xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจ "น้ำท่อม" เจอสารกระตุ้นประสาทเกินเกณฑ์ ซ้ำมียา-สารพิษปนเปื้อนเพียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมวิทย์ฯ เผยผลตรวจ "น้ำกระท่อม" หลังปลดล็อก พบ "สารไมทราไจนีน" เฉลี่ยสูงถึง 109 มก./ลิตร สูงสุด 352 มก./ลิตร เกินที อย.กำหนดไม่เกิน 0.2 มก. หวั่นกล่อมประสาท ทำให้เสพติด อึ้งเจอยาผสมเพียบ แถมมียาฆ่าแมลงตกค้าง 23% เตือนนักดื่ม ดื่มหนัก ดื่มบ่อย เสี่ยงได้รับสารพิษสะสม

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รวบรวมผลการตรวจวิเคราะห์น้ำกระท่อมที่ส่งตรวจ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 ที่เริ่มมีการปลดล็อกพืชกระท่อม พบว่า มีเครื่องดื่มกระท่อมและเครื่องดื่มที่ต้องสงสัย ส่งตรวจทั้งหมด 668 ตัวอย่าง พบสารไมทราไจนีน ร้อยละ 96.3 และจากข้อมูลผลการวิเคราะห์เชิงปริมาณตัวอย่างน้ำกระท่อม 46 ตัวอย่าง พบปริมาณสารไมทราไจนีนในช่วง 1.32 - 336 มิลลิกรัมต่อลิตรหรือมีค่าเฉลี่ย 101.2 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมากกว่าปริมาณสูงสุดในการบริโภคต่อวันที่ อย. แนะนำ คือ ไม่เกิน 0.2 มิลลิกรัมต่อวันหรือต่อหน่วยบรรจุ


สารไมทราไจนีนอยู่ในกลุ่มอัลคาลอยด์ (alkaloids) เป็นสารออกฤทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพืชกระท่อมและเป็นสารที่ผู้บริโภคมุ่งหวังจากเครื่องดื่มกระท่อม เนื่องจากฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาท บรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ ลดอาการเมื่อยล้า ทำให้มีความอดทนทำงานได้นานขึ้น แต่หากใช้ในปริมาณสูงจะออกฤทธิ์กล่อมประสาทและทำให้เสพติดได้ นอกจากนี้ ยังตรวจพบสารชนิดอื่นๆ ที่ผสมกับน้ำกระท่อม ได้แก่ พบสารคลอเฟนิรามีน ร้อยละ 19.6 ไดเฟนไฮดรามีน ร้อยละ 21.6 ซึ่งเป็นยาในกลุ่มแก้แพ้ และคาเฟอีน ร้อยละ 2.9 โดยตรวจไม่พบสารโคเดอีนที่เป็นส่วนผสมในยาแก้ไอในทุกตัวอย่าง

ทั้งนี้ เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ความปลอดภัยของน้ำกระท่อม ในช่วงเดือนมี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ได้สุ่มเก็บตัวอย่างน้ำกระท่อมจากทุกภูมิภาคในประเทศไทย จำนวน 52 ตัวอย่าง พบว่าน้ำกระท่อมทุกตัวอย่าง มีปริมาณสารไมทราไจนีนเกินค่าที่ อย. แนะนำ โดยพบในช่วงความเข้มข้น 22.5 - 352.6 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 109.5 มิลลิกรัมต่อลิตร


สำหรับสารเสพติดและยาแผนปัจจุบันที่อาจมีการปลอมปนในน้ำกระท่อมนั้น ยังไม่พบน้ำกระท่อมที่ผสมสารโคเดอีน แต่พบยาแผนปัจจุบัน ได้แก่ คลอเฟนิรามีน ร้อยละ 10.3 และ ไดเฟนไฮดรามีน ร้อยละ 17.9 ตรวจหาสารกำจัดศัตรูพืชตกค้าง 144 สาร พบการตกค้างร้อยละ 23.1 ได้แก่ อะซีทามิพริด ซึ่งเป็นสารเคมีกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ ใช้ป้องกันและกำจัดเพลี้ย ร้อยละ 19.2 คาร์เบนดาซิม ซึ่งเป็นสารกลุ่มเบนซิมิดาโซล ใช้ป้องกันกำจัดเชื้อรา ร้อยละ 3.8 และได้มีการวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยา พบว่า ร้อยละ 80 ของตัวอย่างทั้งหมด มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์เกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยพบการปนเปื้อนของเชื้อโคลิฟอร์มมากที่สุด ร้อยละ 79.2 รองลงมาคือ ยีสต์และรา พบในสัดส่วนร้อยละ 59.6 และเชื้ออีโคไล ร้อยละ 19.2

"การนำยา วัตถุดิบ หรือสารออกฤทธิ์ที่ตรวจพบ มาผสมกับน้ำกระท่อมนั้น แม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยและประเมินความเสี่ยง อย่างไรก็ตามขอย้ำเตือนนักดื่มน้ำกระท่อม การได้รับสารไมทราไจนีนในปริมาณสูง การปลอมปนยาแผนปัจจุบัน การปนเปื้อนจุลินทรีย์ หรือสารกำจัดศัตรูพืชตกค้าง หากบริโภคเป็นระยะเวลานาน และมีความถี่ในการบริโภคสูง ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำกระท่อม อาจจะก่อให้เกิดอาการมึนเมาและเกิดการทะเลาะวิวาทได้ เป็นต้น" นพ.ยงยศกล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น