“หมอธีระวัฒน์” พ้อ กัญชา กัญชง คนไทยถูกย่ำยี ปี 63 อย.และทุกหน่วยงานใน สธ.ได้ศึกษาถึงประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ปี 67 กลับเป็นหัวหอกดึงกัญชากลับเป็นยาเสพติด พูดถึงแต่โทษไม่พูดถึงประโยชน์ อ้างว่าไม่มีหลักฐานรองรับ นี่คือประเทศไทยต้องรอให้ฝรั่งทำจึงจะแซ่ซ้องสรรเสริญและซื้อมาใช้ในราคาแพง จึงต้องทำให้ กัญชา-กัญชง กลับเป็นยาเสพติด ไม่คิดถึงการทำให้คนไทยปลอดโรค เข้าถึงการรักษาด้วยตนเอง
วันนี้(9 มิ.ย.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อดีตหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ว่า กัญชา กันชง คนไทยถูกย่ำยี ในปี 2563 อย.และทุกหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขทำงานเกี่ยวกับกัญชาเพื่อการแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทยได้ศึกษาผลประโยชน์ที่ได้รับกัญชาในภาวะสุขภาพต่างๆ และโรคต่างๆ รวมทั้งได้มีรายงานต่อองค์กรต่างๆ ด้วยซ้ำ
2567 อย.กลับกลายเป็นหัวหอกในการดึงกัญชาเข้ามาเป็นยาเสพติดและกัญชงด้วยเพราะชื่อภาษาอังกฤษเหมือนกัน ทั้งๆ ที่การประชุมกรรมการยาเสพติดแห่งชาติในเวลาที่ผ่านมาได้รับทราบประโยชน์ทางการแพทย์ของทั้งสองตัวและเห็นด้วยกับการควบคุมการใช้
2567 อย.และองคาพยพต่างๆ ในกระทรวงสาธารณสุขและสมาคมผู้เชี่ยวชาญต่างๆในปัจจุบันกลับพูดถึงแต่เรื่องโทษของกัญชาซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุม แต่ไม่พูดถึงประโยชน์ที่มีและที่รับทราบกันในทางการ
และถึงกับกล่าวว่ากัญชงและกัญชาไม่มีประโยชน์มีแต่โทษและไม่มีหลักฐานประโยชน์รองรับ
โดยประกาศออกมาว่ากัญชง กัญชา มีแต่โทษ ไม่มีรายงานสนับสนุนเลย
กัญชงเนื่องจากภาษาอังกฤษคือ cannabis เหมือนกันก็ต้องเป็นยาเสพติดเหมือนกัน
นี่คือกระบวนความคิด ทางวิทยาศาสตร์ หรือไสยศาสตร์
ทั้งๆ ที่ในปี 2563 นั้นได้ขยายขอบเขตไปในเชิงเชิงเศรษฐกิจด้วยซ้ำและในเชิงของการเป็นเมดิคัล ฮับ
วิทยาศาสตร์แบบผิดปกติกลายเป็นบรรทัดฐานไปแล้วหรือ
การศึกษาของเราโดยวิเคราะห์ส่วนที่เรียกว่า เทอร์ปีน ในตำรับยาแห่งชาติที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบและมีข้อบ่งใช้เฉพาะในแต่ละสูตรพบว่าจะมีส่วนประกอบต่างกันในแต่ละสูตร
และเช่นกัน CBD ลูกผสมที่ผลิตพื้นบ้านวิเคราะห์ความปลอดภัยไม่มีสิ่งเจือปนก็มีลักษณะเทอร์ปีนแบบเฉพาะตัว เช่นกัน ขึ้นกับวิธีการสกัดและเมล็ดพืชน้ำมันต่างๆ ที่ใช้ร่วมในการสกัดด้วย
และหมอขอยกมาให้ 2 ตัวอย่าง
กัญชง ป้องกัน โควิด ลดความรุนแรงได้ วิเคราะห์จากทั้งกลไก และยีนส์ตอบสนอง รวมทั้งในมนุษย์ ในวารสารที่แนบ และอ่านรายละเอียดในตัววารสาร Science ในปี 2022https://www.science.org/doi/10.1126/sciadv.abi6110#:~:text=CBD%20inhibits%20SARS-CoV-2,response%20and%20interferon%20signaling%20pathways.
บทบาทช่วยรักษาโรคทางสมองจริง เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ส่วนประกอบที่ไม่ติดไม่เมาไม่มีผลทางจิต ที่เรียกว่า CBN ในกลุ่ม กัญชง CBD เป็นตัวที่สามารถยับยั้ง กระบวนการ oxytosis/ferroptosis ในระดับของพลังงานของเซลล์สมองไมโตคอนเดรีย และปรับแต่งหน้าที่การทำงานให้ดีขึ้น
เพื่อวิเคราะห์เส้นทางกลไกการทำงาน ของ CBN คณะนักวิทยาศาสตร์จาก Salk Institute for Biological Studies และ Shirley Bioscience Center USA จึงได้ทำการเฟ้นหาส่วนประกอบที่อยู่ใน CBN และทำให้ได้ CBN analogs ใหม่ 4 ตัว
ซึ่งทำการพิสูจน์ว่าสามารถปกป้องเซลล์ประสาท และมีคุณสมบัติผ่านทางไมโตคอนเดรียเหมือนกับ CBN แต่เก่งกว่า
ทั้งนี้รวมกระทั่งถึงการทดสอบในหลอดทดลองในเซลล์ และ Drosophila model
(รายงานในวารสาร Redox Biology 2024)
ข้อสรุปของรายงานนี้น่าจะทำให้คนไทยดีใจและเสียใจพร้อมกัน
ดีใจเพราะว่าประเทศไทยมีพืชสมุนไพรกัญชงและกัญชาอยู่พร้อม รวมกระทั่ง สามารถที่จะนำไปใช้ในคนป่วยในสภาวะต่างๆ ที่มีการอักเสบในอวัยวะ ทั้งตับ และ อื่นๆ รวมกระทั่งถึงสมอง ในรูปของสมองเสื่อมและสมองอักเสบและผลข้างเคียงที่เกิดตามมา ทางจิตอารมณ์การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นต้น และมีอาการดีขึ้นโดยที่ไม่ได้ใช้ยาปัจจุบันในขนาดสูงหรือโดยที่ยาปัจจุบันไม่สามารถเยียวยาอาการได้แล้ว
เสียใจก็คือ แทนที่จะมีการส่งเสริมการใช้ทางการแพทย์และวิจัยพัฒนาเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ กลับประณาม กัญชงกัญชาและสมุนไพรไทยโดยสรรหาแต่โทษซึ่งเกิดจากการใช้ผิดขนาด สารที่ใช้เป็นสารสังเคราะห์ที่อันตราย และ
นี่คือประเทศไทยต้องรอให้ฝรั่งทำเป็นยามาขายก็จะสรรเสริญแซ่ซ้องว่าเป็นของดีเป็นที่เชิดชู แต่ราคาแพงยับ
ความที่ในประเทศไทยต้องเลือกผลิตภัณฑ์ตามที่ทางการกำหนดโดยไม่มีทางเลือก
ดังนั้นกัญชงทางการแพทย์ จึงต้องใช้ CBD เดี่ยว ทั้งนี้ถ้าใช้ของนอกสั่งเข้ามา ที่ อย. รองรับ ราคาใช้ในต่างประเทศสูงถึง 60,000 ถึง 80,000 บาทต่อเดือน
ประการสำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นของนอกหรือของที่สกัดในไทยอย่างเลิศเอาตัวเดี่ยวๆ จะต้องใช้ขนาดยาสูงมากเพื่อควบคุมอาการชักโดยใช้ร่วมกับยากันชักแผนปัจจุบัน
การใช้ตัวเดี่ยวนั้น ข้อเสียก็คือดื้อง่าย แม้จะนำไปใช้ในความเจ็บป่วยอย่างอื่นก็ตาม
ในกรณีของโรคลมชักนั้น การใช้ตัวเดี่ยว ต้องใช้ปริมาณสูงมาก และทำให้ระดับของยากันชักแผนปัจจุบันมีความเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจาก CBD ตัวเดี่ยว ไปขัดขวาง การขับถ่ายยาอื่นทางตับ
พิษที่เกิดขึ้นเกิดจากยากันชักที่มีระดับสูงขึ้นมาก เกิดอันตรายต่อระบบประสาทและระบบอื่นๆ
คำถามคือ ทำไมไม่ใช้กัญชงที่คนไทยสกัดเองได้โดยมี CBD และอนุพันธ์อื่นๆ ร่วมด้วย และการที่ใช้เป็นหมู่คณะร่วมกันจะทำให้ปริมาณของCBD ไม่ต้องสูงและมีประสิทธิภาพสูงกว่ามากรวมทั้งความปลอดภัย
เรื่องเหล่านี้ แม้กระทั่งต่างประเทศก็ทราบและมีรายงานในวารสารทางการแพทย์
ด้วยเหตุเช่นนี้หรือ ที่ต้องทำให้ กัญชง กลับเป็นยาเสพติด
ด้วยเหตุเช่นนี้หรือ ที่ต้องทำให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด เพราะควบคุมการใช้ผิดวัตถุประสงค์ไม่ได้
สุรา บุหรี่ เป็นยาเสพติดยังไม่สามารถควบคุมการใช้ได้ แต่เห็นได้ทั่วทุกแห่ง?
ประเทศไทยต้องใช้วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์นำโดยไม่ใช้อคตินำ
และเราต้องคิดอย่างเดียวเพื่อให้คนไทยมีความสุข ปลอดโรค เข้าถึงการรักษาด้วยตนเองได้ง่ายขึ้นด้วยความปลอดภัย เพื่อให้ระบบบัตรทองอยู่ได้
กราบขอเพียงเท่านั้นครับ
หมอธีระวัฒน์
Fellow American Neurological Association
Fellow American College of Physicians
นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นแห่งชาติ
ได้รับพระราชทานเข็มดุษฎีมาลาศิลปวิทยาด้านการแพทย์