กรมการแพทย์เผยอาการเฉียบพลันหลังรับก๊าซแอมโมเนีย หลังเกิดเหตุรั่วไหลที่โรงงานน้ำแข็งชลบุรี มีทั้งอาการระบบทางเดินหายใจ ดวงตา ผิวหนัง แนะวิธีปฐมพยาบาล รักษาตามอาการ ไม่มียาต้านพิษ เร่งส่งทีมให้ความรู้คนในพื้นที่
จากกรณีเหตุแอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานผลิตน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อคืนวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนเกิดอาการแสบคอ หายใจไม่ออก และแสบตาจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าใกล้สถานที่เกิดเหตุเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร กรมการแพทย์ได้เร่งให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ประชาชน เนื่องจากก๊าซแอมโมเนียมีส่งผลต่อร่างกายพบอาการเฉียบพลัน ได้แก่
- ระบบทางเดินหายใจ คือ มีอาการไอและมีหลอดลมตีบ อาการทางเดินหายใจส่วนบนบวมหรือไหม้ หายใจดังวีด หอบเหนื่อย หรือขาดออกซิเจนได้
- ดวงตา คือ ส่งผลให้เยื่อบุตาขาวอักเสบ น้ำตาไหล ระคาย เคืองกระจกตา ตาบอดชั่วคราวหรือถาวรได้
- ผิวหนัง คือ เกิดการระคายเคืองหรือไหม้ได้
สำหรับอาการระยะยาว ได้แก่ อาการไอเรื้อรัง เหนื่อยขึ้น เอกซเรย์ปอดผิดปกติหรือตรวจการทำงานปอด ผิดปกติ มีรายงานการเกิดพังพืดในปอด ส่วนใหญ่ผู้ที่สัมผัสมักเป็นผู้ทำงานในโรงงานเป็นระยะเวลานาน แต่ในส่วนของอุบัติภัยการรั่วไหลมักจะเกิดอาการแบบเฉียบพลันเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ข้อแนะนำในการปฐมพยาบาล หากสูดดมแอมโมเนียเข้าไป ได้แก่ 1. รีบนําผู้ประสบเหตุออกจากที่เกิดเหตุไปอยู่บริเวณเหนือลม และมีอากาศถ่ายเท สะดวกโดยเร็วที่สุด
2. ตรวจสอบการหายใจและการเต้นของหัวใจ ถ้ายังหายใจ ให้คลายเสื้อผ้าให้หลวม ปลดเข็มขัดหรือเสื้อชั้นใน ถ้ามีเหงื่อออก ให้เช็ดตัว ถ้ารู้สึกตัวให้ดื่มนํ้าหรือเครื่องดื่มเย็นๆ ถ้าหายใจขัดควรให้ออกซิเจน แต่ถ้าหยุดหายใจต้องช่วยผายปอดจนกว่าจะหายใจสะดวก ห้ามใช้วิธีผายปอด ด้วยวิธีเปาปาก
3.หากผู้ประสบเหตุหายใจเอาสารแอมโมเนียเข้าไป ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิด มีที่ครอบให้อากาศแบบวาล์วทางเดียว (One-way valve)
4.หากสัมผัสทางผิวหนัง ควรถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออกให้หมด ล้างด้วยนํ้าให้มาก ๆ อย่างน้อย 15 นาที ล้างบริเวณที่สัมผัสถูกสารด้วยนํ้าที่ไหลผ่านจํานวนมากจนแน่ใจว่าออกหมด
5.หากรับสารทางปาก ให้ดื่มนํ้ามาก ๆ ห้ามทําให้อาเจียน ถ้าหมดสติ ควรจัดให้นอนหงายราบเอียงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งสังเกตการหายใจ และจับชีพจรที่คอ หรือขาหนีบ ถ้าหยุดหายใจต้องทําการปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต และรีบนําส่งโรงพยาบาลทันที
6.หากสารเข้าดวงตา ควรตะแคงเอียงหน้าเอาคอนแทคเลนส์ออก (ถ้ามี) แล้วล้างตาด้วยนํ้าสะอาดจํานวนมากจากหัวตามาหางตาจนกว่า จะไม่เคืองตา ห้ามขยี้ตา ควรล้างนํ้าอย่างน้อย 30 นาที แล้วรีบนําส่งโรงพยาบาลทันทีเช่นกัน
สำหรับวิธีการรักษา เป็นการรักษาตามอาการและไม่มียาต้านพิษเฉพาะ
นพ.กิติพงษ์ พนมยงค์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รพ.นพรัตนราชธานี มีสถาบันอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงช่วยเหลือประชาชน ให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนที่ประสบเหตุและประชาชนในพื่นที่โดยรอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้อง โดยสามารถติดต่อประสานงานหรือขอข้อมูลได้ที่ 0-2517-4333