xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ถามทำไมคนไทยตายมากขึ้นผิดปกติในปีหลังฉีดวัคซีน และมากกว่าช่วงโควิดระบาดใหญ่ปี 64

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปานเทพ” เผยช่วงปี 65-67 หลังคนไทยฉีดวัคซีนโควิดเกือบทุกคนแล้ว แต่อัตราการตายกลับมากขึ้นกว่าปกติ และมากกว่าช่วงโควิดระบาดปี 2564 แนะต้องเริ่มต้นหาความจริง แล้วนำมาเปิดเผย ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพื่อหาแนวทางป้องกันรักษา

วันนี้(8 ส.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ตั้งคำถามว่า ทำไมคนไทย ”ตายมากขึ้นผิดปกติ“ หลังปีที่ฉีดวัคซีน และมากกว่าช่วงโควิดปี 2564? โดยมีรายละเอียดระบุว่า

สถิตต่อไปนี้ คือข้อมูลการเสียชีวิตของคนไทย โดยวัดสถิติล่าสุดถึงครึ่งแรกปี 2567 เมื่อเทียบย้อนหลังไป 10 ปี ข้อมูลนี้ได้ถูกรวบรวมโดยกลุ่มแพทย์จิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เพื่อเทียบกับปี 2564 เพราะปี 2564 มี 2 เหตุการณ์สำคัญ คือ

เหตุการณ์ที่ 1. ปี 2564 มีเหตุการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าในประเทศไทยซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด

เหตุการณ์ที่ 2. ปี 2564 มีเหตุการณ์ที่ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนไปทั่วประเทศไทย


ปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่มีการระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์มีความรุนแรงมากที่สุด ภาพปรากฏที่มีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลมากที่สุด ซึ่งควรจะเป็นปีสุดท้ายที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ด้วยเพราะเป็นปีที่เรามีการระดมฉีดวัคซีนมากที่สุดแล้ว

แต่หลังจากปี 2564 เป็นต้นมา คือปี 2565, 2566 และ 2567 ถ้าคิดว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ คนไทยควรจะมีอัตราการเสียชีวิตลดน้อยลงกว่าช่วงโควิดระบาดด้วยสายพันธุ์ที่รุนแรง และควรจะลดลงใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดโรคโควิดระบาดหนักในประเทศไทย

แต่กลับปรากฏว่าอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในปี 2565, 2566, และ 2567 กลับสูงกว่าไม่เพียงปี 2562 เท่านั้น แต่กลับสูงขึ้นกว่าปี 2564 อย่างผิดปกติอีกด้วย

ทั้งๆ ที่โรคโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ที่ลดความรุนแรงไปแล้ว และคนไทยส่วนใหญ่ก็ได้รับวัคซีนไปแล้วด้วย

โดยหากพิจารณาเฉพาะ “ครึ่งปีแรก” เพื่อเทียบสถานการณ์ล่าสุดถึงปี 2567 พบว่าครึ่งปีแรกของปี 2564 คนไทยเสียชีวิต 263,005 ราย ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีประชาชนคนไทยเสียชีวิตสูงที่สุดเทียบกับ 7 ปีก่อนหน้า (2558-2563)

แต่ครึ่งปีแรกของปี 2565 หลังปีที่มีการฉีดวัคซีนแล้ว คนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 297,555 ราย, ครึ่งปีแรกของปี 2566 คนไทยเสียชีวิต 291,558 ราย และล่าสุดครึ่งปีแรกของ 2567 พบว่าประชาชนคนไทยเสียชีวิต 294,998 ราย

หรือสรุปให้เข้าใจให้ง่ายกว่านั้นหลังปี 2564 ที่ประเทศไทยมีการระดมฉีดวัคซีนเป็นต้นมา เปรียบเทียบ 3 ปีติดต่อกัน คือ ครี่งปีแรกของปี 2565, 2566 และ 2567 เป็น 3 ปีติดต่อกันที่มีประชาชนคนไทยเสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 10 ปี

และถ้าจะเทียบ “เต็มปีงบประมาณ” หลังปีงบประมาณ 2564 คือ ปี 2565 และ 2566 ก็จะพบว่าประชาชนคนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2564 และเป็น 2 ปีหลังที่คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมาด้วย


โดยในปีงบประมาณ 2564 มีคนไทยเสียชีวิต 548,067 ราย โดยภายหลังปีที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว มีจำนวนคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันทั้ง 2 ปีงบประมาณ และมากกว่าช่วงโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่มีความรุนแรงมากที่สุด
กล่าวคือปีงบประมาณ 2565 มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขี้นเป็น 590,174 ราย (มากกว่าปีงบประมาณ 2564 จำนวน 42,107 ราย) และปีงบประมาณ 2566 มีคนไทยเสียชีวิต 576,516 ราย (มากกว่าปีงบประมาณ 2564 จำนวน 13,658 ราย)

เรื่องนี้มีความผิดปกติไม่เพียงแค่จำนวนเท่านั้น แต่ยังผิดปกติในเรื่อง“อัตราส่วนของการเสียชีวิตเมื่อเทียบกับประชากร” ด้วย ดังนี้

โดยในช่วงปี 2560 คนไทยมีอัตราส่วนการเสียชีวิต 700 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในขณะที่ปี 2561 คนไทยมีอัตราการเสียชีวิต 710 คนต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน

ปี 2562 คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 750 คนต่อประชากร 1 แสนคน ส่วนในปี 2563 คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 750 คนต่อประชากร 1 แสนคน

ปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่มีการระบาดโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นช่วงสายพันธุ์ของโควิด-19 ที่ทำให้คนไทยและคนทั่วโลกเสียชีวิตมากที่สุด และเป็นปีที่มีการระดมฉีดวัคซีนด้วย ปรากฏว่าคนไทยเสียชีวิต 840 คนต่อประชากร 1 แสนคน

ปี 2565 เป็นปีที่มีการระบาดโรคโควิด-19 ในสายพันธุ์โอไมครอนซึ่งมีความรุนแรงน้อยลงอย่างมาก แต่กลับปรากฏว่าสัดส่วนการเสียชีวิตของคนไทยกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2564 กล่าวคือในปี 2565 นี้ คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 906 คนต่อประชากร 1 แสนคน

ปี 2566 เป็นปีที่ผ่านไป 2 ปี ที่มีการระดมฉีดวัคซีนไปแล้ว มีการระบาดโรคโควิด-19 น้อยลง คนไทยใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่กลับปรากฏว่าสัดส่วนการเสียชีวิตของคนไทยกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2564 กล่าวคือในปี 2566 นี้ คนไทยเสียชีวิต 885 คนต่อประชากร 1 แสนคน

และถ้าจะเทียบปีฐานของ “ความปกติ” ในปีงบประมาณ 2562 ที่เชื้อโควิดยังไม่ระบาด หรือปีงบประมาณ 2563 ที่โรคโควิด-19 แม้จะระบาดแต่ก็ยังไม่รุนแรง

ถ้าจะเรียกปี 2562 และ 2563 ว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตของคนไทย 750 คนต่อประชากร 1 แสนคน “เป็นภาวะปกติ” ดังนั้นในปี 2565 คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตมากเกินปกติร้อยละ 20.8 และในปี 2566 คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตมากเกินปกติร้อยละ 18
โดยเฉพาะข้อมูลของ “ผู้สูงวัย” หรือกลุ่มประชากรไทยอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายในการระดมฉีดวัคซีนที่ผ่านมา กลับพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นกว่าปกติ หลังปีที่ฉีดวัคซีนด้วย กล่าวคือ

ในปี 2560-2563 กลุ่มผู้สูงวัยอายุเกินกว่า 60 ปี มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 290-300 คนต่อประชากร 1 แสนคน


แต่ในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่โรคโควิด-19 ระบาดและมีความรุนแรงมากที่สุด และมีการระดมฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงวัยจำนวนมาก ปรากฏว่าผู้สูงวัยเสียชีวิตในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 320 คนต่อประชากร 1 แสนคน

แต่ในปี 2565 ซึ่งประชากรผู้สูงวัยเกิน 60 ปี ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว กลับปรากฎว่ากลุ่มผู้สูงวัยที่รอดชีวิตมาได้จากปี 2564 กลับมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในปี 2565 เป็น 340 คนต่อประชากร 1 แสนคน

นอกจากนั้นเมื่อพิจารณา “สาเหตุ”การเสียชีวิตของคนไทยแล้ว กลับพบ “ความผิดปกติยิ่งกว่า“ เพราะมีการรายงานที่ “แอบซ่อน”เอาไว้ในรหัสการเสียชีวิตเลขที่ “297” ที่มีนิยามว่า

“การร้องขอรับบริการสุขภาพเพื่อหัตถการหรือการบริการสุขภาพที่ระบุเฉพาะ“ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ”Asking for medical procedure“

หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆว่า คนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวเรียกร้องขอให้ ”ปั้มหัวใจ“


แต่การบันทึกรหัส 297 นี้ เมื่อมี “จำนวนมากผิดปกติ” ก็ย่อมจะทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการ ”ซุกซ่อนตัวเลขสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง“ หมกเอาไว้ใต้พรมในรหัสเดียวกันนี้หรือไม่?

เพื่อทำให้สาเหตุอื่นๆที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ”น้อยกว่าความเป็นจริง“ หรือไม่?

ที่ต้องตั้งคำถามเช่นนี้ เพราะสาเหตุของการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการปั้มหัวใจนั้น ความผิดปกตินี้เกิดขึ้นอย่างมากจริงๆแบบก้าวกระโดด ในปี 2566 ดังนี้

ปี 2564 สาเหตุการเสียขีวิตรหัส 297 อันเนื่องมาจาก “การร้องขอรับบริการสุขภาพเพื่อหัตถการหรือการบริการสุขภาพที่ระบุเฉพาะ“ จำนวน 442 ราย

ปี 2565 สาเหตุการเสียขีวิตรหัส 297 อันเนื่องมาจาก “การร้องขอรับบริการสุขภาพเพื่อหัตถการหรือการบริการสุขภาพที่ระบุเฉพาะ“ จำนวน 515 ราย

ปี 2566 สาเหตุการเสียขีวิตรหัส 297 อันเนื่องมาจาก “การร้องขอรับบริการสุขภาพเพื่อหัตถการหรือการบริการสุขภาพที่ระบุเฉพาะ“ จำนวน 32,051 ราย

ดังนั้นสาเหตุการเสียชีวิตด้วยเพราะ “การร้องขอรับบริการสุขภาพเพื่อหัตถการหรือการบริการสุขภาพที่ระบุเฉพาะ“ ในปี 2566 มีมากกว่าปี 2564 ถึง 7,151% และมากกว่าปี 2565 ถึง 6,123% ได้อย่างไร?

จำนวนผู้เสียชีวิตเพราะ “การร้องขอรับบริการสุขภาพเพื่อหัตถการหรือการบริการสุขภาพที่ระบุเฉพาะ“ กลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย อันดับ 1 ของการเสียชีวิตของคนไทย ในปี 2566 เพราะอะไร?

แต่ถึงแม้จะมีตัวเลขจำนวนมากในปี 2566 ที่เป็นสาเหตุการตายมาซุกเอาไว้ในรูปของการปั้มหัวใจ เพื่อทำให้สาเหตุการตายอื่นๆอาจจะน้อยกว่าความเป็นจริงก็ตาม

แต่ก็ยังไม่สามารถกลบตัวเลขสาเหตุการตายอื่นๆได้ เพราะก็ยังมีจำนวนที่มากผิดปกติอยูดี

โดยสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 รหัส 169 อันเนื่องมาจาก “ปอดบวม“ ในปี 2566 มีจำนวน 28,197 ราย เป็นสถิติการเสียชีวิตรองจากปี 2565 มีจำนวน 33,374 ราย


ที่น่าสังเกตคือ 2 ปีนี้ คือปี 2565 และ 2566 ซึ่งเป็นปีที่ประชาชนเสียชีวิตจากปอดบวมเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว โดยการเสียชีวิตจากปอดบวมช่วงโควิดระบาดหนักในปี 2564 ที่มีจำนวน 26,405 รายซึ่งยังน้อยกว่าปี 2565 และปี 2566
โดยเฉพาะสาเหตุการเสียชีวิตในปี 2566 จาก ”กลุ่มโรคสมองและระบบประสาท“ ทั้งจากเลือดออกสมอง เนื้อสมองตาย และโรคของระบบประสาทอื่นๆ ปี 2565 และ 2566 ทยอยสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะมากขึ้นทุกปี

ในขณะที่การเสียชีวิตจาก ”ระบบหัวใจและหลอดเลือด“ ทั้งจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหัวใจขาดเลือดอื่นๆ และโรคหัวใจอื่นๆ พบว่ามีสถิติตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังเพิ่มมากขึ้นทุกปี
นอกจากนั้นอัตราการเปลี่ยนแปลงของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทุกชนิดในปี 2566 มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2565 ด้วย








ไม่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น อัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นผิดปกติหลังปีที่ฉีดวัคซีนนั้น ยังได้รับความสนใจในต่างประเทศด้วยเช่นกัน

โดยมีตัวอย่างล่าสุด คือองค์กรวิจัยเพื่อประโยชน์สาธารณะในแคนนาดา ชื่อ Correlation ที่วิจัยในเชิงความสัมพันธ์อัตราการเสียชีวิตที่มากเกินผิดปกติจากการสำรวจ 125 ประเทศ ระหว่างปี พ.ศ.2563-2566 ซึ่งเป็นการศึกษาที่ใหญ่ที่สุด การศึกษาชิ้นนี้มีความหนาถึง 521 หน้า เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมาว่ามีการเสียชีวิตที่มากผิดปกติทั้งช่วงระหว่างการระบาดและหลังการระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากไวรัสอย่างเดียว และยังรวมถึงผลกระทบจากวัคซีนด้วย[1],[2]
ดังนั้นประเทศไทยควรจะต้องเริ่มต้นหาความจริงและพูดความจริงกันว่า เรามีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นหลังการฉีดวัคซีนจริงหรือไม่​ ซึ่งสามารถเริ่มต้นด้วยการสำรวจวิจัยสถิติย้อนหลัง เพื่อหาความสัมพันธ์ของการเสียชีวิตของประชากรไทยที่ผิดปกติ มีความสัมพันธ์กับและการฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนและกี่เข็ม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อข้อมูลทั้งหมดอยู่ที่ภาครัฐ รัฐบาลควรจะต้องเปิดเผยข้อมูล และลงทุนเพื่อวิจัยระดับชาติเพื่อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นว่า การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทยนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่?

การรับทราบความเจ็บป่วยหรือผลข้างเคียงจากการเจ็บป่วยเรื้อรังจากการติดเชื้อโควิด-19 หรือเป็นผลข้างเคียงต่อเนื่องหลังการวัคซีนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการยอมรับความจริงเท่านั้นจึงจะนำไปสู่การลงทุนวิจัยเพื่อหาแนวทางการรักษาหรือเรียกร้องการเยียวยาความเสียหายระหว่างประเทศได้

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
8 สิงหาคม 2567

อ้างอิง

[1]Denis G. Rancourt, et al, Spatiotemporal variation of excess all-cause
mortality in the world (125 countries) during the
Covid period 2020-2023 regarding socio-economic factors and public-health and medical interventions, Correlation, 19 July 2024
https://correlation-canada.org/.../2024-07-19-Correlation...

[2] Brenda Baletti, Breaking: Largest Study of Its Kind Finds Excess Deaths During Pandemic Caused by Public Health Response, Not Virus, The Defender, JULY 19, 2024
https://childrenshealthdefense.org/.../excess-death-covid...


กำลังโหลดความคิดเห็น