“หมอธีระวัฒน์” เตือนไทยเสี่ยงเป็น “อู่ฮั่น 2” แม้ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ยุติโครงการวิจัยไวรัสไปแล้ว แต่ยังมีบางหน่วยงานเดินหน้าเก็บตัวอย่างไวรัสจากค้างคาว-สัตว์ป่าเพื่อคาดคะเนโรคชนิดใหม่ที่จะเกิดกับมนุษย์ โดยได้เงินทุนจากต่างประเทศ แถมตั้งชาวต่างชาติที่มีส่วนตัดต่อพันธุกรรมไวรัสจนเกิดเชื้อโควิด มาฝังตัวอยู่ในหน่วยงาน พร้อมเผยล่าสุดนักวิจัยในสหรัฐฯ สร้างไวรัสไข้หวัดนกที่รุนแรงกว่าเดิมสำเร็จ หากหลุดออกมาหายนะแน่นอน
วันนี้(12 ธ.ค.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha”เกี่ยวกับความเสี่ยงที่ประเทศไทย จะเป็นจุดเริ่มต้นการระบาดของเชื้อไวรัส เหมือนเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่เป็นจุดเริ่มต้นการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีรายละเอียดดังนี้
ความเสี่ยง ประเทศไทยเป็นอู่ฮั่นสอง?
มหันตภัยเกิดจากการนำไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าออกมาและมีการตัดต่อพันธุกรรม
การสืบสวนสอบสวนของ คณะกรรมาธิการ สภาคองเกรส สหรัฐ ซึ่งแถลงรายงานในวันที่ 4 ธันวาคม 2024 ได้สรุปถึงกำเนิดไวรัสโควิดเกิดจากมนุษย์ประดิษฐ์ จากข้อมูลตัวไวรัสเอง และ ที่เป็นไปไม่ได้จากธรรมชาติ ลักษณะการระบาด การไม่พบไวรัสโควิดในสัตว์ใด และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้โดยไม่มีหลักฐานใดที่ชี้บ่งว่าเป็นวิวัฒนาการตามปกติของไวรัสในสัตว์สู่คน จุดรั่วระบาดที่ลามไปทั่วโลกนั้นไม่ได้เกิดที่ตลาดสดอู่ฮั่น แต่ ชี้บ่งไปที่สถาบันวิจัยไวรัสอู๋ฮั่น (WIV) จากความบกพร่องของห้องชีวะนิรภัยระดับสี่ และมีหลักฐานอื่นที่บ่งบอกว่ามีการรั่วตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 แต่ไม่ลามทั่วโลก
นอกจากนั้น หลักฐานชัดเจน เป็นความร่วมมือขององค์กรสหรัฐ ฟาวซี และพวก ทั้งนี้ องค์กร พื้นฐานคือ เกตส์ gates foundation ในการพัฒนาการสร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเก่า ติดง่ายขึ้น แพร่ง่ายขึ้น ป่วยและตายมากขึ้น (gain of function) จนถึงติดคนสู่คนและต้องให้แพร่ทางอากาศได้
โดยความรู้ในการสร้างไวรัสโคโรนามาจาก บาริค North Carolina ให้ ดร. Shi และมี ผู้เชี่ยวชาญอื่น เช่น Linfa Wang สิงคโปร์ Duke NUS เป็นต้น
และให้ทุนหลายประเทศทั่วทุกทวีปรวมประเทศไทย ในการเก็บรวบรวมไวรัสจากค้างคาว และสัตว์ป่า โดยประกาศบังหน้าว่าเพื่อให้ถอดรหัสพันธุกรรมว่ามีความโน้มเอียงที่จะเกิดการระบาดหรือไม่ (predict) รวมทั้งเพื่อการพัฒนาวัคซีน และการรับมือ (preparedness and response) ในชื่อรวม one health และหาไวัสทั้งโลก global virome project
ทั้งนี้ ทุนผ่านจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ DARPA DTRA USAID CDC เป็นต้น และ มีองค์กรผ่านเงิน EcoHealth Alliance โดย Peter Daszak ไปยังประเทศไทยและอื่นๆ สิทธิบัตรข้อมูลพันธุกรรมของไวรัสที่เป็นวัคซีนมีตั้งแต่ 2018 ก่อนหน้าการระบาดของโควิด
รัฐบาลใหม่สหรัฐที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2025 ประกาศ รื้อองค์กรเหล่านี้ ในการสร้างไวรัสอันตราย และจัดการผู้ต้องรับผิดชอบ และรวมถึงการสมคบร่วมมือให้สินบนระหว่างบริษัทยายักษ์ใหญ่กับองค์กรรัฐ รวม NIH NIAID FDA CDC เป็นต้น สถาบันวิชาการ วารสาร การแพทย์ นักวิจัย เครือข่ายที่จัดการเซ็นเซอร์ข้อมูลที่เป็นจริงป้ายสีให้เป็นเท็จ เช่น ชัวร์ก่อนค่อยแชร์ และ ตระหนักถึงผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตและความพิการเนื่องจากวัคซีน ที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพจริง อย่างที่ประกาศและไม่ได้ปลอดภัยจริง
หน่วยงานในประเทศไทยทั้งหมด ที่ยังคงหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่า จนถึง ปัจจุบัน 2024 และทุนทอดยาวไปอีกหลายปี ต้องยุติกิจกรรมดังกล่าวโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าเงินทุนจากต่างประเทศจะมากมายเพียงใดก็ตามเป็นร้อยเป็นพันล้าน หรือจะให้ประเทศไทยเป็นอู่ฮั่นสอง
และ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ยังมีการตั้งบุคคลต่างชาติ ที่มีการเปิดเผยว่ามีส่วนในการร่วมมือตัดต่อพันธุกรรมและกำเนิดโควิด ที่อยู่ในบัญชี ฝังตัวทำงานอยู่ในหน่วยงานองค์กรที่สำคัญของประเทศไทย ในคณะวิทยาศาสตร์
ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย ยุติการศึกษาวิจัยและยุติความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ
ศูนย์ซึ่งเป็นศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านค้นคว้าอบรมไวรัสสัตว์สู่คน ด้วยได้ทำการค้นหาไวรัสในค้างคาว ตั้งแต่ปี 2000 จากองค์กรให้ทุนประเทศไทย คือ สกว และ สวทช.และเป็นการเจาะจงไวร้ส โดยไม่พบ Rabies แต่เป็น lyssavirus รวมทั้งมี Nipah virus
และตั้งแต่ปี 2011 ได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐและหน่วยงานของเพนตากอน
ศูนย์ได้ประกาศยุติการทำงานดังกล่าวดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2018 และเด็ดขาดในปี 2020 โดยแจ้งให้หน่วยงานสหรัฐรวมกระทั่งถึงองค์กรระหว่างประเทศทั้งหมดตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ทั้งนี้เนื่องจากประเมินอันตรายที่ร้ายแรงอันอาจจะเกิดขึ้น ตั้งแต่การลงพื้นที่จนกระทั่งถึงในห้องปฏิบัติการและนำมาสู่การติดเชื้อในมนุษย์และแพร่ไปยังชุมชนจนเป็นโรคระบาดทั่วประเทศ ประกอบกับเงื่อนงำของการเกิดโควิด
อีกประการที่สำคัญก็คือในปี 2018 ก่อนเกิดโควิด และ 2019 เรื่อยมาจนถึง ตุลาคม 2020 มีการประชุมจัดโดยองค์กร EcoHealth Alliance และให้ศูนย์เป็นหน่วยงานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ EID SE Asia research collaboration hub (EID Search) ภายใต้สถาบันสหรัฐ NIAID และ EcoHealth alliance ชื่อว่า CREID (Centre for Research in EID) โดยให้ นพ.ธีระวัฒน์ รับผิดชอบ ในการรวบรวมไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าโดยเฉพาะไวรัสในตระกูลโควิด ไวรัสในตระกูลอีโบล่าและไวรัสในตระกูลนิปาห์ สมองอักเสบและปอดบวมและอื่นๆ จากไทย ลาว มาเลเซีย ซาราวัก เป็นต้น โดยให้มีการส่งตัวอย่างไปยังต่างประเทศและระบุว่าจะมีการตัดต่อพันธุกรรมเพื่อให้เข้ามนุษย์และก่อโรคได้จากหลอดทดลองและสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งพันธุกรรมเหมือนมนุษย์ และมีรายละเอียดความสำเร็จของการสร้างไวรัสตัวใหม่ที่สามารถเข้ามามนุษย์ได้ดีขึ้นและก่อโรคได้แล้ว และเป็นที่มาที่ศูนย์ยุติความร่วมมืออย่างสิ้นเชิง
ไวรัสที่จะนำมาทดลองปรับแต่งนอกจากจะทำให้เข้ามามนุษย์และเกิดโรคแล้ว ประการสำคัญก็คือทำให้สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ และเป็นที่น่าสังเกตไวรัสหลายตัวนั้นสามารถแพร่ทางอากาศได้ รายละเอียดเหล่านี้ปรากฏขึ้นก่อนการระบาดของโควิดในปลายปี 2019
เหตุการณ์และหลักฐาน ยังปรากฏ ในบทความหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ โดยนักข่าวสืบสวน David Willman (investigative journalist รางวัลพูลิตเซอร์ ) ในวันที่ 10 เมษายน 2023 เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงาน หลายประเทศ รวมทั้งจากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคโรคอุบัติใหม่ ที่ยุติการรวบรวมตัวอย่างจากสัตว์ป่าและค้างคาว ถือว่า “การหาเชื้อในคนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด” มากกว่าการหาไวรัสที่ไม่รู้จัก ที่จะมาคาดคะเนว่าจะเข้ามามนุษย์และจะเกิดโรคระบาดหรือไม่ รวมทั้งมีความเสี่ยงอันตรายสูงสุดในการนำเชื้อจากสัตว์เข้ามามนุษย์ ในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บตัวอย่าง การขนส่งตัวอย่าง และการปฎิบัติในห้องแล็บ รวมทั้งโอกาสที่จะได้รับไวรัสทั้งๆ ที่อุปกรณ์ป้องกันตัวอาจไม่ครบถ้วนและในประวัติที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทั้งห้องปฏิบัติการของศูนย์และของหน่วยงานสัตว์ป่าถูกค้างคาวกัด
จากการประกาศจุดยืนชัดเจน และยุติกิจกรรม ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2023 หน่วยงานอิสระของรัฐบาลสหรัฐ U.S. Government Accountability Office (GAO) ที่ไม่ขึ้นกับพรรคการเมืองใดๆ และทำหน้าที่ ในการตรวจสอบ การทำงานของหน่วยงานของสหรัฐในเรื่องการใช้งบประมาณรวมทั้งงบที่ให้ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาหาไวรัสจากสัตว์ป่าและค้างคาวได้ติดต่อ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ และศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ในฐานะ program leader ที่ได้ทุนจากสหรัฐ และ เพนตากอนในประเด็นว่าได้ประโยชน์หรือไม่ในการคาดคะเนว่าจะเกิดโรคอุบัติใหม่ ได้ประโยชน์หรือไม่ในการพัฒนาการเตรียมพร้อมและรับมือสำหรับโรคอุบัติใหม่ รวมถึงมีการการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีหรือไม่ มีความเสี่ยงหรือไม่ในการค้นหาไวรัสจากสัตว์ป่าดังกล่าวในการที่จะได้รับเชื้อเข้ามาในมนุษย์ เข้ามาในห้องปฏิบัติการและกระจายออกสู่ชุมชนหรือไม่ และมีความพร้อมเพียงใดในการป้องกันทางชีวภาพในระดับบุคคลและห้องปฏิบัติการและการบริหารเมื่อเกิดมีบุคลากรเกิดความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่
ทางศูนย์ สามารถสรุปได้ว่าการค้นหาไวรัสใหม่นั้นไม่เกิดประโยชน์ในการคาดคะเนการเกิดโรคอุบัติใหม่และไม่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้รวมทั้งเปิดเผยความเสี่ยงสูงสุดในขั้นตอนต่างๆ ในการปฏิบัติ และมาตรการในการรับมือกับการหลุดเล็ดรอดของเชื้อจะเป็นด้วยความยากมากในสถานภาพปัจจุบัน และเป็นเหตุผลสำคัญในการต้องทำลายตัวอย่างไวรัสทั้งหมด
นอกจากนั้นข้อที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ปี 2558 กรณีที่เกิดความเสียหายเกิดขึ้น นั่นก็คือ การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการหรือจากห้องเก็บตัวอย่างและเกิดความเสียหายมีการติดเชื้อ ผู้รับผิดชอบซึ่งก็คือผู้รับผิดชอบโครงการหรือหัวหน้าศูนย์จะต้องได้รับโทษตามหมวดเก้าและหมวด 10 ของพระราชบัญญัติตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีตั้งแต่การจำคุก สองปีถึง 10 ปีและปรับจากหลักแสนเป็นหลักหลายล้าน หรือทั้งจำทั้งปรับตามลักษณะของความเสียหายที่เกิดขึ้น
หน่วยงานในประเทศไทยยังได้รับทุนต่อเนื่องตั้งแต่ที่ศูนย์ยุติบทบาทและทำลายไวรัสทั้งหมด แม้กระทั่งในปัจจุบันในปี 2024 มีการผ่านให้ทุนจาก CDC มาไทย หลายหน่วยงาน โดยยังมีการเก็บไวรัสจากค้างคาวโดยเน้น โคโรนา นิปาห์ อีโบลา และอ้างว่าจะไม่มีการส่งตัวอย่างออกนอกประเทศ แต่ทั้งนี้ด้วยการพัฒนาการสร้างไวรัสในปัจจุบัน สามารถทำได้โดยเลือกไวรัสที่มีรหัสพันธุกรรมตรงกับแบบที่ต้องการ โดยมีในดาต้าเบส และทำการตัดต่อได้ในห้องทดลอง ดังที่ประสบความสำเร็จในการสร้างไวรัสโควิดมาแล้ว และสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นมีความสำเร็จในการสร้างไวรัสนิปาห์ แต่ 2018 จากการส่งไวรัสตามธรรมชาติ นิปาห์ อีโบลา จากห้องชีวะนิรภัยระดับสี่ของแคนาดาขึ้นเครื่องบินพาณิชย์จากแคนาดามาที่จีน และส่งมอบให้ เป็นต้นแบบ
ดังนั้น ไวรัสที่หายไปจากห้องชีวะนิรภัยระดับสี่ของออสเตรเลียนั้น อาจไม่ต้องตกใจมาก เท่ากับ สิ่งที่ยังทำในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อกันเองระหว่างปฏิบัติการแพร่ไปให้ครอบครัวและชุมชนและต่อเนื่องไประดับประเทศและระดับโลก
หยุดตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ประเทศไทยตกเป็นจำเลย ไม่ว่าจุดระบาดจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศก็ตามที่เชื่อมโยงมายังประเทศไทย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสร้างไวรัสไข้หวัดนกใหม่ที่แรงกว่าเก่า โดยระบุว่า นักวิทยาศาสตร์จาก Scripps research ที่แคลิฟอร์เนีย ประกาศความสำเร็จในการสร้างไวรัสไข้หวัดนกใหม่ H5N1 ที่ติดคนได้ง่าย จากที่ติดได้ยากมากหรือแทบไม่ได้เลย และแพร่จากคนสู่คนได้
สูตรในการทำง่ายมากโดยการปรับเปลี่ยนให้มี mutation ที่ตำแหน่งเดียวของ hemagglutinin โปรตีน ที่ทำให้จับกับตัวรับของมนุษย์ ทั้งนี้ทำจากโครงของ bovine H5N1 ไวรัส ที่เคยติดมนุษย์ได้ (A/Texas/37/2024, Texas )
ทั้งนี้ การแทนที่กรดอะมิโน Gln226Leu ทำให้ไวรัสจับกับมนุษย์ได้ดีกว่าเดิมโดยรวมกับ Asn224Lys mutation
คณะทำงานได้รายงานด้วยความภาคภูมิใจในวารสาร Science 5 ธันวาคม 2024
ทั้งนี้ โดยที่ไข้หวัดนกตามปกติจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมหลายทอดก่อนที่จะเข้ามนุษย์ได้ และสูตรสำเร็จนี้เป็นการปรับที่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น และทำให้ไวรัสความเสถียรที่จะติดเข้ามนุษย์และคนสู่คนได้ง่ายขึ้น โดยมีความคงตัวไปตลอด
https://www.science.org/doi/10.1126/science.adt0180...
ความสำเร็จใหญ่หลวงนี้ของผู้สร้างไวรัส กลับก่อให้เกิดความตกใจและไม่สบายใจ กับนักวิทยาศาสตร์ที่รับทราบเพราะ
• ถ้ามีการรั่วหรือการปลดปล่อยไวรัสตัวนี้ออกไปจะทำให้เกิดความหายนะอย่างแน่นอน
• และมิหนำซ้ำสูตรที่รายงานนี้ จะเป็นพิมพ์เขียวในการสร้างการติดเชื้อแพร่หลายในวงกว้าง
นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของ King’s College ซึ่งเป็นสมาชิกของ UK Biosecurity Leadership Council ได้แสดงความวิตก ว่า การสร้างสูตรไวรัสตัวนี้ทำให้มีความสามารถเข้าใกล้ระดับระบาด pandemic ทั้งโลก
• และการสร้างไวรัสดังกล่าวไม่มีความชัดเจนว่าจะช่วยมนุษยชาติในการเตรียมพร้อมความรับมือกับไวรัสระบาดได้อย่างไร
ไม่ใช่ใครที่ไหน ที่สนับสนุนการสร้างไวรัสใหม่ นั่นก็คือ Bill & Melinda Gates foundation
ทั้งนี้ NIH ให้ทุน 54,000,000 เหรียญแก่ Scripps ในปี 2023 โดยมีสัญญาผูกพันห้าปีทั้งหมดเป็นจำนวน 282,000,000 เหรียญ
โดยปีก่อนหน้านี้ Scripps ได้ทุน 3.8 ล้านเหรียญจาก NIH เพื่อปรับห้องชีวะนิรภัยให้เป็นระดับสาม
Col Retd Hamish de Bretton-Gordon OBE,
ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่อต้านการก่อการร้ายทางเคมีและอาวุธชีวภาพ และเคยอยู่ในกองทัพของอังกฤษ ได้เคยเตือนหลายครั้งหลายคราว มาก่อนว่าการสร้างไวรัสใหม่จะก่อให้เกิดการระบาดทั่วโลกจากห้องปฏิบัติการ
และได้อธิบายว่า แท้จริงแล้วสามารถควบรวมไวรัส lassa fever เข้ากับโควิด และจะกลายเป็นอาวุธชีวภาพมหันตภัยร้ายแรงกว่าแอนแทรกซ์ และไข้ทรพิษ
• การรั่วออกไปโดยไม่ตั้งใจหรือตั้งใจก็ตาม จะกลายเป็น weapon of mass destruction
Lord Vallance, the U.K.’s Minister of State for Science รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ของอังกฤษ กล่าวเตือนทันทีว่า มีโอกาส ที่จะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในทางที่ผิด และเป็นไปได้ว่า บางคนบางกลุ่ม มีความต้องการอยากได้ไวรัสแบบนี้เพื่อวัตถุประสงค์ร้ายกาจ