เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI) ได้จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร ครั้งที่ 15 แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 ณ หอรัชมงคล สวนหลวง ร.๙ โดยมีบัณฑิต มหาบัณฑิต เข้ารับปริญญาบัตร รวมทั้งสิ้น 716 คน ระดับปริญญาตรี 660 คน และระดับปริญญาโท 56 คน
นายจิระพันธ์ อุลปาทร นายกสภาสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เป็นประธานในพิธี และให้โอวาทแก่บัณฑิต ว่า “บัณฑิตของสถาบันแห่งนี้ถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในศาสตร์วิชาต่างๆ เป็นบุคคลที่มีพลังเปี่ยมล้นทั้งกายและใจในการนำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่ได้รับตลอดระยะเวลาที่ศึกษาไปพัฒนาตนเอง สังคมและประเทศชาติ คุณสมบัติประการหนึ่งที่ภาคภูมิใจและได้ยึดถือปฏิบัติจากรุ่นสู่รุ่นจนหยั่งลึกในตัวบัณฑิตทุกคน และเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นจนได้รับการยอมรับจากสังคมในวงกว้างคือ การยึดถือแนวปฏิบัติตามค่านิยมร่วมของสถาบัน หรือ TNI Core Values ที่สำคัญ อันได้แก่ Monodzukuri การสร้างสรรค์และมุ่งมั่นในการสร้างผลงานอย่างมีคุณภาพ, Kaizen การพัฒนางานและตนเองอย่างต่อเนื่องไม่ย่อท้อ, Hansei การน้อมรับความผิดพลาดของตนเองและพร้อมปรับปรุงแก้ไข ค่านิยมร่วมดังกล่าว ถือเป็นคุณสมบัติที่แสดงถึงการเป็นคนเก่ง คนดี มีคุณธรรม ผมเชื่อมั่นว่าหากบัณฑิตทุกคนได้ไตร่ตรอง และนำไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะทำให้บัณฑิตเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่โดดเด่น ประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าในชีวิต และการงานสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นแบบอย่างที่ดีขององค์กรและสังคม และนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลและสถาบัน”
รศ.รังสรรค์ เลิศในสัตย์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ได้กล่าวรายงานถึงการบริหารจัดการสถาบันด้วยหลักธรรมาภิบาล และกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาสถาบันเพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลง ท้าทาย สู่ความเป็นเลิศ และยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพนักศึกษา การพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่สอดรับกับความต้องการพัฒนาบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม พร้อมปรับปรุงหลักสูตรเดิมให้มีความโดดเด่นและทันสมัย การรับนักศึกษาหลักสูตรพิเศษเทียบโอนหน่วยกิตสำหรับผู้ทำงานที่ต้องการพัฒนาความรู้และปรับวุฒิการศึกษา รวมถึงการยกระดับความเป็นนานาชาติด้วยการสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เพื่อการแลกเปลี่ยนนักศึกษา การพัฒนาหลักสูตรระยะสั้น (Short Course) เพื่อรับนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียน การเตรียมการเปิดคณะวิชาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรม ในปี 2568 เพื่อผลิตบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์ การจัดตั้งศูนย์พัฒนาการเรียนการสอน โดยมีภารกิจหลักด้านการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้มีความหลากหลายและทันสมัย อาทิ Monodzukuri concept, Kosen style Education, Lifelong Learning Education, Work-Integrated Learning เพื่อรองรับการผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาเฉพาะ อีกทั้งยังเน้นการดำเนินงานด้านบริการวิชาการสู่สังคมร่วมกับภาครัฐและธุรกิจอุตสาหกรรม ในอนาคต สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นจะมุ่งสู่การเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีความชำนาญทางด้านการวิจัย จึงได้มีการกำหนดยุทธศาตร์การวิจัย โดยให้แต่ละคณะจัดตั้ง Center of Research Excellence (CORE) โดยเริ่มจากการวิจัยทางด้านยานยนต์ไฟฟ้า ทางด้านการผลิตอัตโนมัติ ทางด้านวัสดุใหม่ พลังงานใหม่ นวัตกรรมทางธุรกิจสไตล์ญี่ปุ่น การบริหารทรัพยากรมนุษย์สไตล์ญี่ปุ่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านดิจิทัลโลจิสติกส์ เป็นต้น
สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI) สถาบันอุดมศึกษาสไตล์ญี่ปุ่น เปิดสอนในระดับปริญญาตรีทั้งภาคปกติ และภาคพิเศษ (เรียนวันเสาร์-อาทิตย์), ปริญญาโท และวิทยาลัยนานาชาติ (THAI-NICHI INTERNATIONAL COLLEGE) หลากหลายสาขาวิชา รวมกว่า 26 สาขา และในปี 2568 สถาบันจะเปิดสอนคณะใหม่ นั่นคือ “คณะเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจอุตสาหกรรม” เพิ่มเติมจากคณะต่างๆ ในปัจจุบัน ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะบริหารธุรกิจ และคณะสื่อสารสากล โดยมุ่งหวังพัฒนาและสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ ให้เป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
นายจิระพันธ์ อุลปาทร นายกสภาสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เป็นประธานในพิธี และให้โอวาทแก่บัณฑิต ว่า “บัณฑิตของสถาบันแห่งนี้ถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในศาสตร์วิชาต่างๆ เป็นบุคคลที่มีพลังเปี่ยมล้นทั้งกายและใจในการนำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่ได้รับตลอดระยะเวลาที่ศึกษาไปพัฒนาตนเอง สังคมและประเทศชาติ คุณสมบัติประการหนึ่งที่ภาคภูมิใจและได้ยึดถือปฏิบัติจากรุ่นสู่รุ่นจนหยั่งลึกในตัวบัณฑิตทุกคน และเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นจนได้รับการยอมรับจากสังคมในวงกว้างคือ การยึดถือแนวปฏิบัติตามค่านิยมร่วมของสถาบัน หรือ TNI Core Values ที่สำคัญ อันได้แก่ Monodzukuri การสร้างสรรค์และมุ่งมั่นในการสร้างผลงานอย่างมีคุณภาพ, Kaizen การพัฒนางานและตนเองอย่างต่อเนื่องไม่ย่อท้อ, Hansei การน้อมรับความผิดพลาดของตนเองและพร้อมปรับปรุงแก้ไข ค่านิยมร่วมดังกล่าว ถือเป็นคุณสมบัติที่แสดงถึงการเป็นคนเก่ง คนดี มีคุณธรรม ผมเชื่อมั่นว่าหากบัณฑิตทุกคนได้ไตร่ตรอง และนำไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะทำให้บัณฑิตเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่โดดเด่น ประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าในชีวิต และการงานสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นแบบอย่างที่ดีขององค์กรและสังคม และนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลและสถาบัน”
รศ.รังสรรค์ เลิศในสัตย์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ได้กล่าวรายงานถึงการบริหารจัดการสถาบันด้วยหลักธรรมาภิบาล และกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาสถาบันเพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลง ท้าทาย สู่ความเป็นเลิศ และยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพนักศึกษา การพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่สอดรับกับความต้องการพัฒนาบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรม พร้อมปรับปรุงหลักสูตรเดิมให้มีความโดดเด่นและทันสมัย การรับนักศึกษาหลักสูตรพิเศษเทียบโอนหน่วยกิตสำหรับผู้ทำงานที่ต้องการพัฒนาความรู้และปรับวุฒิการศึกษา รวมถึงการยกระดับความเป็นนานาชาติด้วยการสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เพื่อการแลกเปลี่ยนนักศึกษา การพัฒนาหลักสูตรระยะสั้น (Short Course) เพื่อรับนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียน การเตรียมการเปิดคณะวิชาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรม ในปี 2568 เพื่อผลิตบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์ การจัดตั้งศูนย์พัฒนาการเรียนการสอน โดยมีภารกิจหลักด้านการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้มีความหลากหลายและทันสมัย อาทิ Monodzukuri concept, Kosen style Education, Lifelong Learning Education, Work-Integrated Learning เพื่อรองรับการผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาเฉพาะ อีกทั้งยังเน้นการดำเนินงานด้านบริการวิชาการสู่สังคมร่วมกับภาครัฐและธุรกิจอุตสาหกรรม ในอนาคต สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นจะมุ่งสู่การเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีความชำนาญทางด้านการวิจัย จึงได้มีการกำหนดยุทธศาตร์การวิจัย โดยให้แต่ละคณะจัดตั้ง Center of Research Excellence (CORE) โดยเริ่มจากการวิจัยทางด้านยานยนต์ไฟฟ้า ทางด้านการผลิตอัตโนมัติ ทางด้านวัสดุใหม่ พลังงานใหม่ นวัตกรรมทางธุรกิจสไตล์ญี่ปุ่น การบริหารทรัพยากรมนุษย์สไตล์ญี่ปุ่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านดิจิทัลโลจิสติกส์ เป็นต้น
สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNI) สถาบันอุดมศึกษาสไตล์ญี่ปุ่น เปิดสอนในระดับปริญญาตรีทั้งภาคปกติ และภาคพิเศษ (เรียนวันเสาร์-อาทิตย์), ปริญญาโท และวิทยาลัยนานาชาติ (THAI-NICHI INTERNATIONAL COLLEGE) หลากหลายสาขาวิชา รวมกว่า 26 สาขา และในปี 2568 สถาบันจะเปิดสอนคณะใหม่ นั่นคือ “คณะเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจอุตสาหกรรม” เพิ่มเติมจากคณะต่างๆ ในปัจจุบัน ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะบริหารธุรกิจ และคณะสื่อสารสากล โดยมุ่งหวังพัฒนาและสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ ให้เป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง