สภา กทม.เดือด สก.ทุกพรรคเอือม กทม.ใช้จ่ายงบฯ อืด ประสานเสียงโวย ผู้ว่าฯแกร่งที่สุดในปฐพีปล่อยมือที่มองไม่เห็นแทรกแซงการทำงาน จน ขรก.ไปไม่เป็น
จากการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 2) ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทหมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.2 ดินแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวิรัช คงคาเขตร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.กทม) ได้เสนอญัตติด้วยวาจา เรื่องขอให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยนายวิรัช กล่าวว่า ตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ได้เสนอร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายกรุงเทพมหานครปี 2567 จำนวนกว่า 90,810 ล้านบาท และสภา กทม.ได้มีมติเห็นชอบไปแล้ว และต่อมายังได้ขอความเห็นชอบสภา กทม.ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการผูกพันงบประมาณ ทำให้เห็นว่ากระบวนการงบฯของ กทม.ล่าช้า จึงขอเร่งรัดให้ กทม.ใช้งบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
จากนั้นสมาชิกสภา กทม.ได้อภิปรายสนับสนุนญัตติ อาทิ นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย สก.เขตบึงกุ่ม กล่าวว่า เห็นด้วยกับญัตติการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ เพราะขณะนี้เข้าสู่ไตรมาส 3/2567 แล้วและในไตรมาส 4 ก็จะมีการพิจารณางบประมาณปี 2568 ชื่นชมผู้บริหารที่มีแนวคิดด้านยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ มีการพูดถึงประเด็นการพัฒนาระบบงาน เงิน คน และระเบียบที่มีประสิทธิภาพเพื่อเป้าหมายคือให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการจัดสรรงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ แต่วันนี้การบริหารจัดการงบฯของ กทม.ยังไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนยังไม่ได้รับประโยชน์เหตุจากความล่าช้าในการดำเนินงาน ระบบราชการบ้านเราตั้งแต่บนลงล่างติดหลายเรื่อง ถ้าเป็นภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า invisible Hand มือที่มองไม่เห็น วันนี้มีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาทำให้กระบวนการการทำงานของข้าราชการในหลายสำนักเกิดปัญหาติดขัดและความระแวงกังวล
“ข้าราชการ กทม.เป็นมืออาชีพและอยู่อีกนานจะทำอะไรต้องคิดแล้วคิดอีก เมื่อมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาแทรกแซงทำให้เกิดปัญหาล่าช้า เมื่องบฯอยู่ในเล่มเรียบร้อยแล้วทำไมไม่ปล่อยให้กระบวนการต่างๆเป็นไปตามระเบียบ ถ้าพบว่ามีปัญหาหรือโกงตรงไหนค่อยมาสอบไม่ใช่ไปดับไฟตั้งแต่ต้น เราต้องรู้จักหน้าที่ของตนเองไม่ควรก้าวก่ายแทรกแซง เชื่อว่าการทำงานจะดีกว่านี้ ถึงเวลาที่ควรจะหยุดมือที่มองไม่เห็นเพื่อให้การทำงานพัฒนาต่อไป” สก.เขตบึงกุ่มระบุ
นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สก.เขตยานนาวา กล่าวว่า ปัญหางบฯล่าช้ามีอยู่ในทุกสำนัก ทั้งสำนักโยธา สำนักงานการแพทย์ สำนักสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ไม่ทราบว่าบุรุษนิรนามหรือมือที่มองไม่เห็นอยู่ฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา เพราะผู้ว่าฯสั่งอย่างตัวละครลับสั่งอีกอย่างหรือเปล่า ขอยกตัวอย่างสำนักสิ่งแวดล้อมในฐานะที่เป็นรองประธานคณะกรรมการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม เห็นงบฯรถขยะล่าช้าไม่เริ่มต้นสักที ทั้งที่เมื่อไตรมาสแรกของปี 66 ได้มีการอภิปรายเรื่องนี้ไปแล้วว่าหากจัดซื้อจัดจ้างรถขยะล่าช้าจะเกิดปัญหาอะไรบ้าง นโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนรถพลังงานไฟฟ้าก็ประกาศเร่งด่วนออกมาแล้ว นโยบายของผู้ว่าฯก็ออกมาแล้วไม่ทราบว่าทำไมถึงยังไม่คืบหน้า มั่นใจว่าผู้ว่าฯอยากทำงานอย่างโปร่งใส แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองก็ควรจะมีการพิจารณา อย่าปล่อยให้มีการประวิงเวลาจนวินาทีสุดท้าย ถ้ามีการเสียงบฯเพิ่มเติมอีกหลายร้อยล้านใครจะรับผิดชอบ เรื่องนี้คนทำงานอาจจัเลือกไม่ได้ว่าจะซ้ายดีหรือขวาดี เรื่องนี้ง่ายมากขอให้เลือกผลประโยชน์ของประชาชน และการเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าไม่ใช่เฉพาะรถขยะ แต่รถที่ใช้ในระบบราชการก็ควรจะเป็นรถ EV ด้วยเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องมาสูดดมมลพิษ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงว่า การใช้จ่ายงบประมาณของสำนักต่างๆ อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้คือ ไตรมาส 2/67 ต้องไม่ต่ำกว่า 35% อาจจะมีบางสำนักที่ล่าช้าไปบ้าง แต่เชื่อว่าไม่มีสมัยไหนที่มีโครงการลงพื้นที่ลงเขตเยอะขนาดนี้ ขอยืนยันว่าฝ่ายบริหารทำตามนโยบาย งบประมาณอยู่ในกฏหมายก็ต้องทำตามกฏระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเวลามีปัญหาเจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อยคือคนที่ต้องร่วมรับผิดชอบตามลำดับ ฝ่ายบริหารพยายามผลักดันและเดินให้โปร่งใสที่สุด ทั้งนี้ขอน้อมรับคำแนะนำของท่านสมาชิก มีหลายประเด็นที่อาจจะยังไม่ทราบข้อมูลเมื่อได้ทราบจากท่านสมาชิกก็จะไปดำเนินการเร่งรัดให้
“กรณีเรื่องของรถขยะการจะเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าไม่ใช่ง่ายๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงในโลกมีคนที่เสียประโยชน์ไม่อยากให้เปลี่ยนแปลง ผมเชื่อว่ามีแรงเสียดทานเยอะนี่คือปัญหาที่เจอจริงๆ ดังนั้นกระบวนการอาจจะไม่ได้เร็วดังใจคิดแต่ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาแต่อย่างไรก็ตามรถขยะต้องไม่ขาด และสุดท้ายแล้วก็ต้องทำเป็น EV ให้ได้ เพราะเป็นเรื่องของโลกและการรักษาสิ่งแวดล้อม ถ้าเราไม่ตัดสินใจทำในวันนี้สุดท้ายแล้วก็จะเป็นรูปแบบเดิม ส่วนเรื่องของไอ้โม่งหรือมือแม่นาค ถ้าเกิดมีท่านสมาชิกมาคุยรายละเอียดเลยจะพยายามแก้ปัญหาให้” ผู้ว่าฯกทม.ทิ้งท้าย
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หลังจากที่ สภากทม.ได้เห็นชอบข้อบัญญัติงบประมาณกทม.เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566 สำนักงบประมาณกรุงเทพมหานครได้มีหนังสือแจ้งให้ทุกหน่วยงานเริ่มหาผู้รับจ้างตั้งแต่ 7 ก.ย. เป็นต้นไป โดยฝ่ายบริหารได้ติดตามงบของหน่วยงานอย่างต่อเนื่องรายสัปดาห์ รายเดือน และไตรมาส เพื่อตรวจสอบความล่าช้า ภาพพรวมการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคาดหวังว่าในไตรมาสที่ 1 หน่วยงานต้องใช้งบประมาณให้ได้ 15 % ไตรมาสที่ 2 ใช้งบประมาณให้ได้ 35% ไตรมาสที่ 3 ใช้งบประมาณให้ได้ 55% และไตรมาสสุดท้ายต้องใช้งบประมาณให้ได้ 100% แต่พบว่าขณะนี้ไตรมาสที่ 2 ยังมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมได้ไม่ถึง 35% ดังนั้นจะเร่งรัดทุกหน่วยงานให้ทำงานตามแผนงานต่อไป