศ.ดร.ลักษณา กล่าวว่า เวลาทำวิจัย มหาวิทยาลัยจะมีการตรวจสอบเข้มข้นทุกขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง หลังจากที่นักศึกษาจบไปแล้ว โดย รศ.ดร.ลักษณา ย้ำว่า ไม่ว่างานวิจัยหรืองานสื่อบันเทิง ล้วนต้องอาศัยการครีเอท ซึ่งต้องมาจาก “มนุษย์” คนเขียนคอนเทนต์นั้น ๆ แม้ว่าจะมีการนำ Ai เข้ามาช่วย สุดท้ายเจ้าของผลงานต้องเขียนงานนั้นด้วยตัวเอง งานวิจัยจึงจะสมบูรณ์ เช่นเดียวกับสื่อบันเทิงหรืองานศิลปะที่เจ้าของผลงานต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ซึ่ง Ai ทำไม่ได้ และไม่สามารถแย่งงานจากเราไปได้


“สุดท้ายแล้ว Ai ไม่ใช่ผู้ร้าย คือถ้าเรามองว่า Ai จะเข้ามาทำให้เกิดปัญหาในแง่การครีเอทงานหรือการวิจัยก็ตาม อาจารย์คิดว่าการมองแบบนั้นมันเป็นมุมที่คับแคบเกินไป เพราะทั่วโลกมีงานวิจัยเยอะแยะมากมายซึ่งทำให้เราได้องค์ความรู้ที่ถูกประมวลขึ้นมาโดย Ai คือ Ai นำไปประมวลแล้วเราสรุปออกมา เพราะฉะนั้น มันเป็นความจำเป็นอยู่แล้วที่เราจะต้องไปวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ มา แล้วนำข้อมูลพวกนั้นมาใช้ร่วมกับการศึกษาวิจัยและวิเคราะห์ในแบบของเราเอง

“ดังนั้น ถ้าเรามอง Ai เป็นเหมือนเพื่อน ไม่ได้มองเป็นศัตรู เราจะได้ Ai เข้ามามีส่วนช่วยในการวิจัยเยอะเลย คนที่เขียนงานต่างหากต้องใช้ Ai ให้เป็น และไม่ใช่ให้ Ai มาควบคุมงานเขียน แต่ให้เอไอมาช่วยเป็นเพื่อนในการสนับสนุนข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้ได้ค้นพบอะไรใหม่ ๆ ซึ่งมันจะเป็นการบูรณาการร่วมกันโดยที่คนเป็นผู้ควบคุม ไม่ใช่ให้ Ai มาเป็นผู้ควบคุม” รศ.ดร.ลักษณา กล่าวย้ำในตอนท้าย


ผู้สนใจหลักสูตร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต อาคารรัตนคุณากร (ตึก11) ชั้น 2 ห้อง 206
โทร. 02-997-2200 ต่อ 4001-4005
Email. grad@rsu.ac.th
Facebook : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/grad.rsu
เว็บไซต์ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต https://grad.rsu.ac.th/



กำลังโหลดความคิดเห็น