สธ.เปิดศูนย์ฉุกเฉินกรณี "แคดเมียม" หลังพบบางส่วนยังหาไม่พบ สั่งเข้ม 4 มาตรการ เฝ้าระวังผลกระทบ ตรวจแล็บ ดูแลสุขภาพกาย-ใจ และอนามัยสิ่งแวดล้อม ส่วนตรวจน้ำดื่มน้ำใช้รอบโรงงาย่านบางซื่อไม่พบปนเปื้อน
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กรณีแคดเมียม ว่า การพบกากแคดเมียมกระจายไปหลายจังหวัด ตั้งแต่ตาก สมุทรสาคร ชลบุรี ล่าสุด กทม. ยังมีที่ตามไม่พบอีกจำนวนหนึ่ง ปลัด สธ.จึงสั่งการให้เปิดศูนย์ดังกล่าวที่ส่วนกลาง พร้อมให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเปิดศูนย์ PHEOC ทันที เพื่อประสานการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ที่ประชุม PHEOC ได้กำหนดมาตรการรองรับด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4 ด้าน ได้แก่
1.ด้านการเฝ้าระวังผลกระทบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อาศัยร่วมบ้านกับคนทำงานในโรงงาน หรืออาศัยในบ้านที่มีการทำงานสัมผัสแคดเมียม, กลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีโอกาสในการรับสัมผัสสูง โดยตรวจวัดสิ่งแวดล้อมพบว่าเกินมาตรฐาน และอยู่ใกล้โรงงานที่มีกระบวนการผลิตเกี่ยวกับแคดเมียม และกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือ ผู้มีโรคประจําตัว อาทิ โรคไต
2.ด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สามารถส่งตัวอย่างที่สงสัยมาทำการตรวจได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งแต่ละแห่งสามารถรองรับการตรวจได้ 50 ตัวอย่างต่อวัน
3.ด้านการรักษาพยาบาล ให้จัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ดูแลคัดกรองด้านสุขภาพกาย และทีม MCATT ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจ รวมทั้งให้คำแนะนำการงดแชร์ข่าวสารข้อมูลเท็จต่างๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ตลอดจนเปิดให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง และการตรวจเช็คสุขภาพใจในสภาวะวิกฤตเบื้องต้นด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน MENTAL HEALTH CHECK-IN
4.ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จะมีทีม SEhRT ของกรมอนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ วางแผนเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพต่อประชาชน และอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยรอบอย่างต่อเนื่อง เน้นการตรวจวิเคราะห์สารแคดเมียมและสังกะสีปนเปื้อน ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปาชุมชน หรือประปาหมู่บ้าน รวมทั้งเก็บตัวอย่างอาหาร พืชผักที่จำหน่ายในตลาด เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนในแหล่งอาหาร ตลอดจนสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพให้กับประชาชนด้วย
ด้าน นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงงานย่านบางซื่อที่พบกากแคดเมียม พบได้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข แต่มีการลักลอบนำกากแคดเมียมมาเก็บไว้ในพื้นที่ของโรงงาน ดังนั้น หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น จึงต้องมีการควบคุม กำกับ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากกากแคดเมียมดังกล่าวเป็นสารก่อมะเร็ง หากมีการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงหรือบริเวณโดยรอบโรงงานได้รับผลกระทบด้านสุขภาพอนามัยได้ ทั้งนี้ จากการประเมินความเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน พบว่า น้ำทิ้งจากโรงงานดังกล่าวถูกปล่อยเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียของ กทม.ทำให้ไม่มีการปนเปื้อนของสารแคดเมียมในแหล่งน้ำสาธารณะ แต่เพื่อความปลอดภัยทีม SEhRT ของสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง กรมอนามัย จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำใช้ของประชาชนโดยรอบโรงงาน และภายในโรงงาน ผลยืนยันว่าไม่พบสารแคดเมียมในน้ำอุปโภค บริโภค
"ขอแจ้งให้ประชาชนมั่นใจในการใช้น้ำได้อย่างปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนสารแคดเมียม และได้มีการสื่อสารประชาชนให้มีความรู้เรื่องอันตรายจากการรับสัมผัสสารแคดเมียม และเข้าใจต่อสถานการณ์ พร้อมแจ้งให้ประชาชนดูแลตนเองและครอบครัวสามารถป้องกันตนเองจากความเสี่ยงสุขภาพ หากพบความผิดปกติทั้งสิ่งแวดล้อมโดยรอบและผลทางสุขภาพให้รับแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทันที" นพ.อรรถพลกล่าว