xs
xsm
sm
md
lg

เปิดมุมมองใหม่ วิทยาลัยนานาชาติ “Thai-Nichi International College” กับ ผศ.ดร. ทิวา พาร์ค คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ TNIC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วิทยาลัยนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TNIC) เป็นวิทยาลัยที่มีความเป็นสากลและเป็นวิถีใหม่ ด้วยหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีความเป็นสหวิทยาการ โดยการออกแบบหลักสูตรที่สามารถผสมผสานระหว่างคณะบริหารธุรกิจ และคณะเทคโนโลยี หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ให้รวมอยู่ในหลักสูตรเดียวกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้มีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในยุคดิจิทัล ที่ต้องการทรัพยากรบุคคลที่มีหลากหลายทักษะ

นอกจากนี้ยังสร้างมาตรฐานการศึกษาให้มีความเป็นสากล และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อดึงดูดนักศึกษาต่างชาติ ด้วยการเรียนการสอน 3 ภาษา ในทุกหลักสูตรแห่งเดียวในประเทศไทย ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น ในอนาคตอาจจะเพิ่มภาษาที่สี่ อาทิ ภาษาจีน เป็นต้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมวัฒนธรรมญี่ปุ่นและชาติต่างๆ ซึ่งการใช้ภาษาที่หลากหลายจะช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ทั้งการเปิดรับข้ามวัฒนธรรม และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในระดับสากล พร้อมทีมคณาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

อัตลักษณ์ของวิทยาลัยนานาชาติ TNIC ในปัจจุบัน

Thai-Nichi International College (TNIC) มุ่งมั่นที่จะเป็นพื้นที่ให้นักศึกษาได้พบกับความสวยงามในการเรียนรู้ เราพยายามหล่อหลอมบัณฑิตที่มีลักษณะ Hi-Grit คือ เราสร้างพลเมืองโลกที่ตระหนักรู้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และยากจะคาดเดา แต่ในขณะเดียวกันก็มีทัศนคติที่พร้อมเผชิญหน้า ไม่หวั่นกับปัญหา สนุกกับความท้าทาย แก้ไขปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสามารถคิดเชิงกลยุทธ์ที่สร้างความยั่งยืนได้ แบบนี้เขาจะเป็นที่ต้องการในทุก ๆ ที่ทั่วโลก

ด้วยปรัชญาการศึกษาแบบญี่ปุ่น TNIC เน้นการปลูกฝัง "ความรับผิดชอบต่อชุมชน" ควบคู่ "ความคิดสร้างสรรค์" และ "จิตวิญญาณนักสู้" ควบคู่ไปกับ "การฝึกฝนด้วยการเรียนผ่านการลงมือทำจริง" ซึ่งจำเป็นต่อความสำเร็จในสาขาอาชีพที่เป็น Hi Demand ในอนาคต จะเห็นได้จากการเปิด 3 หลักสูตรของ TNIC นั่นคือ International Business and Entrepreneurship (IBN), Data Science and Artificial Intelligence (DSA), และ Digital Engineering (DGE) ที่จะมาสอดรับกับเทรนด์ตรงนี้

หลักสูตรของ TNIC ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน มุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้แบบลงมือทำ การคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษาของเราจะมีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านโปรเจกต์ส่วนบุคคล กิจกรรมพัฒนาทักษะ โครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และการฝึกงานกับองค์กรชั้นนำ


มุ่งสู่ความเป็นสากลและสร้างความเป็น Inter of TNI ได้อย่างไร

แน่นอนว่า Thai-Nichi International College (TNIC) ให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นสากลให้กับคณะและหลักสูตร โดยใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย ดังนี้

ประการแรก คือ วิธีการเรียนการสอนที่มีความเป็นสากล เราไม่ได้ยึดติดกับวิธีการสอนที่เน้น lecture แล้วนักศึกษานั่งจดไปเงียบ ๆ แต่เราเน้นการสอนที่ให้อาจารย์เป็นโค้ช หรือเมนเทอร์ ที่แบ่งปันประสบการณ์ กระตุ้นให้นักศึกษาได้ฝึกคิด และปลดล็อกศักยภาพด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งทางนี้เป็นทางที่ทำได้ยาก แต่ในระยะยาวแล้วเราเชื่อว่า วิธีนี้จะเป็นผลดีกว่า แนวทางปฏิบัติแบบเดิม ๆ ที่อาจารย์ให้คำตอบที่ถูกเพียงคำตอบเดียว แล้วนักศึกษาก็สนใจแค่ว่าคำตอบที่ถูกที่สุดคืออะไรกันแน่

ประการที่สอง คือ พันธมิตรที่เป็นสากล ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยพันธมิตรในต่างประเทศ ทั้งในญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ซึ่งเราสามารถทำ Visiting Program ระยะสั้น หรือทำโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน การจัดทัศนศึกษา และนอกจากนี้ยังได้เตรียมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อให้นักศึกษาสามารถเลือกฝึกงานในต่างประเทศได้ 100 % อีกด้วย

ประการที่สาม คือ การเพิ่มสัดส่วนชาวต่างชาติ ทั้งในส่วนที่เป็นนักศึกษา และส่วนของคณาจารย์ จะเห็นได้ว่าเมื่อต้นปี 2567 เราได้ไปเปิดตลาดที่เมียนมาร์ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ในระยะเวลาเพียง 5 เดือน TNICมีนักศึกษาเมียนมาร์เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ซึ่งเป็นข่าวดีมากเพราะเราสามารถเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาเมียนมาร์กลุ่มพรีเมียมที่เห็นภาพความต้องการในตลาดโลก ในส่วนของคณาจารย์มีทั้งอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และกำลังวางแผนที่จะเพิ่มอาจารย์พิเศษชาวต่างชาติที่มีประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจระดับโลกเข้ามาเสริมให้กับนักศึกษาอีกด้วย ปัจจุบัน TNIC มีนักศึกษาชาติต่างๆ เข้าเรียน อาทิ ญี่ปุ่น, เยเมน, ภูฏาน, อินเดีย, ศรีลังกา, ฟิลิปปินส์, เมียนมาร์ เป็นต้น


TNIC มีจุดเด่นที่แตกต่างจากที่อื่นๆ อย่างไร มีความโดดเด่นและเป็นเลิศอย่างไร

ความโดดเด่นของ TNIC ที่ยากจะหาได้จากหลักสูตรอินเตอร์ที่อื่น คือ หลักสูตรที่มีความทันสมัย และออกแบบมารองรับความต้องการของโลกอนาคตได้เป็นอย่างดี เช่น หลักสูตร International Business and Entrepreneurship (IBN) ซึ่งถ้าดูแค่ชื่อจะไม่รู้เลยว่า ได้แทรกเนื้อหาด้านไอทีไว้เยอะมาก อันนี้เป็นเทรนด์การสร้างธุรกิจแบบ Agile และต้นทุนไม่สูง เหมาะกับคนเจนใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แล้วสามารถเห็นศักยภาพของตลาดข้ามประเทศได้ ส่วนหลักสูตร Data Science and Artificial Intelligence (DSA) และ Digital Engineering (DGE) มีเนื้อหาของมุมมองด้านแผนธุรกิจสตาร์ทอัพไว้มากพอสมควร

จะเห็นได้ว่า TNIC ได้เตรียมสร้างบุคลากรที่ครบเครื่องและมีทักษะแบบบูรณาการไว้แล้ว ซึ่งเป็นที่ต้องการต่อสถานการณ์ปัจจุบันและโลกอนาคตมากกว่าที่จะรู้อะไรเพียงอย่างเดียว ควบคู่ไปด้วยทีมคณาจารย์ที่มีอัธยาศัยดีและใส่ใจนักศึกษาอย่างแท้จริง อาจารย์กับนักศึกษานั่งในแล็บข้างกัน ร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน มีเวลาให้คำปรึกษาได้ตลอด ซึ่งวัฒนธรรมการเรียนการสอนแบบนี้หาได้ยากมากแล้วในประเทศไทย

นอกจากหลักสูตรแล้ว TNIC ให้โอกาสในการคว้าทุนไปโครงการแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ในปีหนึ่ง ๆ นักศึกษาสามารถได้เข้าร่วมโครงการเหล่านี้มากกว่า 10 โครงการ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เรียกได้ว่าส่งนักศึกษาออกไปสัมผัสโลกกว้างแทบทุกเดือน และยังไม่รวมถึงแผนที่จะส่งนักศึกษาของเราไปฝึกงานในต่างประเทศ 100% ในอนาคตอีกด้วย


ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น นักศึกษาของ TNIC ทุกคนจะได้ประสบการณ์แก้โจทย์ในโลกธุรกิจจริงตั้งแต่ยังเรียนอยู่ โดยเป็นโจทย์ที่ได้มาจากพาร์ทเนอร์บริษัทจริง ทั้งเป็นโจทย์ในรายวิชา และโจทย์ในโครงการพิเศษที่จัดตั้งขึ้นมาในแต่ละปี สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำลายปัญหาโลกแตกที่ว่า เวลาสมัครงานงานแรก นักศึกษาจะเอาประสบการณ์ที่ไหนไปหางาน หากผ่านหลักสูตรของ TNIC แล้ว สิ่งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย

โจทย์ท้าทายของ TNIC ในตอนนี้

สิ่งที่ท้าทายในฐานะผู้ให้บริการด้านการศึกษาคือ เราเปิดความเสี่ยงต่อองค์ความรู้ที่ล้าสมัยเร็วมาก ไม่ต้องไปนับความรู้ในตำรา อันนั้นล้าสมัยแน่นอนอยู่แล้ว เพราะกว่าจะมาเป็นตำราหนึ่งเล่ม ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะตีพิมพ์ กว่าจะได้เรียน กว่านักศึกษาจะเรียนจบ โลกหมุนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว TNIC จึงพยายามอัพเดทตัวเองให้ไว โดยการพึ่งกูรูจากภาคอุตสาหกรรม ประสบการณ์ตรงเหล่านี้แม้ว่าจะทันสมัยกว่า แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะใช้ได้กับโจทย์ของวันข้างหน้า ดังนั้นจึงเน้นไปที่การสร้าง Mindset ซึ่งอันนี้พูดง่าย ทำยาก ตัวนักศึกษาเองต้องกล้าลอง กล้าล้ม กล้าลุก และ Learn How To Learn ให้เป็น ตรงนี้นี่เองที่ระบบ Coaching และ Mentorship จะเข้ามาปรับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้กับนักศึกษา แน่นอนว่ามันจะไปเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ที่นักศึกษาได้รับการปลูกฝังมานาน นักศึกษา หรือผู้ปกครองบางส่วนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ หรือยังไม่ถ่องแท้ในแนวคิดใหม่นี้ แต่ TNIC เชื่อว่า ถ้าเราต้องการอะไรง่ายๆ มีดอกผลสวยงามไวๆ เราก็เลือกใช้วิธีพวก Minor Change แต่ถ้าต้องการวางรากฐานชีวิตให้คนหนึ่งคน เราจำเป็นต้องอดทน และมุมานะ เพราะการปลูกต้นไม้ใหญ่ต้
องใช้เวลา และความใส่ใจมากกว่า

ในอนาคตอันใกล้ TNIC มีทิศทางอย่างไรบ้าง

เราต้องการยกระดับวิทยาลัยนานาชาติ TNIC ไปอีกขั้น ทั้งในด้านประสบการณ์การเรียนในหลักสูตร มิติของความเป็นสากล และการจัดเตรียมโอกาสการหางานในต่างประเทศได้ทันทีเมื่อจบการศึกษา

ในด้านการพัฒนาประสบการณ์เรียน จะเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจมากขึ้น ในระดับที่ลึกขึ้น และเคสต่าง ๆ ที่จะนำมาให้นักศึกษาได้เรียนรู้ จะต้องมีโซลูชั่นในลักษณะที่บูรณาการผสมผสานข้ามศาสตร์มากขึ้น โดยนักศึกษาทั้ง 3 หลักสูตร จะต้องร่วมมือในการคิด วิเคราะห์ วางแผน ไปจนถึงการ Make It Happen ซึ่งเป็นระดับที่ภาคธุรกิจในอนาคตต้องการจริง ๆ

ในด้านมิติของความเป็นสากล ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติให้มากขึ้น เพราะเชื่อในความหลากหลายของวัฒนธรรม การมีกรอบความคิดแบบพลเมืองโลก การเปิดกว้างทางความคิด และยังทำให้ประสบการณ์การเรียนในห้องเรียนดีขึ้นด้วย เพราะนักศึกษาจะได้ยินได้ฟังไอเดียที่หลากหลายอันเนื่องมาจากแบ็คกราวน์ ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งบรรยากาศการเรียนรู้แบบนั้นจะสวยงามขึ้น มีความหมายมากขึ้น ซึ่งจะดีกับทุก ๆ คนในชั้นเรียนโดยถ้วนหน้ากัน นอกจากนี้เรายังมีคอร์สเรียนระยะสั้น 1-4 สัปดาห์ ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย การทำอาหารไทย มวยไทย การสัมผัสความเป็นอยู่แบบไทยตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 และความรู้เกี่ยวกับความงามและสุขภาพแบบฉบับเฉพาะโลกตะวันออก ซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดนักศึกษาตะวันตกที่มีความสนใจเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่นี่อีกด้วย

และสุดท้ายคือ เราต้องการจัดเตรียมโอกาสการทำงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะทำเน็ตเวิร์กกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศเพิ่มขึ้น และผลักดันให้นักศึกษาของเราไปฝึกงานในต่างประเทศก่อน 4 เดือน จุดนี้จะทำให้นักศึกษาเพิ่มโอกาสในการได้งานทำในต่างประเทศสูงขึ้นมาก

ด้วยทิศทางเหล่านี้ TNIC มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาบัณฑิตที่มีคุณภาพด้วยประสบการณ์การเรียนที่แตกต่าง พร้อมรับมือกับโลกที่ยากจะคาดเดา เป็นพลเมืองโลกที่ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ แก้ไขปัญหาเป็น และมีความคิดเชิงกลยุทธ์ที่ยั่งยืน หากคุณเชื่อเหมือนเรา เรียนเชิญมาร่วมสัมผัสการเรียนรู้แบบใหม่ และร่วมเดินทางไปกับวิทยาลัยนานาชาติ Thai-Nichi International College (TNIC)
กำลังโหลดความคิดเห็น