อธิการบดี สบช. แจงกรณีอดีตนายกแพทยสภายื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ทบทวนโครงการผลิตแพทย์ 3.7 หมื่นล้านบาท ระยะ 10 ปี ย้ำไม่ได้ผลิตแค่ "หมอ" แต่มีทีมสุขภาพรวม 9 วิชาชีพ เน้นคัดคนในพื้นที่มาเรียนและกลับไปทำงานในระบบปฐมภูมิ ตอบโจทย์กระจายกำลังคนในพื้นที่ขาดแคลน ยันการเรียนการสอนมีมาตรฐาน ได้ทีมหมอคุณภาพกลับไปดูแลคนในพื้นที่
จากกรณี นพ.อำนาจ กุสลานันท์ อดีตนายกแพทยสภา ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ชะลอและทบทวนโครงการผลิตแพทย์เพิ่มขึ้นจากปกติ หลัง คราม.มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ โครงการ 37,234.48 ล้านบาท โดยอ้างอิงผลสำรวจว่าปัจจุบันมีจำนวนแพทย์เพียงพอ แต่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และกังวลว่าการผลิตเพิ่มขึ้นจะทำให้คุณภาพด้อยลง โดยเสนอให้เพิ่มแรงจูงใจลดการลาออกของแพทย์ภาครัฐ
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ศ.พิเศษ นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มติ ครม.ดังกล่าวไม่ได้เฉพาะการผลิตแพทย์เท่านั้น แต่เป็นโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัว ตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย ระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2577 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ (Primary care service) ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล และการสาธารณสุข เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึง รวม 9 สาขาวิชาชีพ ได้แก่ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยสาธารณสุข ทันตแพทย์ เภสัชกร นักฉุกเฉินการแพทย์ และแพทย์แผนไทย ซึ่งเมื่อครบระยะเวลาโครงการจะสามารถผลิตบุคลากรทางการแพทย์ได้ 62,000 คน
"แม้ปัจจุบันสถานการณ์ขาดแคลนแพทย์จะไม่มากเหมือนในอดีต แต่การมีแพทย์เพิ่มขึ้นย่อมดีในแง่ของการบริการประชาชนได้เพิ่มขึ้น ส่วนปัญหาการกระจายตัวของแพทย์ พื้นที่ที่ยังขาดจะเป็นพื้นที่ไม่ค่อยมีคนอยากไปอยู่ โดยเฉพาะแพทย์สาขาเวชศาตร์ครอบครัวในระบบบริการปฐมภูมิ มีเพียง 2,043 คน คิดเป็นสัดส่วนแพทย์ต่อประชากร 3.11 ต่อ 100,000 จึงต้องส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มและบริหารจัดการให้มีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม ซึ่งโครงการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและทีมนวัตกรรมสุขภาพ จะคัดเลือกคนจากในพื้นที่หรือนำบุคลากรที่ทำงานในพื้นที่มาศึกษาต่อยอด และกลับไปทำงานในหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ เกิดการเติมเต็มและกระจายบุคลากรแต่ละวิชาชีพเข้าสู่ระบบบริการปฐมภูมิได้อย่างตรงจุด" ศ.พิเศษ นพ.วิชัยกล่าว
ศ.พิเศษ นพ.วิชัยกล่าวว่า โครงการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและทีมนวัตกรรมสุขภาพยังสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์กำลังคนด้านสาธารณสุข ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี มีอายุยืนยาว เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ข ด้านอื่น(5) ที่บัญญัติให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในสัดส่วนที่เหมาะสม ตอบโจทย์นโยบาย Medical hub ของรัฐบาล และนโยบายของนายกรัฐมนตรีเรื่องระบบสุขภาพสำหรับคนไทยและประเทศไทย รวมทั้งสอดรับกับเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนของแพทย์ต่อประชาชนให้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับนานาชาติ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนแพทย์ต่อประชากร 1:1,305 คน ขณะที่สิงคโปร์ 1:411 คน มาเลเซีย 1:448 คน และเวียดนาม 1:1,204 คน
จากกำลังการผลิตแพทย์ในปัจจุบันปีละ 3,386 คน หากจะให้มีจำนวนแพทย์ต่อประชากรอยู่ที่ 1:650 คน จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในปี 2580 ดังนั้นยังต้องผลิตบัณฑิตแพทย์อย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ด้วยความร่วมมือของคณะแพทยศาสตร์ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการผลิตแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์สังกัดกรุงเทพมหานคร กลาโหม และภาคเอกชน ส่วนข้อกังวลเรื่องคุณภาพการผลิตนั้น สถาบันพระบรมราชชนกมีการพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตร์และวิชาชีพสุขภาพต่างๆ ตามมาตรฐานแต่ละวิชาชีพ จึงสามารถผลิตแพทย์ที่จะพัฒนาต่อยอดเป็นแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและทีมนวัตกรรมสุขภาพที่มีคุณภาพ กลับไปดูแลประชาชนในพื้นที่ของตนเองได้แน่นอน