“หมอธีระวัฒน์” เผยรายงานที่เผยแพร่ในวารสารของยุโรป พบการปะทุของมะเร็งที่สงบไปแล้วในผู้ป่วยที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมชี้ว่าการฉีดวัคซีนชนิด mRNA มีผลทำให้กลไกการควบคุมมะเร็งทำงานด้อยลง
วันนี้(25 ก.ย.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ในหัวข้อ มะเร็งปะทุใหม่หลังฉีดวัคซีนจากที่สงบไปนาน มีรายละเอียดระบุว่าการปะทุของมะเร็ง “ที่สงบไปแล้ว” โดยทำการตรวจสอบด้วย PET scan โดย tracer พิเศษ พบต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ ข้างเดียวกับที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีการแสดงออกของ PDL-1 (programmed cell death ligand-1) และมีผลทำให้มองไม่เห็นมะเร็งหรือมะเร็งซ่อนตัวจากระบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน ทำให้ทำลายไม่ได้
ผู้ป่วยหลังจากที่เป็นมะเร็งปอด ระยะ 4 (NSCLC) และมะเร็งสงบไปแล้ว สองรายที่ฉีดวัคซีน และระบบภูมิคุ้มกันยังปกติ กลับมีมะเร็งปะทุขึ้นใหม่ แสดงให้เห็นในรูป ที่รักแร้ ข้างเดียวที่ฉีดวัคซีน
สองรายที่“ไม่ได้ฉีด”วัคซีน ไม่มีมะเร็งปะทุใหม่ หนึ่งรายที่ฉีดวัคซีน แต่ยังคง“ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน” ไม่มีมะเร็งปะทุใหม่
คณะผู้รายงานได้ชื้ ให้เห็นว่า หลังฉีดวัคซีน mRNA ทำให้มีผลต่อกลไกการควบคุมมะเร็งโดยทำให้ด้อยลง
ทั้งนี้ จากการที่ทำให้ตัวรับ programmed death ligand (PDL)-1 กลับปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งๆ ที่สงบไปแล้ว หลังการรักษา
PDL-1 อยู่บนผิวเซลล์ของเม็ดเลือดขาวเช่น T เชลล์ และอยู่บนเซลล์มะเร็งด้วย โดยทำหน้าที่ ในการลดการตอบสนองในการทำลายเซลล์มะเร็ง
https://ejhi.springeropen.com/articles/10.1186/s41824-024-00196-7
รายงาน 7 มิถุนายน 2024 วารสาร European Journal of Nuclear Medicine and Molecular Imaging
นอกจากนี้ศ.นพ.ธีระวัฒน์ยังโพสต์ข้อความอีกว่า ฉีดวัคซีนไปห้าหกเดือนพบมะเร็ง รีบฉีดเข็มกระตุ้น มะเร็งลุกลามภายในเจ็ดวัน
ศาสตราจารย์แพทย์ชั้นนำเบลเยียม Prof Michael Goldman ทางด้านอายุรกรรมและภูมิคุ้มกัน หลังจากฉีดไปสองเข็ม ห้าถึงหกเดือนต่อมาตรวจพบมะเร็งต่อมน้ำเหลือง AngioImmunoblastic T cell Lymphoma (AITL)
เนื่องจากต้องรับเคมีบำบัดต่อจึงฉีดเข็มที่สาม กลับกลายเป็นว่า มะเร็งปะทุรุนแรงมากขึ้น (ตามรูป) ภายใน 7 วัน
คุณหมอเอาตนเองรายงานในวารสารจากการแพทย์ ความเชื่อมโยงของมะเร็งและการลุกลาม โดยมีลูกชายซึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ร่วมรายงานด้วยโดยเป็นชื่อแรก
รายงาน 25 November 2021
https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fmed.2021.798095/full